ได้ยินมานานว่าเพชรน้ำร้อย เพชรน้ำหนึ่ง ว่าแล้วก็สงสัยว่ามีจริงมั้ย หน้าตาประมาณไหนกันแน่
ไม่รู้เหมือนกันว่า “น้ำร้อย” หรือ “สี 100%” ที่ว่านี้มาจากไหน แต่ที่แน่ๆ เวลาพูดถึง “เพชรน้ำร้อย” เรากำลังพูดถึงเพชรที่มีสีขาว ใส แบบไม่มีสีอื่นมาปน เพชรเม็ด นั้นจะใสกริ๊กเหมือนก้อนน้ำแข็งที่ส่งประกายแวววาวโดยที่ไม่มีสีเหลืองมาแอบ ปนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว และคำว่าเพชรน้ำร้อยนี้ ใช้ได้แค่ในประเทศไทยเท่านั้นนะจ๊ะ ออกนอกประเทศไปถามหา อาจะได้มีงงกลับมา เพราะเมืองนอกเค้าแทนระดับสีด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษ ซึ่งเทียบได้กับสเกลสีแบบมาตรฐานสากลที่ใช้กันทั่วโลกที่ตัวอักษร D
.. ที่มีแต่คนถามว่า ABC มันหายไปไหน? ทำไมเริ่มที่ตัว D?
คำตอบก็คือ ในสมัยโบราณนั้นมีคนพยายามริเริ่มระบบการจัดเกรดเพชรกันมากมายเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็เริ่มต้นกันที่ตัว A ต่อด้วย BCD ไปเรื่อยๆ บ้างก็เริ่มที่ A แต่ดันไปต่อด้วย A+ A++ ให้ได้งงกันว่ามันเหมือนกันมั้ย ของใครแปลว่าอะไร
ว่าแล้วสถาบัน GIA ก็ลุกขึ้นมาทุบโต๊ะประกาศกลางวงว่าเราได้คิดค้นระบบการจัดเกรดอย่างเป็น มาตรฐานมาเป็นที่เรียบร้อย เราขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า เราจะแทนค่าสีของเพชรที่ขาวที่สุดด้วยตัวอักษร D นับแต่นี้เป็นต้นไป
เป็นการแจ้งเกิดระบบอันเป็นหนึ่งเดียวที่ใช้กันมาจนทุกวันนี้
ดังนั้น งานนี้ คุณหมอเพชรจึงขอตอบอย่างเต็มปากเต็มคำว่า เพชรนำ้ร้อยมีจริง ขาวจริง สวยจริง สมดังคำร่ำลือ
ส่วนเรื่องราคา หลายคนอาจแอบเบ้ปากเบะหน้าแบบไม่ได้ตั้งใจว่ามันต้องแพงแน่ๆ แต่ขอบอกว่าไม่จริงเสมอไป เพราะในการซื้อเพชร ควรต้องดูให้ครบปัจจัยสี่อันเป็นพื้นฐาน ซึ่งก็ได้แก่เรื่องของสี ความสะอาด ขนาดและการเจียระไน หมายความว่า ถ้าเพชรน้ำร้อย เม็ดไม่ได้ใหญ่มาก ความสะอาดไม่ได้สูงลิ่วทะลุฟ้า งานนี้ก็อาจจะไม่เกินไขว้คว้า เพราะราคาไม่ได้แพงจนเกินเอื้อม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น