วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิธีไปงานปาร์ตี้แบบไม่อ้วน ดริงก์แบบนี้สิ หุ่นสวยไม่พังง่ายชัวร์ !


วิธีไปงานปาร์ตี้แบบไม่อ้วน ดริงก์แบบนี้สิ หุ่นสวยไม่พังง่ายชัวร์ !

วิธีไปงานปาร์ตี้แบบไม่อ้วน ดริงก์แบบนี้สิ หุ่นสวยไม่พังง่ายชัวร์ !

เมื่อไรที่ต้องไปงานปาร์ตี้สังสรรค์ แน่นอนว่าทุกงานจะต้องมีการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตัวการทำลายหุ่นสวยให้พัง ลงโดยง่ายทั้งสิ้น นอกจากแอลกอฮอล์แล้ว บรรดากับแกล้มก็มีอีกตั้งหลายอย่างที่เป็นอาหารแคลอรีสูง หลายคนเข้างานปาร์ตี้ทีไรหุ่นพังกลับมาทุกที แต่หากไม่อยากให้การไปดริงก์ของคุณทำแผนการลดน้ำหนักพัง และไม่อยากให้การไปงานหมดสนุก เรามีวิธีไปดริงก์อย่างฉลาดๆ มาฝากดังนี้แล้วค่ะ
กินให้อิ่มก่อนออกไปดริงก์
อย่าปล่อยให้ท้องว่างก่อนออกจากบ้านไป ดื่มเด็ดขาด เพราะช่วงที่ท้องว่างนั้นจะทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลและแอลกอฮอล์ได้อย่าง รวดเร็วง่ายดาย นอกจากทำให้เมาเร็วขึ้นแล้ว น้ำตาลยังเป็นที่มาของการเกิดไขมันสะสมอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย ดังนั้น แนะนำให้กินอาหารให้อิ่มก่อนออกจากบ้านไปดื่มสังสรรค์จะดีกว่า โดยควรเน้นกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเป็นหลักและอยู่ท้องนาน แบบนี้รับรองค่ะว่ากินอาหารที่งานปาร์ตี้ไม่ได้เยอะแน่ๆ
ดื่มน้ำเปล่าร่วมด้วย
มีงานปาร์ตี้ที่ไหนก็มักจะต้องมีการดื่มแอลกอฮอล์ที่นั่น แนะนำให้สาวๆ ดื่มน้ำเปล่าควบคู่ไปด้วยในขณะที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะน้ำเปล่าจะช่วยให้ระดับแอลกอฮอล์และน้ำตาลในเลือดเกิดความเจือจางลงได้ และยังช่วยลดปริาณของการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลงได้ด้วย โดยการดื่มน้ำเปล่าประมาณ 1 แก้ว สลับกันกับการดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยให้เราดื่มได้ช้าลงมากขึ้น และยังช่วยให้ไม่รู้สึกเมาง่ายด้วยค่ะ
ดื่มแค่พอดี
หากสาวๆ คนไหนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก การไปปาร์ตี้แบบไม่ให้อ้วนก็สามารถทำได้เช่นกันนะคะ โดยเฉพาะการดริงก์อย่างฉลาด เพียงแค่ไม่ดื่มมากหรือไม่เผลอเอาแต่หยิบกับแกล้มเข้าปากมากจนเกินไป และจากที่สั่งดื่มบ่อยหลายๆ แก้ว แค่เปลี่ยนมาสั่งแก้วเดียวแล้วค่อยๆ จิบแบบเพลินๆ ไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ทำให้การมาปาร์ตี้ของคุณสนุกไปอีกแบบได้เช่นเดียวกัน ที่สำคัญไม่ทำลายแผนลดน้ำหนักของคุณให้ต้องพังลงอีกด้วยนะเออ
ดื่มแชมเปญแทนเครื่องดื่มอื่นๆ
เพราะแชมเปญถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีปริมาณแคลอรีน้อย เมื่อเทียบกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ โดยแชมเปญ 1 แก้ว มีปริมาณแคลอรีเพียงแค่ 89 กิโลแคลอรีเท่านั้น ขณะที่เบียร์ 1 ไพน์ จะมีปริมาณแคลอรีมากถึง 182 กิโลแคลอรี นอกจากนี้ แชมเปญยังเป็นเครื่องดื่มที่มีฟองซึ่งจะช่วยชะลอการดื่มของเราไปในตัวให้ น้อยลงได้ อย่างไรก็ดี ไม่ควรเผลอดื่มมากเกินไปนะคะ เพราะหากดื่มไปมากล่ะก็ย่อมเมาได้เช่นกัน และยังทำให้ท้องอืดได้อีกด้วย เอามาจิบไปเพลินๆ จะดีกว่าค่ะ
แค่สาวๆ ลองทำตามนี้ บอกเลยค่ะว่าการไปดริงก์ในงานปาร์ตี้ของคุณจะยังคงสนุกสนานต่อไป และยังคงช่วยให้แผนการลดน้ำหนักของคุณยังคงดำเนินไปได้ตามปกติอีกด้วย

ความแตกต่างของฝ้า-กระ และสาเหตุในการเกิดที่สาวๆ ต้องรู้ !


ความแตกต่างของฝ้า-กระ และสาเหตุในการเกิดที่สาวๆ ต้องรู้ !

ความแตกต่างของฝ้า-กระ และสาเหตุในการเกิดที่สาวๆ ต้องรู้ !

เมื่อไรที่สาวๆ ส่องกระจกแล้วพบกับปัญหาผิวบนใบหน้า นอกจากสิวแล้ว ฝ้าและกระก็ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่กวนใจผิวสวยไม่น้อย สาวๆ คนไหนที่อยากรู้ว่าฝ้าและกระแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเรียกว่าฝ้า แบบไหนเรียกว่ากระ และมีสาเหตุของการเกิดฝ้าและกระอย่างไรบ้าง เรามีคำตอบมาฝากแล้วค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง "ฝ้า" กับ "กระ"
กระจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ มีสีน้ำตาลอ่อนหรืออาจจะเข้มกว่าสีผิวปกติ โดยจะขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตามผิวหน้า กระที่ขึ้นแค่ชั้นบนของผิวหรือชั้นหนังกำพร้าก็คือ กระธรรมดา เช่น กระเด็กหรือกระแดด ส่วนกระชนิดที่ไม่ปกติธรรมดาก็คือ กระเนื้อที่มีลักษณะเป็นสีเข้มๆ มีเนื้อนูนขึ้นมาจากผิวหนังมาก พบได้เมื่อมีอายุที่มากขึ้น จะว่าไปแล้วกระชนิดนี้อันที่จริงไม่ใช่กระหรอกค่ะ หากแต่เป็นเซลล์ผิวหนังที่เกิดการแบ่งตัวออกไปผิดรูปอีกแบบหนึ่ง โดยอาจก่อให้เกิดอันตรายตามมาได้ ถ้าหากมีขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับมีเลือดออกซ้ำๆ บ่อยๆ แนะนำว่าหากพบกระในลักษณะดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ผิวหนังด่วน
ส่วนฝ้าจะมีลักษณะที่เป็นรอยปื้นๆ ใหญ่ๆ มีสีน้ำตาลเข้มกว่าสีผิวปกติของเรา โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งฝ้าออกได้เป็น 2 ชนิดคือ ชนิดตื้นและชนิดลึก สำหรับความแตกต่างของฝ้าทั้ง 2 ชนิดนี้ก็คือ ระดับความลึกของเม็ดสีชนิดลึก เพราะเม็ดสีที่มีความผิดปกติจะอยู่ที่ชั้นหนังแท้ ส่วนฝ้าชนิดตื้นนั้นจะมีอยู่แค่ตรงชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น และความเข้มของเม็ดสีก็ยังมีน้อยกว่าฝ้าชนิดลึกอย่างมากอีกด้วย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกระและฝ้า
การเกิดกระหรือฝ้าขึ้นบนใบหน้า นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของผิว แต่ในบางคนอาจจะขึ้นมากหรือน้อยนั้นก็แตกต่างกันไป โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดตกกระหรือฝ้าขึ้น ก็มาจากเซลล์สร้างเม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวหนังหรือที่เรียกว่า เมลานิน มีการผลิตเม็ดสีขึ้นอย่างไม่ปกติสม่ำเสมอ จนทำให้ผิวหนังบางร่วมกับมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาล ขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไปบนใบหน้า และนอกจากผิวหน้าแล้ว พบว่ายังสามารถขึ้นได้ทั้งบริเวณเนินอก หรือผิวที่แขน ซึ่งรังสี UV นี่เองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เมลานินผลิตเม็ดสีผิวออกมาเพิ่มมากขึ้น สำหรับทางการแพทย์ก็ยังเชื่ออีกด้วยว่า การเกิดกระยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน เช่น กระที่มักขึ้นบนผิวหน้าเด็กฝรั่ง เป็นต้น
สำหรับสาเหตุของการเกิดฝ้า ก็มาจากปัจจัยหลากหลายประการซึ่งนอกจากแสงแดดเป็นตัวการหลักแล้ว ความร้อนจากเตาไฟในขณะทำอาหารและการที่ฮอร์โมนเพศในร่างกายเกิดการเปลี่ยน แปลง ก็มีส่วนกระตุ้นทำให้การผลิตเม็ดสีผิวมีความผิดปกติขึ้นได้ สังเกตได้จากหญิงตั้งครรภ์หรือ คนที่กินยาคุมกำเนิดก็มักจะมีฝ้าขึ้นปริมาณมาก หรือในกรณีที่มีการแพ้สารเคมีบางชนิดจากเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มักมีสารเคมีต้องห้ามปะปนในการผลิตบ่อยๆ เหล่านี้หากไม่ระมัดระวังเลือกใช้ให้ดีก็ล้วนถือเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิด ฝ้าได้เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้ฝ้าและกระขึ้นหน้า ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดบ่อยๆ ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีทุกวัน โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเพื่อการป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากเป็นฝ้ากระก็ควรหาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนช่วยลดเลือนฝ้ากระมาใช้ หรือพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาให้หายโดยเร็วก็ได้เช่นกันค่ะ

สาเหตุอาการคันปากมดลูก เรื่องภายในที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม !


สาเหตุอาการคันปากมดลูก เรื่องภายในที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม !

สาเหตุอาการคันปากมดลูก เรื่องภายในที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม !

ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง สรีระในร่างกายก็มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนยิ่งกว่าผู้ชายหลายเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงเราจึงมีปัญหาสุขภาพตามมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอาการคันปากมดลูกหรือคันบริเวณปากช่องคลอด ที่สาวๆ เรามักเผชิญกันเป็นประจำ วันนี้อยากรู้มั้ยคะว่าสาเหตุของอาการดังกล่าวเกิดจากอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่าจะได้รับมือป้องกันและรักษาอย่างถูกวิธี

1.ช่องคลอดมีเชื้อรา
อาการคันปากมดลูกที่เกิดขึ้นจากเชื้อราในช่องคลอดนั้น สาวๆ จะมีอาการคันในบริเวณแถวปากมดลูกหรือปากช่องคลอด โดยอาจพบว่ามีตกขาวสีขุ่นออกมามากผิดปกติร่วมด้วย สาเหตุนี้ก็มักเกิดขึ้นได้ง่ายจากความอับชื้น แต่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาหรือการสอดยาฆ่าเชื้อเข้าไปภายในช่อง คลอด

2.ช่องคลอดอักเสบ
อาการช่องคลอดอักเสบนั้นเป็นการอักเสบโดยเกิดขึ้นมาจากเชื้อรา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากกินยาคุมกำเนิดหรือกินยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็น เวลานาน เกิดจากการตั้งครรภ์และ การสวนล้างช่องคลอด โดยปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลทำให้เชื้อรามีการเจริญเติบโตได้อย่างมากขึ้นจนทำ ให้ปากมดลูกมีการอักเสบ จนมีผื่นคันเกิดขึ้นและยังรู้สึกคันในบริเวณปากมดลูกมากเป็นพิเศษอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังมีตกขาวสีขุ่นๆ อีกทั้งในบางรายอาจจะมีอาการปวดแสบตอนเวลาปัสสาวะหรือเจ็บปวดในขณะที่มีเพศ สัมพันธ์ได้ด้วย

3.ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
เช่น ผู้ป่วยอาจจะเป็นโรคแคนดิดา ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "ส่าเทียม" หากเป็นแล้วก็จะทำให้ปากมดลูกมีอาการคันอย่างรุนแรง หากติดเชื้อขึ้นที่อวัยวะเพศก็จะทำให้มีอาการตกขาวมากกว่าปกติ และยังทำให้อวัยวะเพศเกิดการอักเสบจนทำให้มีอาการคันตามมาอย่างมากทีเดียว แต่ก็สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเหน็บเพื่อฆ่าเชื้อในบริเวณช่องคลอด
นอกจากเชื่อราชนิดดังกล่าวแล้ว เชื้อทริโคโมแนส ยังเป็นอีกโรคหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการมีความสัมพันธ์ทางเพศ โดยลักษณะอาการจะมีตกขาวสีเขียวๆ พร้อมกับกลิ่นเหม็น และยังมีอาการคันอย่างรุนแรงมาก ในบางรายอาจจะรู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะเพศร่วมด้วย แต่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาฆ่าเชื้อปรสิต และเมื่อหายแล้วก็ยังมีโอกาสหวนกลับมาเป็นใหม่ได้อีก ดังนั้น ฝ่ายคู่นอนก็ควรได้รับการรักษาด้วยเช่นเดียวกัน

4.โรคเบาหวาน
สำหรับสาวๆ ที่เป็นโรคเบาหวาน ก็อาจจะทำให้มีอาการคันที่ผิวหนังตามมาด้วยการติดเชื้อรา ยิ่งหากเกิดขึ้นในบริเวณช่องคลอดด้วยแล้วก็ย่อมส่งผลทำให้เกิดอาการคันใน บริเวณดังกล่าวได้อย่างแน่นอน

5.แพ้ผ้าอนามัย
สาวๆ ที่มีอาการแพ้ผ้าอนามัยพบว่าจะมีผดผื้นขึ้นมาตรงบริเวณอวัยวะเพศ โดยเกิดขึ้นร่วมกับอาการคันบริเวณปากมดลูก หากพบว่าแพ้ผ้าอนามัยชนิดใดก็ควรเปลี่ยนไปใช้ผ้าอนามัยยี่ห้ออื่นแทน และในระหว่างที่มีประจำเดือนก็ควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคที่ปะปนมาพร้อมกับเลือดประจำเดือนจนเกิดความ หมักหมมมากยิ่งขึ้น
และนี่ก็คือ สาเหตุของอาการคันปากมดลูกหรือคันในช่องคลอดนั่นเอง นับเป็นเรื่องภายในของสาวๆ ที่ต้องรู้ไว้อย่างยิ่ง จะได้รับมือป้องกันก่อนที่จะสายเกินแก้ต่อไป

3 สิ่งที่ควรเติมในน้ำเปล่าดื่มเป็นประจำ ช่วยปรับระบบย่อยอาหาร ลดน้ำหนักได้เวิร์ก



3 สิ่งที่ควรเติมในน้ำเปล่าดื่มเป็นประจำ ช่วยปรับระบบย่อยอาหาร ลดน้ำหนักได้เวิร์ก

3 สิ่งที่ควรเติมในน้ำเปล่าดื่มเป็นประจำ ช่วยปรับระบบย่อยอาหาร ลดน้ำหนักได้เวิร์ก

ผักผลไม้รอบตัวต่างก็มีประโยชน์อยู่ในตัวเอง และจะดีสักแค่ไหน หากเราจะหยิบเอาผักผลไม้บางชนิดมาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นให้ ร่างกาย ทั้งยังช่วยบำรุงสุขภาพ ปรับระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างสมดุล ช่วยป้องกันท้องผูกและช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลในตัว หากสาวๆ กำลังมองหาตัวช่วยดังกล่าว เราขอแนะนำให้ทำตามบทความนี้เลยค่ะ กับการเติม 3 สิ่งนี้ลงในน้ำเปล่าแล้วดื่มเป็นประจำ มีอะไรบ้างนั้น รีบมาดูกันเลย

1.น้ำมะนาว
การดื่มน้ำมะนาว นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อด้านสุขภาพแล้ว สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนัก ก็ยังสามารถใช้สูตรมะนาวลดน้ำหนักได้เป็นประจำอีกด้วย และนอกจากเราจะนิยมใช้มะนาวลดน้ำหนักแล้ว รู้มั้ยคะว่ามะนาวยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลิตเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้ได้รับการทำลาย ทั้งยังป้องกันไม่ให้เซลล์แปรสภาพกลายไปเป็นเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
สำหรับวิธีการผสมน้ำมะนาวดื่มก็ไม่ยากเลยค่ะ แค่สาวๆ บีบน้ำมะนาวลงไปผสมในน้ำดื่ม 1/2 ลูก หรือจะสไลด์แผ่นบางๆ แล้วแช่ในน้ำดื่มไว้ดื่มแก้กระหายก็ช่วยได้ดีเช่นกัน แถมยังเป็นสูตรมะนาวลดน้ำหนักในตัวที่จะช่วยกำจัดไขมันและของเสียออกจากร่าง กายได้เป็นอย่างดี ในสาวๆ ที่อยากผอม หุ่นดีดื่มแล้วบอกเลยได้ผลแน่นอน อีกทั้งสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหารบ่อยๆ แถมยังพ่วงมาด้วยปัญหาท้องผูก ดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆ ทุกเช้านี่ล่ะไม่มีผิดหวัง

2.แตงกวา
หากถามถึงผักที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก ไม่พูดถึงแตงกวาคงไม่ได้แน่นอน นอกจากแตงกวาจะมีน้ำปริมาณมากแล้ว ยังเป็นแหล่งของไฟเบอร์สูง เมื่อเราหั่นแตงกวาใส่ลงไปแช่กับน้ำดื่มก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ ทำงานดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ แตงกวายังมีคุณสมบติช่วยกำจัดสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ได้เป็นอย่างดีอีก ด้วย โดยจะทำให้ลำไส้สะอาด ทำให้การขับถ่ายสะดวก สาวๆ แค่หั่นแตงกวาบางๆ ใส่แช่ในน้ำดื่ม ดื่มเป็นประจำทุกวัน บอกเลยเห็นผลลัพธ์อย่างแน่นอน

3.น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล
น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล นับเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ได้รับความนิยมสำหรับการนำมาใช้เพื่อล้างสารพิษ ภายในร่างกาย วิธีการผสมก็ง่ายๆ เพียงใช้น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล 2 ช้อนโต๊ะมาผสมกับน้ำอุ่นให้เข้ากัน แล้วดื่มเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ กรดที่อยู่ในน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิลยังมีส่วนช่วยปรับสมดุลของความเป็นกรด ด่างภายในลำไส้ได้อีกด้วย
แค่มีมะนาว แตงกวาและน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิลติดบ้านบ่อยๆ เพียงแค่นี้ สาวๆ ก็จะมีสูตรลดน้ำหนัก ช่วยปรับการทำงานของระบบย่อยอาหาร ป้องกันท้องผูกและช่วยปลุกความสดชื่นให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากผักผลไม้เหล่านี้ในตัวอีกด้วย ดีแบบนี้แล้วจะพลาดได้ยังไงจริงมั้ยคะ?

วิธีรักษากระและฝ้า เพื่อผิวหน้าขาวใสอย่างใจ



วิธีรักษากระและฝ้า เพื่อผิวหน้าขาวใสอย่างใจ

วิธีรักษากระและฝ้า เพื่อผิวหน้าขาวใสอย่างใจ

กระและฝ้าที่ขึ้นบนใบหน้า มักทำให้ผิวหน้าของเราไม่ขาวกระจ่างใสอย่างที่ควรเป็น นอกจากปัญหาสิวที่กวนใจบ่อยๆ แล้ว สาวคนไหนมีกระและฝ้า อยากรักษาให้หายเร็วๆ เรามาดูวิธีรักษากระและฝ้าตามนี้เลยค่ะ
วิธีรักษากระ-ฝ้า โดยใช้สารเคมีและแสงเลเซอร์
แนวทางของการรักษากระและฝ้านั้น จะรักษาด้วยการใช้วิธีทำลายเซลล์ผลิตเม็ดสีเมลานินเพื่อให้เซลล์นั้นๆ หยุดการผลิตเม็ดสีออกมาเพิ่มขึ้น โดยจะใช้สารสังเคราะห์บางชนิดที่มีคุณสมบัติเป็นกรดช่วยกัดสีหรือช่วยฟอกสี ผิวในส่วนที่มีสีน้ำตาลให้อ่อนลงและขาวขึ้น หรือช่วยเร่งให้เซลล์ผลิตเม็ดสีหลุดลอกออกไปเร็วขึ้น พร้อมกันนี้ก็อาจจะใช้แสงเลเซอร์เข้าช่วยเพื่อให้การรักษากระและฝ้ายิ่งได้ ประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม วิธีรักษาฝ้าและกระด้วยวิธีดังที่กล่าวไปไม่มีวิธีไหนที่ถือว่าปลอดภัยที่ สุด เพราะล้วนทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวขึ้นได้ เช่น อาจทำให้ผิวมีรอยช้ำ อักเสบ เป็นรอยด่างดำ ด่างขาว โดยอาจจะต้องรักษาเป็นเวลานานและต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมาก และที่สำคัญต่อให้รักษาฝ้าและกระจนหายดีเกลี้ยงเกลาแล้ว แต่หากผิวหน้าโดนแสงแดดจัดบ่อยๆ อีกก็ย่อมก่อให้เกิดฝ้าและกระขึ้นได้เหมือนเดิมอยู่ดี
วิธีป้องกันกระ-ฝ้า โดบไม่ต้องพึ่งสารเคมีและเลเซอร์
สำหรับสาวๆ คนไหนที่ผิวยังไม่มีกระและฝ้าเกิดขึ้น วิธีป้องกันผิวให้ห่างไกลจากปัญหาดังกล่าวที่ดีที่สุดก็คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด โดยควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน และควรหมั่นหลบเลี่ยงแสงแดดพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ หากจำเป็นจะต้องโดนแดดก็ควรสวมหมวกและกางร่มด้วย
วิธีรักษากระ-ฝ้าแบบธรรมชาติ สูตรหน้าใสที่สาวๆ ควรทำเป็นประจำ
สาวๆ คนไหนที่มีปัญหาฝ้า กระบนใบหน้าแล้ว ก็ยังสามารถใช้วิธีจากธรรมชาติในการรักษาปัญหาผิวหน้าดังกล่าวได้ค่ะ เพียงหมั่นขัดผิวหน้าเบาๆ ด้วยสมุนไพรมะขามเปียก น้ำมะนาวหรือมะกรูดเป็นประจำ โดยเฉพาะการใช้มะขามเปียกขัดผิว หรือใช้มะนาว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว เพราะสมุนไพรเหล่านี้มีกรด AHA จากธรรมชาติที่จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุด ออก ช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสและช่วยลดเลือนฝ้ากระได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพียงหมั่นทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ร่วมกับการทาครีมกันแดดและการหลบเลี่ยงแสงแดด รับรองค่ะว่าสูตรหน้าใสนี้นอกจากจะช่วยรักษากระและฝ้าให้จางลงได้แล้ว ยังเป็นวิธีจากธรรมชาติง่ายๆ ทำแล้วได้ผลแบบไม่ต้องเสียเงินแพงอีกด้วย
รู้วิธีป้องกันและรักษาฝ้า กระแบบนี้แล้ว สาวๆ อย่าลืมทำตามกันนะคะ โดยเฉพาะสูตรหน้าใสที่ใช้มะขามเปียกขัดผิวหน้าเพื่อรักษาฝ้า กระอย่างง่ายๆ เป็นที่สูตรที่ฮิตกันสุดๆ สาวๆ คนไหนอยากหน้าใส บอกเลยไม่ทำตามไม่ได้แล้วล่ะ

