ผู้ชายอยากสวย ผู้หญิงอยาก
หล่อ ในยุคนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากๆ
ด้วยความที่สังคมยุคใหม่เปิดกว้างมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ดังเช่นเรื่องราวของ "เขา" หรือ "เธอ" คนนี้
"คุณเอ็ม" สมาชิกจาก กระทู้ฮอต Pantip.com ที่มาแชร์เรื่องราวประสบการณ์จริงบนโลกออนไลน์ เปลี่ยนแปลงตัวเองจาก "
ผู้ชาย" กลายเป็น "
ผู้หญิง"
มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องผ่านอะไรมากมาย
ประสบการณ์ของเธอจะเป็นอย่างไร ตามมาติดตามเลยค่ะ
ผู้หญิงอย่าหยุดสวย! แชร์ประสบการณ์จาก ด.ช. กลายเป็น น.ส.
แนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ เอ็ม ตอนนี้อายุ 24 ปีค่ะ
เคยได้อ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเพื่อนๆ หลายๆ
คนก็เลยแอบมานึกถึงตัวเองว่าตัวเราเองก็เป็นอีกคนนึงที่ผลักดัน
อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน.
วันนี้ก็เลยขอยืม id เพื่อนเพื่อมาแชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอ็มเองค่ะ
เริ่มเลยละกันเนอะ จะได้ไม่เสียเวลาเพื่อนๆ >>>
ต้องบอกก่อนเลยว่า เราเคยเป็นเด็กผู้ชายตัวดำๆ เหมี่ยงๆ เกิดที่โคราช
มาโตที่ปากช่อง มักจะถูกเพื่อนล้อเรื่องสีผิวมาโดยตลอด ว่าดำบ้างละ
ขาเรืองแสงบ้าง (เพราะมันดำบวกกับการทาครีมหนัก)
แล้วบวกกับที่ว่าสังคมตอนนั้นยังไม่ยอมรับเพศที่สามได้มากขนาดนี้ด้วย
เราเลยได้รับอิทธิพลการดูถูกจากคนรอบๆ ข้างมาเยอะพอสมควร
งั้นเราจะให้ดูรูปตอนเด็กๆ ไปพรางๆ
พร้อมพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงตัวเองของเราไปละกันเนอะ>>>

นี่สมัยยังเด็กมากๆ คงยังดูไม่ออก 555+ >>>>

อ่ะ.... โตขึ้นมาอีกหน่อย (คงไม่ต้องบอกก็รู้เนอะว่าคนใหน) 555+
ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ตัวเอง รู้แค่ว่าชอบของสวยๆ งามๆ แค่นั้น
ยังไม่มีความรู้สึกว่าชอบผู้ชาย
อ่ะต่อนะคะ>>>> เรามารู้ตัวว่าเราไม่ใช่ผู้ชายละตอน ป.6
ตอนนั้นเพื่อนทุกคนอึ้งมากเพราะตอนเข้ามาเรียนนางแอ๊บแมนจ้า 555+
หลังจากนั้นก็เริ่มมีการเปิดตัวเอง ด้วยอาการหลายๆ อย่างที่เพื่อนๆ
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า "อินี่ตุ๊ดละ" 555+
จนเวลาก็เดินทางมาจนถึง ม.3 ตอนนั้นรู้ละว่ายังงัยเราก็อยากเป็นผู้หญิง เลยตัดสินใจเปิดใจคุยกับทาง
บ้าน
และโชคดีมากที่ทางบ้านเรารับได้ แต่มีกฏตายระหว่างเอ็มกับแม่คือ
แม่ขอเลยว่าถ้ารักที่จะเป็นผู้หญิง ก็ต้องทำตัวให้เป็นผู้หญิง
ไม่ว่าจะเป็นกริยาท่าทางรวมไปถึงการใช้ชีวิต มารยาท เราก็ตอบตกลงเลยทันที
แต่ตอนนั้นงงมากว่าจะสวยได้ยังไง >>>

