แม้หลายคนจะบอกว่าตนเองมีผิวหน้ามัน
ผิวผสม ผิวธรรมดา หรือบางครามีผิวแห้ง แต่คุณทราบหรือไม่ว่า
มีเจ้าสภาพผิวประเภทหนึ่งที่สามารถมาเยือนคุณได้ทุกเมื่อคือ ผิวแพ้ง่าย
ผิวแพ้ง่ายพบในผู้หญิงมากกว่า
ผู้ชาย โดยผู้หญิงไทยกว่า 50% มีผิวที่แพ้ง่าย
ซึ่งปัจจัยหลักเกิดจากชั้นไขมันปกป้องผิวถูกทำลายจากสภาพแวดล้อม
ไม่ว่าจะแสงแดดหรือมลภาวะ หรือการใช้สารเคมีต่างๆบนผิวหนัง
จนเกราะป้องกันผิวหนังอ่อนแอลง
เป็นเหตุให้สารที่ก่อให้เกิดความระคายเคืองเข้าสู่ผิวได้ง่าย
อาการผิวแห้งและระคายเคืองจึงตามมา
สาเหตุของผิวแพ้ง่ายเกิดจากความไม่สมดุลและความไม่แข็งแรงของผิว
อันได้แก่ ผิวหน้าที่ขาดน้ำ สังเกตได้จากการเกิดริ้วรอยเล็กๆ
ที่ฟ้องว่าความชุ่มชื้นใต้ผิวหนังไม่เพียงพอ ผิวหน้าแห้ง ผิวแตก
อายุที่มากขึ้นมีแนวโน้มที่ผิวจะมีความอ่อนไหวมากขึ้น
และปัจจัยภายนอกเช่นแสงแดดและมลภาวะ เป็นต้น
แม้บางคนจะเคยมีผิวแข็งแรงมาตลอด
แต่ก็มีโอกาสมีผิวที่เปลี่ยนแปลงไปสู่ผิวแพ้ง่ายได้ ทั้งจากสารเคมี
มลภาวะ ผิวสูญเสียน้ำ เกราะป้องกันผิวทำงานไม่เต็มที่
โดยอาการที่บ่งบอกว่าคุณมีผิวแพ้ง่าย คือ ผื่น แดง อาการบวม ผิวแตก แห้ง
หยาบ กร้าน ลอกเป็นขุย คัน หรือบางกรณีมีอาการแสบตึงร่วมด้วย
ฟิซิโอเจล
ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการดูแลผิวที่ล้ำหน้าด้วยความเข้าใจในโครงสร้างและ
ความต้องการของผิวอย่างแท้จริง
จึงขอมอบวิธีการกู้ภัยผิวหน้าจากอาการแพ้ง่าย มี 5
ขั้นตอนและหากทำอย่างเคร่งครัด
ก็เชื่อเลยว่าผิวคุณจะกลับมาสดใสแข็งแรงได้สบาย
1.หลีกเลี่ยงจากสาเหตุตัวการทำให้แพ้ :
ให้ลองฝึกสังเกตว่าอาการแพ้ผื่น สิวผด คัน ลอก ขุย ฯลฯ
มาเมื่อคุณทำพฤติกรรมใด แล้วทดลองหยุดหรือหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น เช่น
เปลี่ยนครีมทาหน้าใหม่ เปลี่ยนน้ำหอม เปลี่ยนอาหารการกิน วิตามินหรือยา?