สุดยอดอาหารต้านหวัด หากินง่าย บำรุงธาตุทั้ง 4 อย่างลงตัว


สุดยอดอาหารต้านหวัด หากินง่าย บำรุงธาตุทั้ง 4 อย่างลงตัว

สุดยอดอาหารต้านหวัด หากินง่าย บำรุงธาตุทั้ง 4 อย่างลงตัว

ฤดูหนาวมาพร้อมอากาศที่หนาวเย็น และยังทำให้หลายคนเกิดปัญหาเจ็บป่วยกันได้บ่อยๆ โดยเฉพาะไข้หวัด ใครที่มักป่วยเป็นหวัดบ่อยๆ ขอแนะนำอาหารป้องกันหวัดเหล่านี้เลยค่ะ สำหรับเมนูอาหารต้านหวัดเหล่านี้ส่วนประกอบของอาหารจะมีส่วนช่วยบำรุงธาตุ ทั้ง 4 ได้เป็นอย่างดี เมื่อธาตุในร่างกายแข็งแรง รับรองค่ะว่าโอกาสในการเป็นหวัดก็ย่อมมีน้อยลงตามแน่นอน
แกงส้มดอกแค
โดยปกติแล้ว แค่เครื่องแกงส้มที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรไทยหลายชนิดก็ล้วนมีคุณสมบัติช่วย ต้านหวัดได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว และด้วยรสชาติเผ็ดนำเปรี้ยวตามก็จะยิ่งช่วยบำรุงธาตุลมและธาตุน้ำได้เป็น อย่างดีทีเดียว ในส่วนของดอกแคที่เป็นพระเอกหลักก็ช่วยบำรุงธาตุไฟ สามธาตุนี้ถือเป็นธาตุเริ่มต้นสำหรับการเจ็บป่วย หากสามารถป้องกันไว้ได้ดีโอกาสที่ธาตุดินจะได้รับความกระทบก็ย่อมมีน้อยตาม มา ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ ดอกแคยังเป็นแหล่งของวิตามินซีสูง กินบ่อยๆ ช่วงหน้าหนาว รับรองจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและช่วยต้านหวัดได้เป็น อย่างดีแน่นอนค่ะ
เมี่ยงคำ
เมี่ยงคำ เป็นอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยในการบำรุงรักษาธาตุทั้ง 4 ได้อย่างครบถ้วน เมื่อกินไปแล้วจะทำให้ธาตุทั้งหมดเกิดการปรับสมดุลกัน สำหรับสมุนไพรดีๆ อย่างหัวหอม พริกและขิงจะช่วยในเรื่องของการบำรุงธาตุลม มะนาวและใบชะพลูจะช่วยบำรุงรักษาธาตุน้ำ เปลือกของมะนาวก็ยังช่วยบำรุงรักษาธาตุไฟ ในขณะที่ธาตุดินก็จะได้รับการบำรุงจากมะพร้าว ถั่วลิสง น้ำอ้อยและกุ้งแห้ง นอกจากเป็นอาหารที่อร่อยหลากหลายสีสัน ได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนแล้ว ยังช่วยบำรุงธาตุทั้ง 4 ได้อย่างสมดุลลงตัว แบบนี้ห้ามพลาดกันเลยเด็ดขาด
 
อาหารรสชาติเผ็ดร้อน
ช่วงหน้าหนาวหรือช่วงที่ฝนตก เราก็ต้องหมั่นสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายเป็นประจำ โดยต้องหมั่นกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดและเสริมความอบอุ่นให้กับร่างกาย ด้วยการกินอาหารเผ็ดๆ ร้อนๆ เพื่อช่วยบำรุงธาตุลมนั่นเอง และแม้ว่าเราจะป่วยเป็นหวัดไปแล้วก็ตาม แต่การกินอาหารรสชาติเผ็ดร้อนนั้นยังมีสรรพคุณช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น ซึ่งนอกจากพริกจะให้ความเผ็ดร้อนได้ดีแล้ว เรายังสามารถรับรสเผ็ดร้อนได้จากอาหารชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น พริกไทย กระเทียม ขิง ข่า หัวหอม ขมิ้น ตะไคร้ ใบกะเพราะ กระชายและอื่นๆ อีกมากมายทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ ทางด้านวิทยาศาสตร์ก็มีผลการวิจัยออกมารับรองหลายชิ้นด้วยว่า สารแคปไซซินที่ทำให้เกิดรสเผ็ดร้อนซึ่งได้จากพริกและพริกไทยนั้น ล้วนมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูก หรือลดปริมาณของสารที่คอยขัดขวางระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาอาการไอ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของตัวยาหลากหลายชนิดอีกด้วย
อาหารรสเปรี้ยว
อาหารรสเปรี้ยว เป็นอาหารที่ช่วยบำรุงธาตุน้ำได้ดีโดยเฉพาะ เพื่อให้ธาตุน้ำภายในร่างกายเกิดการปรับตัวได้อย่างสมดุลกับธาตุน้ำภายนอก มากขึ้น สำหรับผักและผลไม้รสเปรี้ยวนั้นก็มีมากมายรอบตัวเรา สามารถหากินได้จากมะนาว มะกอก มะขาม มะม่วงเปรี้ยว มะเขือเทศ ส้ม และสับปะรด เป็นต้น
เพราะผักผลไม้รสเปรี้ยวนั้นจะให้วิตามินซีที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้ม กันให้ร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการน้ำมูกไหลได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงที่เจ็บป่วยหรือช่วงเปลี่ยนฤดูกาลก็ตาม แนะนำว่าให้หมั่นกินเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย เพื่อให้วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากโรคหวัดได้ดีมากขึ้นแล้วค่ะ

แว่นตาสไตล์วินเทจ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการแต่งตัว


แว่นตาสไตล์วินเทจ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการแต่งตัว

แว่นตาสไตล์วินเทจ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการแต่งตัว

PR News
สนับสนุนเนื้อหา
เติมเต็มลุคให้โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยไอเท็มชิ้นเด่นของเหล่าแฟชั่นนิสต้า
แว่นตาสไตล์วินเทจทำมือสุดประณีตจากประเทศญี่ปุ่น "บอสตั้น คลับ"
พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกแว่นให้เหมาะกับสไตล์การแต่งตัว
       หากเอ่ยถึงเทรนด์การแต่งตัวที่ ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าอยู่เสมอ แน่นอนว่าคงจะคุ้นเคยกันดีกับสไตล์วินเทจ ซึ่งในยุคนี้หลายคนก็ยังคงสนุกกับการหยิบไอเท็มแนววินเทจมามิกซ์แอนด์แมทช์ กับการแต่งตัวอยู่บ่อยครั้ง โดยแอคเซสเซอรี่ชิ้นเด่นที่มักถูกเลือกให้มาเติมเต็มลุคอยู่เสมอนั่นก็คือ แว่นตา เพราะนอกจากจะใช้ประโยชน์เรื่องสายตาและการกันแดดแล้ว ยังสามารถนำมาคล้องเสื้อหรือคาดผมอัพลุคให้ดูแฟชั่นขึ้นได้อีกด้วย
โดยแบรนด์แว่นตาสไตล์วินเทจจากประเทศญี่ปุ่น ‘บอสตั้น คลับ’ (Boston Club) ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การแต่งตัวของเหล่าแฟชั่นนิ สต้าได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยดีไซน์สุดคลาสสิคที่เน้นลูกเล่นของสีเลนส์ สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับการแต่งตัวได้หลากหลายสไตล์

          ‘บอสตั้น คลับ’ แว่นตาทำมือที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1984 ที่เมืองซาบาเอะ ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘New Japanese Tradition’ ผ่านแรงบันดาลใจหลักที่มาจากค่านิยมอันคลาสสิคของชาวอังกฤษในสมัยนั้นผนวก กับผลงานศิลปะร่วมสมัยของชาวญี่ปุ่นในยุค 80’s จึงเป็นที่มาของชื่อแว่นแต่ละรุ่นที่สื่อถึงกลิ่นอายความเป็นอังกฤษชนได้ อย่างดี ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ทรงแว่นอันเป็นเอกลักษณ์สไตล์โบราณ ควบคุมการผลิตโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี
ประกอบกับการเลือกใช้วัสดุคุณภาพ อาทิ เลนส์แว่นอะคริลิคคุณภาพสูงผ่านนวัตกรรมการเคลือบกันรอยขีดข่วนที่ทันสมัย, กรอบแว่นผลิตจากวัสดุพิเศษอย่าง ‘อะซิเตท’ มีความยืดหยุ่นและทนทานเป็นอย่างดี, กรอบแว่นโลหะที่ทำจากนิกเกิ้ล, อัลลอย รวมถึงไทเทเนี่ยมที่ผ่านการเคลือบสีมีแรงยึดเกาะสูงไม่หลุดกร่อน และแป้นจมูกที่ถูกออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายเปลือกหอยรองรับกับการสวมใส่โดยไม่ ทำให้เจ็บ  

          หลายคนอาจคิดว่าแว่นตาทรงวินเทจจะต้องเหมาะกับคนที่แต่งตัวสไตล์วินเทจเท่า นั้น แต่ความจริงแล้วไอเท็มชิ้นนี้สามารถหยิบมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก ซึ่งผู้บริหารหนุ่ม คุณเจได-ไตรนุภาพ จิระไตรธาร ได้แนะนำเคล็ดลับการเลือกแว่นให้เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวแต่ละแบบ
‘วินเทจก็คือความคลาสสิคเพราะ ฉะนั้นถ้าเวลาเราแต่งตัวแล้วมีไอเท็มสักชิ้นที่แฝงความคลาสสิคเอาไว้ มันจะช่วยทำให้เราดูเป็นคนที่มีเสน่ห์และมีความเก๋อยู่ในตัว อย่างเช่นถ้าคุณชอบแต่งตัวแนวสตรีท เรียบเท่ การเลือกแว่นวินเทจทรงกลมที่มีเลนส์สีจัดจ้าน เช่น สีส้ม, สีเหลือง, สีฟ้า หรือสีเขียว ก็จะช่วยปรับลุคสตรีทของคุณให้ดูซ่าขึ้น
หรือถ้าชอบแนวสปอร์ตลุยๆ อาจจะหยิบแว่นที่มีกรอบหนาดูแข็งแรงมาช่วยอัพลุคให้ทะมัดทะแมงกว่าเดิม ส่วนใครที่ชอบแนวคลาสสิคนิยมใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ แว่นทรงกลมสีเทาใสหรือสีน้ำตาลจะช่วยทำให้คุณเป็นคนที่คลาสสิคอย่างสมบูรณ์ แบบ
หรือหากเป็นคนที่ชอบแต่งตัวเรียบๆ สบายๆ การมีแว่นตาแฟชั่นสักอันมันจะช่วยทำให้ลุคนั้นของคุณดูดีมากยิ่งขึ้น’
 
ติดตาม ‘บอสตั้น คลับ’ แว่นตาทำมือสไตล์วินเทจได้แล้วทาง IG: Cobaltbkk

เปิดตัวกระเป๋าหนัง ‘พญา’ (PHYA) พร้อมเคล็ดลับเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว



เปิดตัวกระเป๋าหนัง ‘พญา’ (PHYA) พร้อมเคล็ดลับเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว

เปิดตัวกระเป๋าหนัง ‘พญา’ (PHYA) พร้อมเคล็ดลับเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว

PR News
สนับสนุนเนื้อหา
เปิดตัวกระเป๋าหนังสุดหรูแบรนด์ ‘พญา’ (PHYA)
อวดโฉมงานศิลป์อันหรูหราบนพื้นฐานการดีไซน์จากหลักปรัชญาอันชาญฉลาด
ให้เหล่าสาวกคนรักเครื่องหนังร่วมอัพเดทเทรนด์พร้อมกันได้แล้ววันนี้

จากความหลงใหลในแฟชั่นและงานฝีมืออันสมบูรณ์แบบผนวกกับอุปนิสัยที่ชื่นชอบในการทดลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่อยู่เสมอ จึงทำให้ ‘จิรยง อนุมานราชธน’ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์แห่งแบรนด์ ‘พญา’ (PHYA) ได้ถ่ายทอดไอเดียสดใหม่ด้วยผลงานการดีไซน์เปี่ยมคุณภาพผ่านการใช้เครื่อง หนังชั้นสูงผสานความหรูหราละเมียดละไมออกมาเป็นกระเป๋าหนังสุดโมเดิร์นที่ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของหญิงสาวในยุคปัจจุบันได้อย่างแท้จริง พร้อมอวดโฉมให้สาวกคนรักเครื่องหนังและเหล่าแฟชั่นนิสต้าร่วมอัพเดทเทรนด์ พร้อมกันแล้ววันนี้

‘พญา’ (PHYA) แบรนด์กระเป๋าหนังดีไซน์คุณภาพ ด้วยการออกแบบบนพื้นฐานของคำว่า ‘Philosophy’ หลักปรัชญาอันชาญฉลาดที่สื่อถึงความเข้าใจอันถ่องแท้ของงานดีไซน์สุดโม เดิร์น ผ่านการรังสรรค์จากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญชาวไทยผนวกกับวัสดุชั้นเยี่ยมที่ คัดสรรจากอิตาลี ด้วยเทคนิคการผลิตอันแยบยลตอบสนองความต้องการของหญิงสาวที่ชื่นชอบในความโก้ หรูและการใช้งานที่สะดวก เสริมภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ฉลาดและเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุด สมกับเป็นหญิงสาวผู้มีความสง่างามตามแบบฉบับของพญา
‘ดิฉันมีความตั้งใจอยากให้แบรนด์ที่สร้างสรรค์โดยคนไทยก้าวสู่เวทีแฟชั่น ระดับสากล คุณภาพของผลงานจะสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์และคุณภาพยังเป็นสิ่งที่คน ทั่วโลกให้การยอมรับสูงสุด ดังนั้นนอกจากดีไซน์ที่มาจากความชื่นชอบในแฟชั่นและงานฝีมือแล้ว ดิฉันยังให้ความสำคัญกับวัสดุคุณภาพสูงรวมถึงทีมช่างฝีมือผู้ผลิตที่มี ประสบการณ์ยาวนานเช่นกัน’ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์กล่าวถึงจุดประสงค์ในการก่อตั้งแบรนด์

โดยงานออกแบบของ ‘พญา’ (PHYA) มีจุดเด่นอยู่ที่เค้าโครงอันเฉียบคมแฝงกลิ่นอายความเป็นสถาปัตยกรรมเอาไว้ ผนวกกับผืนหนังที่มีผิวสัมผัสเนียนนุ่มและลวดลายตามธรรมชาติที่ยังคงไว้ ประดุจงานศิลปะชิ้นมาสเตอร์พีช อาทิ หนังวัวฟอกฝาด (Vegetable tanned cowhide)คุณภาพเยี่ยมจากอิตาลี, หนังแกะลายควิลต์ (Nappa) และหนังเอ็กโซติกชั้นดีอย่างหนังจระเข้, หนังปลากระเบนและหนังงู รวมไปถึงงานประดับชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์อันหรูหราที่ถือเป็นจุดเด่นและสร้าง ประสบการณ์ในการใช้งานที่ไม่เหมือนใคร อาทิ หูหิ้วที่ออกแบบให้ได้องศาที่ถือจับได้กระชับมือ, ขาตั้งโลหะช่วยในการวางตั้งกระเป๋าได้ในทุกพื้นผิวและปกป้องรอยขีดข่วนต่างๆ บนผิวของหนัง รวมถึงสายสะพายโซ่ที่ถักทอเป็นเกลียวสวยงามดูโก้หรูจากอิตาลี และโทนสีของกระเป๋าที่ช่วยขับเน้นบุคลิกสง่างามดุจผู้นำที่ทางแบรนด์เลือก ใช้ อาทิ สีแดงเบอร์กันดี, สีดำชาร์โคล, สีน้ำเงินเข้มรอยัลบลู และสีเบจ
โดยดีไซน์ของกระเป๋าได้แบ่งตามความต้องการในการใช้งานเป็น 6 ซีรีย์ด้วยกัน ซึ่งตั้งชื่อตามขนบการประพันธ์ได้แก่ Prose (ร้อยแก้ว) ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ ‘พญา’ (PHYA) กับเค้าโครงคลาสสิคและวัสดุชั้นยอด, Poetry (บทกวี) กระเป๋าสะพายและกระเป๋าถือขนาดกลางเพื่อการใช้งานอย่างมีสไตล์, Verse (กลอน) ดีไซน์พิเศษจากรูปทรงเหลี่ยมสุดคลาสสิคถ่ายทอดเป็นกระเป๋าสะพายสุดเก๋, Novella (นวนิยายสั้น) คลัตช์ขนาดกระชับมือเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของหญิงสาวในปาร์ตี้สุดหรู, Monologue (บทละครพูด) กระเป๋าทรงโท้ท (Tote) หลากดีไซน์จากการรังสรรค์งานสถาปัตยกรรมเข้ากับแฟชั่นอย่างลงตัว และ Fictions (เรื่องแต่ง) กระเป๋าขนาด
พกพาด้วยวัสดุที่มีผิวสัมผัสสุดหรูจากวัสดุคุณภาพพรีเมี่ยม และสำหรับชื่อรุ่นของกระเป๋าแต่ละใบได้รับแรงบันดาลใจจากหญิงสาวผู้มีสไตล์ โดดเด่นเฉพาะตัวและประสบความสำเร็จในชีวิตจริงจากทั่วโลก
ซึ่งคอลเลกชั่นเปิดตัวนี้ (Debut Collection) ‘พญา’ (PHYA) ได้นำเสนอลุคโก้หรูให้เหล่าหญิงสาวได้ยลโฉมด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน
 
อวดโฉมลุคหรูหราด้วยรุ่นซิกเนเจอร์ของแบรนด์กับ ‘ควีน’ (Queen) กระเป๋าถือหนังจระเข้สีดำทรงสี่เหลี่ยมคางหมูจากซีรีย์ Prose พิเศษด้วยดีไซน์การคล้องเกลียวโซ่สีทองทรง รวงผึ้งอันหรูหรา และเทคนิคการดัดชิ้นส่วนจากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้หูจับโค้งได้รูป และขาตั้งโลหะที่ฐานกระเป๋าที่มีองศาพอเหมาะและจับกระชับมือ สะท้อนความโก้หรูอันลุ่มลึกเฉกเช่นหญิงสาวผู้   สง่างามดุจราชินี


กระเป๋าถือหนังจระเข้ทรงบ็อกซี่ในรุ่น ‘โอลิเวีย’ (Olivia) จากซีรีย์ Poetry ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานคล่องตัวในรูปแบบของกระเป๋าตั้งหูจับพร้อมขา ตั้งโลหะที่มีน้ำหนักเบา เพิ่มความเรียบโก้ให้กับทุกสไตล์การแต่งตัวทั้ง ในลุคกลางวันและกลางคืน โดดเด่นด้วยตัวล็อกรูปรวงผึ้งหกเหลี่ยมและวัสดุหนังในโทนสีเรียบโก้ที่ไม่มี วันตกยุคอย่างหนังสีเบอร์กันดี, สีรอยัลบูลและสีคลาสสิคแบล็ค


ถ่ายทอดความงดงามด้วยรุ่น ‘ไดอาน่า’ (Diana) จากซีรีย์ Poetry ลงบนกระเป๋าถือขนาดกลางที่มอบความหรูหราสำหรับหญิงสาวที่ต้องการความเรียบ โก้และดูเป็นมืออาชีพ ในดีไซน์สไตล์เฟมินีนด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยมอย่างหนังจระเข้ที่ให้สี ลวดลาย และความเงางามอันลุ่มลึกพร้อมสายสะพายสุดคลาสสิคช่วยเพิ่มความน่าค้นหาให้ กับหญิงสาวในลุคสุดสมบูรณ์แบบ


 ปิดท้ายที่รุ่น ‘นาตาลี’ (Natalie) จากซีรีย์ Novella กับตัวแทนของหญิงสาวผู้มีความมั่นใจและสง่างาม ถ่ายทอดรสนิยมอันยอดเยี่ยมผ่านกระเป๋ารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประดับสายสะพายโซ่ประกายสีทองและทรงคุณค่างานศิลป์ชั้นสูงด้วยดีไซน์ เอกลักษณ์จากหนังแกะเวอร์จิเนียและหนังแกะลายควิลต์จากอิตาลี ด้านในบุหนังกลับผิวหนังแกะสีแดงตัดกับหนังด้านนอกของกระเป๋าโทนสีดำ และด้วย
ขนาดปานกลางที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจผู้หญิงยุคใหม่จึงมีพื้นที่จุของจำเป็นได้ครบครันโดยยังไม่ทิ้งซึ่งความหรูหรา


นอกจากนี้ ‘จิรยง อนุมานราชธน’ ยังแนะนำเคล็ดลับการเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว ‘การเลือกกระเป๋าให้เข้ากับเสื้อผ้าแต่ละลุคถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะ ช่วยทำให้การแต่งตัวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเลือกกระเป๋าที่จะช่วยทำให้ลุคดูทันสมัย
สิ่งแรกคือการแมทช์สีของกระเป๋าให้เข้ากับการแต่งตัวในแต่ละวัน โดยอาจจะเลือกแมทช์สีกระเป๋ากับสีรองเท้าหรือเครื่องประดับอื่นๆ รวมถึงการเลือกดีไซน์ที่มีความกราฟฟิค เหลี่ยมมุมชัดเจนและขนาดกะทัดรัด เพราะจะช่วยอัพลุคให้ดูแฟชั่นขึ้นได้ไม่ยาก เช่น กระเป๋าถือทรงบ็อกซี่ก็จะเหมาะกับการแต่งตัวเท่ๆ สไตล์มาสคิวลีน
หรือถ้าเป็นลุคทำงานที่ต้องใส่เบลเซอร์กับกางเกงผ้าที่เข้าชุดกันก็อาจจะ เลือกกระเป๋าที่มีดีไซน์กราฟฟิครูปทรงแปลกตา อย่างทรงสี่เหลี่ยมคางหมูมาช่วยทำให้ลุคดูดีขึ้น แต่ถ้าเป็นวันพักผ่อนสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงผ้าทรงคูลอตต์ กระเป๋าสะพายโซ่ใบเล็กทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มเด่นที่ สามารถหยิบมาใช้ได้ตลอด’


ร่วมสัมผัสประสบการณ์ทางแฟชั่นอันหรูหราบนพื้นฐานงานออกแบบของ หลักปรัชญาอันชาญฉลาดจากแบรนด์กระเป๋าหนังสุดโมเดิร์น‘พญา’ (PHYA) พร้อมกันได้แล้ววันนี้ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, Facebook: PHYA และ IG: Phyaphilo

วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

5 ของขวัญปีใหม่สุดโดนใจ ที่คนพิเศษเห็นแล้วต้องปลื้ม !

5 ของขวัญปีใหม่สุดโดนใจ ที่คนพิเศษเห็นแล้วต้องปลื้ม !

5 ของขวัญปีใหม่สุดโดนใจ ที่คนพิเศษเห็นแล้วต้องปลื้ม !