ป๊าด... ทางม้าลายชัดๆ ร้องไห้
ดูสิ มันจะสวยยังไงได้ (ตอนนั้นมีแต่คนชมว่าหล่อ คม อย่าเป็นเลยไม่รุ่งหลอก) แต่ในใจนี่คือแบบ.... ฆ่าฉันๆ ให้ตายดีกว่า 555+
ต่อคะ>>> จนจบ ม.3 จากปากช่อง
ก็ได้มีโอกาศมาเรียนต่อที่อเมริกา ตอนนั้นรู้สึกอย่างเดียวเลยว่าดีใจมาก
เนี่ยแหละหนทางความสวยของช้าน 555+ มาอยู่อเมริกาก็ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย
ลำบากคะ แต่ก็สนุกดีนะ คิดอย่างเดียวว่าเราจะต้องดูดีขึ้น ต้องสวยขึ้น
เพราะวันที่เรากลับไปเมืองไทย ทุกคนต้องตะลึง (คิดแบบนี้จริงๆ)
>>>

นี่คือปีแรกที่ได้มาเรียนอเมริกา และนางก็เป็นนักกีฬาโรงเรียนจ้า (ผมเริ่มยาวละจ้า)
ผู้ชายถามว่า เอ็มยูเป็นเกย์ป่ะ? ไอนี่ตอบเลยว่า.... โนวๆๆ แอ็มนอทเกย์นะ (แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายนะ) 55+
ก็
ใช้ชีวิตในการเป็นนักเรียน high school จนถึงอายุ 18 ปี
ตอนนั้นผมเริ่มยาวละ
ก็เลยเริ่มปรึกษากับแม่อีกสเต็ปนึงว่าเราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ไม่เปลี่ยนใจละ คืออยากเป็นผู้หญิงแบบเต็มตัว แม่บอกคิดให้ดีก่อนดีมั้ย
เป็นแบบไม่ออกได้มั้ย คือมันเป็นเรื่องใหญ่นะ กลับไปคิดให้มากๆ
อีกซักนิดจะดีกว่านะ เรานี่แบบ.... แป้วเลยละตอนนั้น เศร้า
ก็
เลยกลับมาคิดใหม่ คิดๆๆ
คิดทบทวนอีกทีว่ามันคือสิ่งที่เรารู้สึกและอยากจะเปลี่ยนจริงๆ ใช่มั้ย
คำตอบก็ออกมาเป็นแบบเดิมนั่นคือ เราอยากเป็นผู้หญิง เราอยากสวย
เราไม่ได้อยากเป็นเกย์ เราอยากเป็นเหมือนแม่ แม่ทั้งสวยและเก่ง
ใช้เวลาคิดศึกษาหาข้อมูลอยู่เป็นเวลา 1 ปี จนอายุ 19-20 ปี
เลยคุยกับแม่ใหม่อีกรอบ โดยรอบนี้มีน้องชายมาร่วมนั่งคุยด้วย
เราก็เลยบอกแม่ไปเลยว่า
แม่.... หนูคิดดีแล้วนะ และหนูก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจแน่นอน
ถ้าการตัดสินใจของหนูมันจะส่งผลดีหรือผลเสียยังไงหนูก็รับได้คะ
แม่ก็เลยถามว่าอยากจะทำอะไร? เราก็เลยบอกแม่ว่าอยากแปลงเพศก่อน
แล้วแม่ก็นิ่งๆ ไป คือเราก็รู้แหละแกคงไม่ค่อยเห็นด้วย
บวกกับน้องซึ่งเป็นผู้ชาย เราก็แอบกังวลนิดนึงว่าน้องเราละ จะยังไง
เพื่อนน้องจะล้อมั้ยว่ามีพี่เป็นแบบนี้ แต่น้องชายบอกว่าโอเค
เพราะยังไงเราก็เปลี่ยนไม่ได้แม่แกเลยปล่อย
แต่!!! ประเด็นตอนนั้นมันคือ เราต้องหาเงินทำเองนะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย
เราเลยตั้งใจทำงานเก็บเงินด้วยตัวเราเอง จนทำได้สำเร็จ เราแปลงเพศตอนอายุ
20 ปี นั้นคืออย่างแรก >>> อย่างที่สอง เราก็ทำงานเก็บเงินทำจมูก
>>> และอย่างที่สามเราก็มีโอกาศได้ทำหน้าอกตอนอายุ 22 ปี
ทุกอย่างเป็นเงินของเราหมด โดยเราไม่ต้องแบมือขอเงินแม่เลยซักบาทเดียว
คือมันเป็นความภุมิใจอีกอย่างนึงนะสำหรับเรา เราทำงานหาเงินเองตั้งแต่เด็ก
ค่าใช้จ่ายส่วนตัวมันคือเงินของเราเองหมด แม่เลยไม่ว่าอะไร
>>> และความภูมิใจอีกอย่างเมื่อไม่นานมานี้เองทุกคน
เราได้เป็นพลเมืองของคนอเมริกาอย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อย
และทางกฏหมายที่นี่ก็เปลี่ยนคำนำหน้าจากนายเป็นนางสาวโดยที่เราจะได้รับ
สิทธิการเป็นผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้หญิงคนอื่น (ดีใจมากกกกกกก)
เพราะจะมีซักกี่คนที่รู้ว่ามันสำคัญในการใช้ชีวิตกับเรามากขนาดใหน
>>> หลังจากนั้นก็พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ คะ ทั้งหน้าตา รูปร่าง
ผิวพรรณ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนคล้ำมาแต่เด็กก็อาจจะไม่ได้ขาวจั้วหลอกคะ
จำ
คำแม่ขึ้นใจเสมอว่าการที่เราเป็นแบบนี้ จะทำให้คนยอมรับได้นั้น
สิ่งสำคัญเลยคือการวางตัว คนจะยอบรับไม่ยอมรับเราได้นั้น
ขึ้นอยู่กับการวางตัวของเราเป็นหลัก เราต้องขอบคุณการเลี้ยงดูของทางบ้าน
แม่ ป๊า ที่เข้มงวดเรื่องวินัย การพูดจา
ทุกอย่างที่ทุกคนสอนมันทำให้เราโตขึ้นมาเป็นคนแบบนี้จริงๆ
>>> เล่าตั้งนาน มาดูพัฒนาการช่วงหลังๆดีกว่า ติชมได้เลยน้า เราจะได้เอาไปพัฒนาตัวเอง