เปลี่ยนสิ่งแวดล้อม ที่นอน หรือสภาพอากาศ
แล้วหันมาใช้ครีมบำรุงที่ไม่มีวัตถุกันเสีย ปราศจากน้ำหอม ไม่มีการแต่งสี
สารเคมีที่ก่อให้เกิดการอุดตัน และสำคัญที่สุดคือไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
2.งดการขัดผิว และทำทรีทเม้นท์บนใบหน้า :สาวๆ
บางคนเมื่อมีอาการแพ้ ผื่นขึ้น ผิวหน้าลอก สิวบุก
จะเข้าใจว่าต้องรีบเยียวยาหนังหน้าด่วนจี๋ ระดมทรีทเม้นใส่อาหารผิว
ทั้งนวดทั้งขัดไม่ยั้งหวังจะให้ผิวกลับมาแข็งแรงโดยไว
แต่หารู้ไม่ว่าการขัดผิวหน้า จะทำให้ชั้นไขมันปกป้องผิว (Skin lipid
barrier) ถูกทำลาย ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว
ทำให้ผิวแห้งยิ่งขึ้นไปอีก(จริงอยู่ที่เราควรขัดผิวเพื่อผลัดเซลส์ผิวใหม่
บ้างแต่ต้องท่องจำให้ขึ้นใจว่า ห้ามทำในช่วงที่ผิวไม่แข็งแรงนะจ๊ะ)
3.ห่างไกลเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และบุหรี่ :
งานวิจัยหลายฉบับพบว่าการสูบบุหรี่มีผลเสียต่อผิว ทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ
ปัญหาสิว และเป็นต้นตอของมะเร็วผิวหนัง
เนื่องจากสารเคมีในบุหรี่ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระทำลายโครงสร้างของผิวในชั้น
เซลส์ ทั้งยังลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
ในส่วนของการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์นั้น จะส่งผลให้ร่างกายปัสสาวะบ่อย
ขาดน้ำ ทั้งยังทำให้ร่างกายขาดวิตามินบีทำให้ผิวแห้ง
เกิดอาการคันตามผิวหนัง ยิ่งไปกระตุ้นให้เกิดการเกา (ในช่วงมึนเมา
ฮาาาาา...) ทำให้อาการแพ้ลุกลาม
4.หลีกเลี่ยงแสงแดดและทาครีมกันแดด :
บางคนเมื่ออกแดดรู้สึกว่าผิวมีอาการระคายเคือง เกิดอาการคันนั้น
อาจเกิดจากผิวหน้ามีอาการแพ้แดด
โดยอาการจะคล้ายคลึงกับอาการผิวแพ้ง่ายทั่วไป พบร่วมกับอาการผิวแดง คัน
อาจมีตุ่ม ผื่น หรือพุพองร่วมด้วย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากรังสียูวี
ดังนั้นจึงควรหมั่นทาครีมกันแดดในช่วงระหว่าง 10.00 – 15.00 น.
โดยควรเลือกครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่ายปราศจากสารระคายเคือง
ผิว เช่น น้ำหอม
แนะนำควรเลือกครีมกันแดดแบบเนื้อเจลที่ปราศจากความมันทำให้ผิวรู้สึกสดชื่น
เนียนนุ่ม และไม่ก่อให้เกิดสิว โดยเลือกค่า SPF ตั้งแต่ 40 PA+++ ขึ้นไป
เพื่อการปกป้องทั้งรังสียูวีเอและยูวีบีในช่วงกว้าง
ไม่เสื่อมสลายเร็วเมื่อโดนแสง
5.เลือกผลิตภัณฑ์ที่ “ใช่” กู้ภัยหนังหน้าพัง :
มาถึงตรงนี้หลายคนใจร้อน อยากให้ฟันธงกันมาเลยว่าควรใช้ครีมอะไร
ซึ่งผู้เขียนแนะนำได้ว่า สิ่งที่ดีที่สุดคือควรเลือกครีมที่มีค่า PH
ใกล้เคียงกับผิว โดยควรใส่ใจตั้งแต่การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหน้า
ที่อ่อนโยนแม้ผิวที่บอบบางปราศจากสารสบู่ มีค่าใกล้เคียงกับน้ำ
ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยให้หน้าไม่แห้งตึง
หลังจากล้างหน้า
และสำหรับครีมบำรุงควรเลือกครีมที่เหมาะกับผิวบอบบางแพ้ง่าย
ไม่มีส่วนผสมของตัวการหลักที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง ได้แก่ สี น้ำหอม
และสารกันเสีย
สำหรับเคล็ดไม่ลับของการฟื้นฟูผิวหน้าให้กลับมาดีดังเดิมก็คือ
ควรเลือกครีมที่มีโครงสร้างคล้ายคลึงกับชั้นไขมันที่ปกป้องผิวหนังตาม
ธรรมชาติ (Physiological lipid)
เพื่อช่วยปกป้องผิวและฟื้นฟูผิวจากการถูกทำร้าย ไม่ว่าจากสารเคมี มลภาวะ
หรือการขัดผิว และคืนความชุ่มชื้นให้ผิว
อีกทั้งควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของ Ceramide
ที่ช่วยเติมเต็มชั้นไขผิวหนังที่พร่องไปอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น