ใกล้ถึงช่วงปีใหม่กันแล้ว หลายคนคงเริ่มเตรียมหาของขวัญคนพิเศษ ซึงหากคุณยังไม่รู้ว่าจะเลือกของขวัญอะไรให้โดนใจคนรักล่ะก็ เรามี 5 ของขวัญปีใหม่ที่ดีที่สุดมาแนะนำกัน ที่รับรองว่าคนรักของคุณจะต้องรู้สึกปลื้มใจกับของขวัญที่คุณมอบให้อย่างแน่นอน ว่าแต่จะมีของขวัญอะไรบ้างนั้น มาดูกันเลย

1.ช็อกโกแลต
ช็อกโกแลต เป็นอีกหนึ่งของขวัญปีใหม่ที่ไม่มีวันตาย เพราะไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัย หรือในวันสำคัญอะไร ช็อกโกแลตก็เป็นของขวัญที่คู่รักนิยมมอบให้กันมากที่สุด แถมยังมีความหมายดีๆ และช่วยเติมเต็มความรักให้เบ่งบานยิ่งขึ้นอีกด้วย สำหรับใครที่พอจะมีฝีมือในการทำขนมอยู่บ้าง ก็อาจแสดงฝีมือทำช็อกโกแลตสุดอร่อยด้วยตัวเองก็ได้ รับรองว่าโดนใจคนรักแน่นอน

2.แหวนเพชร
สำหรับคนที่มีงบสักหน่อย ก็เลือกซื้อแหวนเพชร เป็นของขวัญเพื่อคนพิเศษเลย ไม่จำเป็นต้องแพงมาก แค่มีความสวยงามและเข้ากับนิ้วมือของเธอพอดี ก็จะทำให้เธอรู้สึกประทับใจไม่น้อยเลยล่ะ

3.น้ำหอม
ไม่ว่าผู้หญิงหรือ ผู้ชาย ก็ล้วนชอบน้ำหอมกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้น น้ำหอมจึงเป็นของขวัญอีกสิ่งหนึ่งที่เหมาะจะมอบให้เป็นของขวัญสุดพิเศษในวัน ปีใหม่เช่นกัน โดยเลือกกลิ่นที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเขาสักนิด หรืออาจจะลองสังเกตดูว่าเขาชอบใช้น้ำหอมกลิ่นไหนมากเป็นพิเศษ เพื่อจะได้เลือกซื้อน้ำหอมที่มีกลิ่นโดนใจคนรักที่สุดนั่นเอง

4.ผ้าพันคอถักเอง
ปีใหม่เป็นช่วงที่มีอากาศหนาวจัด ผ้าพันคอจึงเป็นของขวัญสุดพิเศษที่เหมาะจะมอบให้กับคนรักเป็นอย่างมาก แต่เพื่อให้เกิดความโรแมนติกและมีความประทับใจยิ่งขึ้น แนะนำให้ถักผ้าพันคอด้วยตัวเองจะดีกว่า แม้ว่าจะไม่สวยเนี๊ยบเหมือนสินค้าที่ซื้อมา แต่ด้วยความตั้งใจในการถักของคุณ ก็เอาใจคนรักไปเต็มร้อยเลยทีเดียว

5.แพ็กเกจทัวร์สุดคุ้ม
การให้ของขวัญแบบเดิมๆ มันน่าเบื่อเกินไป ปีนี้เปลี่ยนของขวัญเพื่อคนพิเศษ มาเป็นแพ็กเกจทัวร์สุดคุ้มกันดีกว่า ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณทั้งคู่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแล้ว ก็ยังเป็นการเที่ยวเพื่อความผ่อนคลายต้อนรับปีใหม่อีกด้วย

และนี่ก็คือ 5 ของ ขวัญสุดพิเศษในปีใหม่ที่จะถึงนี้ ซึ่งหากใครกำลังมองหาของขวัญที่โดนใจคนรักอยู่ล่ะก็ ลองเลือกเป็นของขวัญเหล่านี้ดูสิ ส่วนของขวัญแบบเดิมๆ เช่น นาฬิกา ตุ๊กตาขนฟูฟ่องหรือกรอบรูปสุดเก๋ โยนทิ้งไปได้เลย เพราะนั่นน่ะถือเป็นของขวัญยอดแย่ในปีใหม่นี้เชียวล่ะ

อาการปวดหลัง เพราะขับรถ


อาการปวดหลัง เพราะขับรถ

นิตยสาร Woman Plus
สนับสนุนเนื้อหา
หลายคนคงเป็นเหมือนกัน นั่นก็คืออาการปวดหลังจากการขับรถ เพราะสมัยนี้รถบนท้องถนนก็มากขึ้น ทำให้ช่วงเวลาที่เราต้องขับรถเดินทางทั้งไปและกลับบ้านนั้น ยาวนานขึ้น ส่งผลให้มีความรู้สึกปวดหลังขึ้นมา หรืออาจจะเป็นอาการปวดจากการขับรถทางไกลไปต่างจังหวัด เราจะมีวิธีแก้ไขอย่างไร...

1. ไม่ควรให้ร่างกายค้างอยู่ท่าเดียวนานๆ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดขึ้นมา หรือหากจำเป็นต้องอยู่ท่าเดิมนานๆ นั้นควรจะอยู่ในท่าที่เรารู้สึกสบาย
2. ไม่ควรให้หลังของเรานั้น อยู่ในท่าโค้งหรือมีการบิดตัว เพราะท่าแบบนี้ กล้ามเนื้อและเอ็นด้านหลังจะถูกยืดนานๆ หมอนรองกระดูกสันหลังจะมีแรงกดมากกว่าในท่านั่งหลังตรงหรือท่ายืนตรง เพราะฉะนั้นการนั่งควรยืดหลังให้ตรง
3. สำหรับคอ ไม่ควรก้มหรือเงยมากเกินไป เพราะจะทำให้ส่วนบ่าและไหล่ ทำงานหนักมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปถึงอาการปวด
4. ควรพักผ่อนสายตาเมื่อรู้สึกอ่อนล้าและลดอาการเครียด เนื่องจากความเมื่อยล้าของสายและความเครียดนั้นมีผลต่ออาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
การปรับเบาะขณะขับรถควรปรับให้เหมาะสมและตรวจดูความเหมาะสมของอุปกรณ์เหล่านี้ ทุกครั้งก่อนขับรถ โดยอาศัยหลักการดังต่อไปนี้

1. ปรับระยะนั่งใกล้-ไกล
โดย ให้ขาเหยียบคันเร่งพอดีและสามารถขยับเท้ามาเหยียบเบรกได้ง่ายและรวดเร็ว และระยะห่างนี้ต้องไม่ทำให้เข่าและสะโพกงอมากนัก เพราะการงอมากของเข่าและสะโพกจะทำให้กระดูกข้อเท้าลำบากทำให้ต้องยกขาเมื่อ ต้องขยับเท้าไปมา ขณะเดียวกันการเหยียดขามากไปจะทำให้ตัวและขาอยู่ในรูปคล้ายตัวแอล ซึ่งมีผลต่อการเหยียบเบรกและคันเร่งเช่นกัน คือแรงจะลดลง เพราะสามารถใช้ปลายเท้าเหยียบได้เท่านั้น ไม่สามารถใช้แรงจากเข่าและสะโพกได้ ร่างกายที่อยู่ในรูปตัวแอล จะมีผลทำให้หลังส่วนล่างโค้งมาก และเส้นประสาทสันหลังและขาตึงตัวมาก จะมีผลเสียคือ กล้ามเนื้อล้าง่าย ด้านหน้าของหมอนรองกระดูกมีแรงกดมากทำให้หมอนรองกระดูกมีโอกาสปลิ้นไปด้าน หลังสูง ท่านั่งนี้จึงทำให้เกิดอาการปวดหลังได้ง่าย ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงท่านั่งนี้ ที่เราอาจพบได้บ่อยในผู้ที่ใช้เก๋งเตี้ยๆ
2. การปรับความเอียงของเบาะพิงหลัง
จะมีความ สัมพันธ์กับการปรับใกล้ไกล มุมการมอง และการจับพวงมาลัย คือเมื่อปรับขาให้พอดี ตัวอาจจะห่างไป ทำให้ต้องปรับเบาะพิงชันขึ้นมา แต่การปรับเบาะชันขึ้นมาอาจมีผลทำให้หลังและขาเป็นรูปคล้ายตัวแอลดังข้อ 1 แต่ก็มีข้อดีเมื่อตัวตั้งตรงคือ ทำให้ไม่ต้องงอคอมากนัก บ่าและคอจึงไม่เมื่อย ดังนั้นความเอียงของเบาะควรอยู่ในระดับที่เมื่อขับรถแล้ว ไม่มีความรู้สึกว่าต้องใช้แรงในการยกคอและศีรษะขึ้นมาตั้งตรง
3. ปรับการเอียงของเบาะนั่ง
มีความจำเป็นอีกเช่นกัน เพราะหากเบาะนั่งให้มีการชันตัวมาก จะมีผลทำให้เกิดการกดของด้านหน้าของเบาะต่อด้านหลังเข่าของผู้ขับขี่ ซึ่งด้านหลังเข่านี้ มีหลอดเลือดและเส้นประสาทจำนวนมาก หากมีการกดทับจะทำให้เกิดอาการชา และอ่อนแรงของขาได้ ดังนั้นควรปรับให้เบาะด้านหน้าสูงพอที่ระรับน้ำหนักขาได้ โดยที่ขาไม่ลอยสูงจากเบาะ แบบลักษณะเข่าชัน และเมื่อขับรถและมีการกดคันเร่งค้างนานๆ ด้านหน้าของเบาะต้องไม่กดหลังเข่า
4. ปรับความสูงต่ำของเบาะ
โดย เฉพาะรถใหม่ๆ มักจะสามารถปรับได้ หลายๆ คนอาจมองว่าไม่เกิดประโยชน์ เพราะตัวสูงอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ตัวสูงก็ต้องใช้ เพราะถ้าเบาะเตี้ยจะทำให้ต้องปรับเบาะรถห่างจากพวงมาลัยมากขึ้นส่งผลต่อการ งอของหลัง การปรับเบาะรถให้สูงขึ้นจะมีผลทำให้ท่านั่งขับรถคล้ายกับการนั่งเก้าอี้มาก ขึ้น ดังเห็นได้จากรถตู้หรือรถ MPV ที่มักต้องนั่งขับในท่าหลังตรงๆ และแน่นอนท่านี้ศีรษะและคอก็จะอยู่ในแนวตรง ไม่จำเป็นต้องงอคอขึ้นมา และในผู้ที่ตัวไม่สูง ก็สามารถ ปรับความสูงของเบาะเพื่อให้เหยียบถนัดขึ้น
5. ปรับมุมของพวงมาลัย จะขึ้นอยู่กับการปรับเบาะต่างๆ ด้วย
ให้ ปรับทุกอย่างเสร็จแล้วค่อยมาปรับพวงมาลัย แต่ถ้าปรับพวงมาลัยสุดแล้วยังรู้สึกไม่พอดี ต้องปรับจากข้อ 1 ถึง 4 ใหม่อีกครั้ง ตำแหน่งและระยะการจับพวงมาลัยมีความสำคัญมาก เพราะมีผลต่อการควบคุม พวงมาลัยของรถทำให้บังคับรถได้ง่ายหรือยากได้ ระยะและระดับที่เหมาะสมคือ ระยะที่เมื่อวางมือแล้ว สามารถหมุนพวงมาลัยได้คล่อง ไม่มีการติดขัดหรือมีความรู้สึกว่าต้องเอื้อม ขณะเดียว กัน กล้ามเนื้อบ่าและไหล่ต้องไม่เกร็งเพื่อที่จะถือแขนให้อยู่กับพวงมาลัยนานๆ
6. การปรับระยะพวงมาลัยเข้าใกล้หรือไกล
รถรุ่นใหม่ๆ อาจสามารถปรับระยะใกล้ หรือไกลของพวงมาลัยได้ คือเราสามารถดึงพวงมาลัยเข้าใกล้หรือผลักออกไปไกลได้ การปรับนี้มีข้อดี ที่เมื่อปรับระยะใกล้ ไกล และปรับพนักพิงแล้ว อาจทำให้แขนต้องเอื้อมจับหรือแขนอยู่ชิดพวงมาลัยมากเกินไป การปรับนี้จะช่วยให้เราสามารถจับพวงมาลัยได้ถนัดขึ้น
7. ปรับกระจกส่องข้างและหลัง
จะเป็นการปรับหลังสุด หลังจากปรับส่วนอื่นๆ เสร็จแล้ว โดยยึดหลักการที่ว่า เมื่อนั่งโดยไม่ต้องขยับศีรษะหรือโยกตัวเราสามารถมองเห็นในจุดที่เราต้องการ ได้ หากการมองยังมีจุดบอดแสดงว่าอาจต้องใช่อุปกรณ์ เสริม เช่น ติดกระจกส่องหลังบานใหญ่ขึ้น หรือกระจกโค้ง เพื่อให้เห็นได้ครอบคลุมขึ้น แต่อาจมีผลเรื่องการกะระยะบ้างเพราะภาพจากประจกโค้งจะหลอกตา
เทคนิคที่กล่าวมานั้นควรอยู่ภายใต้ความปลอดภัยในการขับขี่ด้วย หากปรับให้สบายตัว แต่ไม่ปลอดภัยก็ไม่ถือว่าเป็นการปรับที่ดี ที่สำคัญในการปรับนั้น ควรปรับเมื่อรถอยู่นิ่ง ไม่ควรปรับเมื่อรถวิ่งอยู่ โดยเฉพาะการเลื่อนเบาะและปรับมุมพนักพิง ที่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อการขับขี่ได้ค่ะ