นี่แหละคุณแม่ผู้เข้มงวดเรื่องการวางตัวมาก ตอนนั้นยังหน้าเบี้ยวเพราะจัดฟันคะ 555+

และนี่ก็คือในวันที่มีหน้าอกหน้าใจเจ้าคะ 55+

ขยับมาอีกนิดกับพัฒนาการคะ แต่เหล็กยังคงอยู่

ผมยาวมากช่วงนั้น
>>> และสุดท้ายก็เป็นช่วง 1-2 ปีหลังมานี้คะ

ตอนนั้นทรายสีเพลิงกำลังดัง นี่ก็ตามรอยซะหน่อย ซานฟรานซิสโก

ก็ยังคงอยู่ที่ซานฟราน

>>> และล่างนี้ ก็ปีนี้คะ 2015

>>> เนี่ยแหละทุกคนคะ แรงดูถูกจากใครหลายๆคนในวันนั้น
ทำให้เราฮึดอยากที่จะสวย
เราเลยอยากจะเป็นอีกหนึ่งแรงบรรดาลใจให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังหมดหวัง
เชื่อเราเถอะ คนเรามันพัฒนาได้ อยู่ที่ว่าคุณจะมีความพยายามมากน้อยขนาดใหน
ศึกษาหาข้อมูลให้ดี
เอาคำกดดัน คำดูถูกทั้งหมดมาเป็นแรงบวก แล้วพัฒนาตัวเอง ยังไงคนเราก็ชอบมองของสวยๆ งามๆ คะ
>>>> ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงก็สามารถติชมมาได้ค่ะ แล้วเดี๋ยวมีอะไรจะมาอัพเดทให้ชมเรื่อยๆ นะคะ
>> หรือเข้าไปตามใน ig / facebook ได้นะค้า ig: m.paopao และ facebook: https://www.facebook.com/yoranda.kittipraphaphong
>>>> สู้ๆคะ เราเป็นกำลังใจให้