5 สิ่ง ที่บุคคลประสบความสำเร็จ ‘จะไม่ทำ’ ในตอนเช้า


5 สิ่ง ที่บุคคลประสบความสำเร็จ ‘จะไม่ทำ’ ในตอนเช้า

5 สิ่ง ที่บุคคลประสบความสำเร็จ ‘จะไม่ทำ’ ในตอนเช้า

นิตยสาร Woman Plus
สนับสนุนเนื้อหา
ทุกๆ เช้าหลังจากตื่นนอน เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเซตอัพจิตใจและร่างกาย เตรียมความพร้อมเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดใสและกระปรี้กระเปร่า ในบางครั้งการกระทำบางอย่าง อาจทำให้คุณลืมไปว่า มันเป็นศัตรูตัวฉกาจในการขัดความสำเร็จในการทำงาน และทำให้สมองเปิดรับไอเดียได้ไม่เต็มที่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหตุให้ผู้หญิงยุคใหม่ที่ประสบความสำเร็จจะไม่ทำมันอีกต่อไป
ตื่นขึ้นมาพร้อมกับเช็กอีเมลล์เป็นอันดับแรก การเช็กอีเมลล์ก่อนสิ่งใดจะทำให้คุณลืมทำสิ่งสำคัญสิ่งอื่นๆ ที่มีค่ามากกว่าการมานั่งตอบกลับและส่งอีเมลล์ก่อนเวลาเริ่มงานจริง อาทิ ทานอาหารเช้าหรือออกกำลังกายเพื่อสร้างความสดชื่น
กด Snooze เลื่อนเวลาปลุกนาฬิกา มันคือการต่อเวลาออกไป จนคุณตื่นสายและกลายเป็นความเคยชินในการตื่น เพราะคุณไม่รู้หรอกว่าการกดเลื่อนเวลาในการตื่นออกไปเพียง 10-15 นาที อาจทำให้คุณพลาดสิ่งมีค่าในชีวิตไปก็ได้
ตัดสินใจเลือกชุดในตอนเช้า ทางที่ดีควรเตรียมเสื้อผ้าสำหรับใส่ทำงานในวันถัดไป ตั้งแต่ช่วงก่อนเข้านอน เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียเวลากับการเลือกชุดอีกในตอนเช้า
ละเลยอาหารมื้อเช้า เพราะมันสำคัญมาก ลองหาเวลาทานเพียงสักครู่ เลือกที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะการรับประทานอาหารที่เหมาะสมในตอนเช้า ทำให้ได้เปรียบทางจิตใจและการเชื่อมโยงการหน่วยความจำที่ดีขึ้น พัฒนาความคิดสร้างสรรค์ และการเรียนรู้พร้อมเริ่มต้นวันใหม่ด้วยความสดใส
รีบร้อน ข้อสุดท้ายนี้อาจฟังดูขัดใจใครหลายๆ คน เพราะแน่นอนว่าทุกๆเช้า เราต้องรีบออกจากบ้านเพื่อ ไปทำงานให้ทันเวลา แต่ในความเป็นจริงลองตื่นเช้ากว่าเดิมแล้วค่อยๆ ละเมียดละไมในการใช้ชีวิตเพื่อสร้างแรงบรรดาลใจและความครีเอทีฟในการทำงน ก่อนพร้อมเผชิญปัญหาและแก้ไขงานต่างๆ ได้อย่างกังวล

เคล็ดลับทา "แป้งพัฟ" ให้หน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานตลอดวัน

เคล็ดลับทา "แป้งพัฟ" ให้หน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานตลอดวัน

เคล็ดลับทา "แป้งพัฟ" ให้หน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานตลอดวัน

แป้งพัฟ หรือที่เราอาจจะเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า แป้งตลับ เป็นแป้งที่เหมือนกับการนำเอาแป้งฝุ่นที่มีความละเอียดมากมาผ่านการอัดแข็ง เนื้อแป้งจะมีคุณสมบัติที่บางเบาและให้เนื้อที่ละเอียด มีส่วนช่วยลดความมันบนผิวหน้าและปิดริ้วรอยทั้งหลายแหล่ ไม่ว่าจะเกิดจากสิวหรือฝ้า นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยกระจายแสงให้กับใบหน้า สาวๆ  จึงนิยมพกเพื่อใช้สำหรับการซับความันระหว่างวัน
ทำให้ผิวแลดูสดใสมีสุขภาพดี ตลอดทั้งวัน แต่การใช้แป้งพัฟแบบผิดวิธี ก็อาจจะทำให้ใบหน้าหมดสวยขึ้นมาได้ ใครที่ไม่อยากให้ใบหน้าของตัวเองดูหนาด้วยแป้งจนเกินไป หรือเบื่อหน่ายกับการต้องพกตลับแป้งแล้วหยิบขึ้นมาซับอยู่บ่อยๆ ลองมาดูเคล็ดลับการทาที่จะช่วยให้ใบหน้าใสแบบธรรมชาติ แถมยังติดแน่นทนนานได้ตลอดทั้งวันอีกด้วยค่ะ
เคล็ดลับทา "แป้งพัฟ" ให้หน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานตลอดวัน
เคล็ดลับทา "แป้งพัฟ" ให้หน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานตลอดวัน
เลือกฟองน้ำพัฟที่มีคุณภาพ
เพื่อช่วยให้แป้งติดแน่นบนผิวหน้าและเกลี่ยได้อย่างเป็นธรรมชาติมากที่ สุด สาวๆ ควรเลือกฟองน้ำที่มีคุณภาพ แม้หลายคนอาจจะคิดว่าฟองน้ำเหล่านี้ไม่ค่อยจำเป็น คุณสมบัติว่าผิวหน้าจะสวยใสหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับแป้งที่ใช้ ซึ่งถือว่าเป็นความคิดที่ผิดอย่างยิ่ง ฟองน้ำพัฟคือ ตัวเลือกอันดับแรกที่เราจะต้องเลือกสรรให้ดี เน้นเนื้อที่อ่อนนุ่ม และเป็นชนิดที่ทำจากผ้าฝ้ายจะดีมาก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการเสียดสีกับผิว จนตามมาด้วยริ้วรอย แถมยังทำให้แป้งซับกับเนื้อแป้งได้ดี กดลงบนผิวหน้าแล้วไม่ทำลายรองพื้นก่อนหน้าให้หลุดลอกด้วย
เคล็ดลับทา "แป้งพัฟ" ให้หน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานตลอดวัน
เคล็ดลับทา "แป้งพัฟ" ให้หน้าสวยเนียนเป็นธรรมชาติ แถมติดทนนานตลอดวัน
ใช้วิธีการทาแบบกดซับไม่ใช้ถู
เชื่อว่าสาวๆ หลายคนยังติดนิสัยทาแป้งพัฟแบบเกลี่ยให้ทั่วใบด้วยวิธีการลากฟองน้ำแล้วกด แรงๆ ลงไปที่ผิว เพื่อให้มั่นใจว่าแป้งจะติดทนบนใบหน้าได้มากที่สุด ใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้ให้รีบแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะการรูดฟองน้ำไปทั่วผิวที่มีความบอบบาง จะเสี่ยงงต่อการเกิดริ้วรอยได้ง่ายมากๆ การทาแป้งพัฟอย่าง ถูกต้องคือใช้วิธี "ซับ" ไปเรื่อยๆ เหมือนการซับหน้าด้วยผ้า และแตะแป้งในปริมาณที่พอเหมาะ จะทำให้หน้าไม่ขาวโบ๊ะ ได้ความเรียบเนียนอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด แถมยังติดทนนานได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย
นอกจากนี้ อย่าลืมการซับแป้งบนใบหน้าด้วยแป้งพัฟบ่อยๆ จะต้องล้างทำความสะอาดผิวภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจการทำงานนอกบ้านแล้ว ทุกครั้ง เพราะโอกาสที่แป้งจะเข้าไปอุดตันในรูขุมขน เกิดเป็นอาการระคายเคือง ตามมาด้วยปัญหาสิวที่ทำให้ผิวหน้าเป็นริ้วรอยอักเสบไม่เรียบเนียนขึ้นมา แบบนี้แป้งไหนๆ ก็คงไม่ช่วยให้หน้าดูสวยใสได้เป็นแน่ค่ะ

อยากลดน้ำหนักด้วยตัวเองให้ถูกวิธี ต้องหลีกหนีความเชื่อในการอดอาหาร !

อยากลดน้ำหนักด้วยตัวเองให้ถูกวิธี ต้องหลีกหนีความเชื่อในการอดอาหาร !

อยากลดน้ำหนักด้วยตัวเองให้ถูกวิธี ต้องหลีกหนีความเชื่อในการอดอาหาร !

สาวๆ มือใหม่ หันมาลดความอ้วนด้วย ตัวเอง อาจจะกำลังเกิดความข้องใจว่าอะไรผิดอะไรถูก ใครบอกอะไรมาก็เชื่อไปหมด ทำให้บางครั้งการรับเอาข้อมูลผิดๆ หรือความเชื่อที่ใช้ตรรกะของตัวเองเป็นหลักมาเป็นทางเลือกให้น้ำหนักลดลง อย่างรวดเร็ว บวกกับความใจร้อน
เราจึงได้เห็นสาวๆ หลายคนอ่านข้อมูลเรื่องการลดน้ำหนัก แล้วไปสรุปเอาเองว่า "ฉันอดอาหาร" ดีกว่า มันจะต้องลดเร็วอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่กลัวการกินคาร์โบไฮเดรตเป็นอย่างมาก ตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญคือการลด ไม่ใช่การอด แต่เพราะความที่การอดอาหารเห็นผลเร็ว ทำให้คิดว่ามันได้ผล โดยไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพฤติกรรมแบบนั้น จะนำมาซึ่งความอ้วนคูณสองในอนาคต
อยากลดน้ำหนักด้วยตัวเองให้ถูกวิธี ต้องหลีกหนีความเชื่อในการอดอาหาร !
อยากลดน้ำหนักด้วยตัวเองให้ถูกวิธี ต้องหลีกหนีความเชื่อในการอดอาหาร !
การอดอาหารแบบผิดๆ ที่พบได้บ่อย
สังเกตตัวเองกันหรือไม่ว่ากำลังกินอาหารแบบผิดวิธีกันอยู่ เพราะอยากลดความอ้วนด้วยตัวเองให้ได้ผล ทำให้สาวๆ ไม่กล้าที่จะหยิบจับอะไรเข้าปาก ไม่ว่าจะเป็นมื้อเช้า เที่ยงหรือเย็น จนลืมไปว่าร่างกายก็ต้องการพลังงานในการนำไปใช้ทำกิจกรรมต่างๆ ระหว่างวันอย่างมากมาย แม้กระทั่งตอนเข้านอน ก็ยังมีพลังงานที่ร่างกายจะต้องเผาผลาญด้วยเช่นกัน
การอดอาหารที่พบได้บ่อย คือการกินบ้าง แต่เป็นการกินในปริมาณน้อยลงมาก อย่างเช่น คนที่เคยกินข้าว 1 จาน ก็ลดลงมาเหลือแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น หรือแทบจะไม่แตะสิ่งที่เป็นสารอาหารชนิดคาร์โบไฮเดรตเลย บางคนรู้สึกหิว ก็ใช้วิธีกินผลไม้เล็กๆ น้อยๆ แทนเนื้อสัตว์และข้าวเพื่อประทังความหิวไปวันๆ แน่นอนว่าวิธีนี้จะทำให้น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่ 2-3 วันแรก แต่มันก็จะตอบแทนกลับมาด้วยภัยเงียบที่ไม่คุ้มเสี่ยงแม้แต่น้อย
อยากลดน้ำหนักด้วยตัวเองให้ถูกวิธี ต้องหลีกหนีความเชื่อในการอดอาหาร !
อยากลดน้ำหนักด้วยตัวเองให้ถูกวิธี ต้องหลีกหนีความเชื่อในการอดอาหาร !
อันตรายจากการลดความอ้วนด้วยการอดอาหาร
สิ่งที่สาวๆ จะเผชิญเมื่อลดน้ำหนักด้วยตัวเองแบบวิธีอดอาหารทุกมื้อ ความผอมที่เกิดขึ้น คือความผอมที่เกิดจากการที่ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อไป สภาพความผอมที่เกิดขึ้นจึงดูเหมือนคนป่วยมากกว่าจะเป็นสาวสุขภาพดี แถมสิ่งที่ตามมาคือโรคขาดสารอาหาร โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย สมาธิสั้น ระบบการทำงานของร่างกายผิดปกติ ฮอร์โมนเสียสมดุล เป็นโรคกระเพาะ ระบบเผาผลาญพลังงานลดลง เมื่อนานวันเข้าก็จะยิ่งทำให้อาการต่างๆ รุนแรงมากขึ้น ไม่มีสมาธิ ความจำสั้น และระบบเผาผลาญที่ลดลง หากกลับมากินอาหารในปริมาณเท่าเดิมก่อนหน้านี้ จะทำให้อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือที่รู้จักกันว่าภาวะ "โยโย่" นั่นเอง
ดังนั้น การลดน้ำหนักที่ถูกวิธีจึงไม่ใช่การอดอาหาร แต่เป็นการลดปริมาณอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เน้นการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ก็จะช่วยให้การลดน้ำหนักด้วยตัวเองเป็นเรื่องง่าย ได้สุขภาพที่ดี พร้อมหุ่นที่ผอมเพรียวได้อย่างที่ต้องการแน่นอนค่ะ

อยากหน้าท้องแบนราบรู้ไว้ "ฉีดเมโสแฟต" ลดหน้าท้อง อันตรายกว่าที่คิด !


อยากหน้าท้องแบนราบรู้ไว้ "ฉีดเมโสแฟต" ลดหน้าท้อง อันตรายกว่าที่คิด !

อยากหน้าท้องแบนราบรู้ไว้ "ฉีดเมโสแฟต" ลดหน้าท้อง อันตรายกว่าที่คิด !

การ "ฉีดเมโสแฟต" หรือ Meso Therapy คือการฉีดไขมันรูปแบบหนึ่งที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะสาวๆ ที่อยากลดหน้าท้องของตัวเอง กระวนการดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า Meso fat ด้วย การผลักเอาวิตามินเข้าไปสู่ชั้นด้านในของไขมัน เชื่อว่าจะช่วยลดสัดส่วนให้สาวๆ มีรูปร่างที่ดีขึ้นได้ โดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาไขมันหน้าท้อง มีพุงยื่น วิธีการดังกล่าวคือ การฉีดลดไขมัน และเซลลูไลต์เฉพาะจุด จึงเป็นที่นิยมอย่างมาก สำหรับคนที่ไม่อยากรอนาน อยากให้ตัวเองผอมเร็วขึ้น
แต่สาวๆ รู้หรือไม่ว่า การลดหน้าท้องด้วย วิธีนี้ เป็นอันตรายต่อร่างกายอย่างยิ่ง เพราะมีการผสมยาสเตียรอยด์เข้าไปด้วย และอีกชุดเป็นชนิดของยาที่ไม่ได้รับรองในการนำมาใช้เพื่อการฉีด ใครที่กำลังตัดสินใจใช้วิธีก้าวกระโดดแบบนี้ แนะนำว่าลองศึกษาข้อมูลกันให้ดีก่อนเสี่ยงจะดีกว่าค่ะ
อยากหน้าท้องแบนราบรู้ไว้ "ฉีดเมโสแฟต" ลดหน้าท้อง อันตรายกว่าที่คิด !
อยากหน้าท้องแบนราบรู้ไว้ "ฉีดเมโสแฟต" ลดหน้าท้อง อันตรายกว่าที่คิด !
ขอบคุณภาพประกอบจาก : pixabay.com
อันตรายที่พบได้จากการลดหน้าท้องด้วยวิธี Meso Fat
เพื่อสร้างความกระจ่างให้กับสาวๆ ได้เข้าใจถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น หลักการแรกที่เข้าใจได้ไม่ยากเลยคือ ยาที่นำมาใช้ในกระบวนการย่อยสลายไขมันหน้าท้อง และส่วนอื่นๆ เฉพาะจุด จะเป็นกลุ่มยาสเตียรอยด์ ที่เราต่างก็เข้าใจกันดีว่าเป็นยาที่มีอันตรายหากไม่ได้รับการควบคุมจากผู้ เชี่ยวชาญ ยาชนิดนี้มีฤทธิ์เพื่อต้านการอักเสบเป็นหลักตามหลักทางการแพทย์ แต่ผลกระทบที่พบคือ ทำให้ไขมันสลายต่อ มีขนาดฝ่อเล็กลง ด้วยผลตรงจุดนี้ เหล่าคนฉลาดหัวใสจึงนำเอามาใช้เป็นสรรพคุณเพื่อทำหน้าที่สลายไขมันเฉพาะจุด ด้วยการฉีดเข้าสู่ร่างกาย และต้องฉีดในปริมาณมาก แน่นอนว่าเสี่ยงที่มันจะเกิดผลข้างเคียงได้ เช่น การติดเชื้อ ภาวะบวมตามร่างกาย และผิวหนังบุ๋ม เป็นต้น
อยากหน้าท้องแบนราบรู้ไว้ "ฉีดเมโสแฟต" ลดหน้าท้อง อันตรายกว่าที่คิด !
อยากหน้าท้องแบนราบรู้ไว้ "ฉีดเมโสแฟต" ลดหน้าท้อง อันตรายกว่าที่คิด !
ส่วนยาอีกกลุ่ม เป็นยาที่นิยมใช้กันในต่างประเทศ เช่น Deoxycholate, L-carnitine และ Minerals  เป็นต้น เป็นยาที่ยังไม่ผ่านการรับรองจากประเทศไทย แต่ด้วยกระบวนการสลายไขมันด้วยวิธีนี้ กลับถูกนำมาใช้ในการฉีด ดังนั้นการฉีดยาเพื่อลดหน้าท้องด้วยตัวยาทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น จึงอาจเจอผลกระทบที่ไม่สามารถรับรองถึงความปลอดภัยได้แต่อย่างใด อีกทั้งการฉีดที่ไม่สะอาดเพียงพอ เสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และส่งผลข้างเคียงที่รุนแรง จนถึงขั้นเสียชีวิตกันได้เลยทีเดียว
โดยสรุปแล้วการลดหน้าท้องด้วยวิธีง่ายๆ แบบนี้ เป็นสิ่งที่การแพทย์แผนปัจจุบันไม่ได้ให้การยอมรับ และยังไม่มีการฉีดยาสลายไขมันตัวใดที่สามารถให้ผลลัพธ์ที่ช่วยสลายไขมันหน้า ท้องได้อย่างปลอดภัย
ทางออกที่ดีที่สุดคือ การพยายามลดอาหารที่มีไขมันสูง และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัย เพียงแค่มีวินัยและใช้หลักการที่ถูกต้ออง ก็จะช่วยให้ลดหน้าท้องได้อย่างที่ต้องการแล้วล่ะค่ะ

เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย


เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย

เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย

ในยุคที่สีนู้ดของ ลิปสติกกำลังมาแรง เราเห็นนางแบบในโฆษณาทากันแล้วดูปากเอิบอิ่ม แอบเซ็กซี่กันเบาๆ จนอยากหามาจับจองเป็นของตัวเองกันสักครั้ง แต่พอซื้อมาทาเองแล้ว กลับเป็นความป่วยที่ไม่ได้เหมือนที่จินตนาการเอาไว้
เพราะสีนู้ดที่ทาลงไป ทำให้ริมฝีปากดูซีดจางเหมือนคนป่วยที่กำลังจะเป็นลมยังไงยังงั้น ทำให้การทาลิปสติกสีนู้ดกลายเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ ดังนั้นเราเลยมีทางออกมาแก้ปัญหา ให้สาวๆ ที่อยากมีริมฝีปากนู้ดสวยและเซ็กซี่ ดูดีได้สมใจ แถมยังช่วยเสริมเสน่ห์ให้เป็นสาวเก๋มีสไตล์เพิ่มมากขึ้นอีกด้วยค่ะ
เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย
เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย
ขอบคุณภาพประกอบจาก : pixabay.com
บำรุงริมฝีปากก่อนลงลิปสติกสีนู้ด
การบำรุงริมฝีปากก่อนลงลิปสติกสีนู้ด จะเหมาะอย่างยิ่งสำหรับสาวๆ ที่มีริมฝีปากแห้งแตก เป็นขุย ลอกจนดูเหมือนดินแห้งๆ ที่แตกลายงา หากทาลิปสติกสีนู้ดลงไปก่อนบำรุง จะทำให้ดูป่วยอย่างหนัก ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือการเตรียมริมฝีปากให้พร้อม เหมือนกับการเตรียมผิวก่อนแต่งหน้า ด้วยการทาลิปปาล์ม หรือสครับริมฝีปากให้เรียบเนียนเสียก่อน หลังจากนั้นค่อยทาลิปสติกเป็นขั้นตอนต่อไป ซึ่งจะช่วยให้ริมฝีปากนู้ดแบบเป็นธรรมชาติและเรียบเป็นสีเดียวกัน
เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย
เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย
ลง Lip Concealer ก่อนลงลิปสติกสีนู้ด
เพื่อเป็นการช่วยให้สีปากเท่ากันอย่างทั่วถึง ควรลงคอนซีลเลอร์ปกปิดริมฝีปากให้เป็นสีเดียวกันเสียก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวๆ ที่มีปากสีคล้ำ การลงคอนซีลเลอร์จะให้ประโยชน์ช่วยปรับริมฝีปากให้เป็นสีเดียวกันอย่างสม่ำ เสมอ แล้วค่อยลงลิปสติกสีนู้ดตามลงไป จะได้ให้เป็นสีที่มีความเด่นสวยงาม และดูสดใสมากกว่าจะเป็นสาวป่วยนั่นเอง
เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย
เคล็ดไม่ลับทาลิปสติกสีนู้ด ให้สวยสุขภาพดี ไม่ดูเป็นสาวป่วย
เลือกโทนสีให้เข้ากับริมฝีปาก
เนื่องจากสาวๆ แต่ละคนมีสีผิวที่แตกต่างกัน ดังนั้น ควรเลือกลิปสติกนู้ดในโทนที่เข้าได้กับสีผิวของตัวเองมากที่สุด ซึ่งวิธีที่จะช่วยให้มั่นใจว่าสีไหนเหมาะกับตัวเอง ทาแล้วดูสดใสสุขภาพดี ก็คือการลองทาก่อนตัดสินใจซื้อ ซึ่งโดยทั่วไปที่นิยมคือสีพีชหรือสีโทนอบอุ่น ที่จะทำให้ดูนุ่มนวล เป็นสาวหวาน และดูเก๋ๆ ไปอีกแบบ
เนื่องจากการทาลิปสติกสีนู้ดเป็น อะไรที่ยุ่งยากและน่าปวดหัวสำหรับมือใหม่ การเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในช่วงแรกๆ ถือว่าเป็นเรื่องปกติ การแก้ไขที่ดีคือ พยายามเลือกโทนสีที่สดใสเอาไว้ก่อน เกลี่ยริมฝีปากให้มีสีที่สม่ำเสมอกันก่อนทา แล้วเลือกสครับริมฝีปากอาทิตย์ละครั้ง เพื่อช่วยให้ผิวปากชุ่มชื้น เมื่อทาลิปสติกแล้วจะได้ดูสวยเอิบอิ่มมากขึ้นนั่นเองค่ะ

ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ

ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ

ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ

การ์ดแต่งงานเป็นส่วนประกอบหนึ่งของงานแต่งงานที่จะบอกสาวๆ ว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะนี้คือ หน้าตาของงานที่จะเป็นตัวแทนของคู่บ่าวสาว ลักษณะของการ์ดในปัจจุบันมีให้เลือกอย่างหลากหลาย
ใครที่ใส่ใจรายละเอียดกับงานแต่งวันสำคัญแบบนี้ ลองมาทำความเข้าใจกับการ์ดแต่งงานประเภท ต่างๆ ที่หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมมีราคาแตกต่างกันมากเหลือเกิน ซึ่งแน่นอนว่าขึ้นอยู่กับการออกแบบ รายละเอียดที่ผู้จัดงานต้องการ แล้วมาลองเลือกไอเดียที่เหมาะสม ให้เข้ากับวันงานมงคลครั้งหนึ่งในชีวิตของสาวๆ กันค่ะ
ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ
ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ
ประเภทของการ์ดแต่งงาน
โดยทั่วไปการ์ดแต่งงานจะถูกแบ่งออกเป็น 4 ประเภทตามมาตรฐานด้วยกัน ได้แก่
1.การ์ดแบบสำเร็จรูป
เป็นการ์ดที่ออกแบบมาให้เรียบร้อย พร้อมจ่ายเงินซื้อกันได้แบบไม่ต้องมาเสียเวลาออกแบบ ส่วนมากแล้วจะไม่มีแบบให้เลือกมากมาย จะเป็นส่วนที่มีให้อยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นการ์ดแบบซ้ำๆ กันทั่วไป ลักษณะของการ์ดธรรมดา แต่ข้อดีคือราคาถูก พบเห็นได้มากที่สุด สาวๆ จะไม่สามารถออกแบบบด้วยตัวเองได้ อย่างไรก็ตาม ก็ถือว่าเป็นการ์ดที่ด้รับความนิยม กรณีที่คู่บ่าวสาวไม่ได้ต้องการความสวยงามพิเศษมากนัก ช่วยทุนงานแต่งงานไปได้ในตัว
ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ
ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ
2.การ์ดโมเดิร์นหรือแบบฟิวชั่น
การ์ดแบบฟิวชั่น โมเดิร์น คือการ์ดแต่งงานที่มีความโดดเด่นเก๋ไก๋ตามยุคสมัยมากที่สุด ง่ายๆ คือความแปลกใหม่ ที่มาพร้อมลูกเล่นไม่เหมือนใคร ให้ความพิเศษขึ้นมาในอีกระดับ ข้อดีคือสาวๆ สามารถจะเลือกรูปแบบของการ์ดแต่งงานที่สะท้อนสไตล์ความเป็นตัวเองและธีมงาน ได้มากกว่าการ์ดชนิดแรก แถมยังปรับเปลี่ยนข้อความ มีลูกเล่นเสริมต่างๆ ลงไปได้อีกด้วย
3.การ์ดที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามชอบ
การ์ดแต่งงานรูปแบบนี้จะเป็นการ์ดแต่งงานที่เน้นความทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของงานแต่งงานได้มากกว่า แต่ก็มีข้อจำกัดแล้วแต่แหล่งผลิตว่าจะสามารถเปลี่ยนรูปแบบในส่วนไหนของการ์ด ได้บ้าง ซึ่งส่วนมากจะเป็นสีของการ์ด ลูกเล่น และรูปทรงของการ์ด ส่วนราคาจะขึ้นมาอีกอยู่ในระดับกลางๆ ส่วนราคาจะแพงมากขึ้น แล้วแต่ว่าเราจะต้องการเติมอะไรเข้าไปอีก
ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ
ประเภทของการ์ดแต่งงาน ไอเดียเลือกสไตล์การ์ดให้เข้ากับงานแต่งของคุณ
4.การ์ดแบบเฉพาะไม่ซ้ำใคร
หรือจะเรียกว่าเป็นการ์ดงานแต่งส่วน บุคคล ซึ่งจะเป็นการ์ดที่เหมาะสำหรับคู่บ่าวสาวใส่ใจในรายละเอียดที่เห็นว่าการ์ด เหล่านี้คือการส่งมอบความมีหน้ามีตาของงานตัวเองมากที่สุด แน่นอนว่าจะเป็นการ์ดที่ไม่ซ้ำใคร มีการออกแบบเฉพาะเจาะของการ์ดมากที่สุด สะท้อนสไตล์ของธีมงานแต่งหรือตามแต่ความชอบของคู่บ่าวสาว ซึ่งการ์ดแบบนี้จะมีราคาแพง และใช้เวลาในการออกแบบและผลิตที่นาน อย่างไรก็ตาม นี่คือการ์ดที่ได้รับความนิยมอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
รู้จักกับประเภทของการ์ดแต่งงาน ที่หลากหลายกันไปแล้ว ถึงเวลาที่สาวๆ จะได้เลือกรูปแบบของการ์ดที่สะท้อนความเป็นตัวเองได้มากขึ้น เติมสีสันให้วันงานสำคัญ และยังเป็นที่ประทับใจของแขกรับเชิญอีกด้วยค่ะ

รู้วิธีเขียนคิ้วให้ถูกวิธี ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก !


รู้วิธีเขียนคิ้วให้ถูกวิธี ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก !

รู้วิธีเขียนคิ้วให้ถูกวิธี ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก !

หลังจากแต่งหน้าได้เป๊ะตามที่ตั้งใจเอาไว้ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกยันถึงขั้นตอนการทาแป้งแล้ว มาถึงส่วนที่น่าตื่นเต้นอีกจุดหนึ่งสำหรับสาวๆ นั่นก็คือ ส่วนของคิ้วที่ที่มักจะสร้างความปวดใจให้กับใครหลายคนเสียเหลือเกิน
เพราะด้วยลักษณะคิ้วที่แตกต่างกัน ทำให้สาวๆ มือใหม่ที่ยังไม่รู้แนวของตัวเอง ไม่รู้ว่าจะต้องเขียนคิ้วออกมาแบบไหน มีวิธีเขียนคิ้วอย่าง ไรให้เหมาะสมกับตัวเอง อย่าเพิ่งคิดกังวลกันไปไกลจนไปสักคิ้วให้พลาดท่า ลองมาดูหลากวิธีเขียนคิ้วต่อไปนี้ ที่จะช่วยให้ใบหน้าของสาวๆ สวยสมบูรณ์แบบได้ไม่ยากเลยล่ะค่ะ
รู้วิธีเขียนคิ้วให้ถูกวิธี ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก !
รู้วิธีเขียนคิ้วให้ถูกวิธี ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก !
วิธีเขียนคิ้วให้เหมาะกับสาวคิ้วบาง
คือเป็นสาวคิ้วบางอยู่แล้ว มันคือปัญหาที่ทำให้สาวๆ หมดความมั่นใจในตัวเองไประดับหนึ่ง ระหว่างแป้งซับหน้ามันกับดินสอเขียนคิ้ว สิ่งที่จะพกติดตัวออกไปมากกว่าก็คงจะเป็นตัวดินสอที่จะช่วยเติมสีคิ้วไม่ให้ มันหลุดล่อนจดดูบางลงในระหว่างวัน ซึ่งการเขียนคิ้วสำหรับสาวคิ้วบางเป็นสิ่งสำคัญมาก เนื่องจากจะช่วยเสริมผิวหน้าให้ดูมีเสน่ห์
หลักการง่ายๆ คือ การกันคิ้วให้ได้สัดส่วนไปเลย ไหนๆ ก็มีคิ้วบางอยู่แล้ว คงไม่ต้องกังวลหากจะต้องกันคิ้วบางส่วนออกไป จากนั้นไล่ด้วยดินสอเขียนคิ้วสีอ่อนกว่าสีมของตัวเองหนึ่งเฉดเป็นตัวเริ่ม และวาดกรอบคิ้วไปพร้อมๆ กันด้วยแบบไม่ต้องหนา ให้ส่วนของหัวคิ้วมาอยู่ปลายจมูกเพื่อสร้างความมีมิติ แล้วปัดด้วยสีเขียนคิ้วแบบฝุ่นในสีเดียวกัน ตบท้ายด้วยมาสคาร่าเขียนคิ้วอีกครั้งตามรูปคิ้วที่เขียนเอาไว้ โดยระวังอย่าให้หลุดกรอบ
รู้วิธีเขียนคิ้วให้ถูกวิธี ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก !
รู้วิธีเขียนคิ้วให้ถูกวิธี ช่วยเปลี่ยนใบหน้าให้สวยมีเสน่ห์ได้ไม่ยาก !
วิธีเขียนคิ้วสำหรับคนชอบคิ้วหนา
เราอาจจะเคยเห็นสาวคิ้วหนาที่ดูตลก จนแอบสงสัยว่าพวกเธอไม่ได้ส่องกระจกตอนวาดคิ้วหรืออย่างไร แต่สไตล์การวาดคิ้วแบบนี้ จัดได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นการ แต่งหน้าที่ช่วยทำให้ตาคมสวยเด่น เป็นสาวมาดมั่น แต่ต้องเป็นลักษณะของคิ้วที่หนาได้อย่างสวยงามเหมาะสมรับกับรูปหน้า หลักการง่ายๆ คือ กันคิ้วส่วนเกินออกไปก่อน แล้วเลือกใช้ดินสอเขียนคิ้วที่เป็นสีน้ำตาลเข้ม เริ่มเขียนตั้งแต่ขอบคิ้วกึ่งกลางล่างไปถึงหางคิ้ว แล้วค่อยไล่เติมสีคิ้วไปตามเส้นขนอย่างใจเย็น จากนั้นไปเริ่มเขียนจากกึ่งกลางขอบคิ้วไปหาคิ้ว ส่วนตรงหางจะเดินเส้นเล็กน้อย เพื่อให้ดูเป็นเค้าโครงมากขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีวิธีเขียนคิ้วอีกหลากหลายรูปแบบที่สาวๆ สามารถทดลองปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองได้ โดยจะต้องดูปัจจัยหลายๆ อย่าง ทั้งสีผิว สีผม และลักษณะโครงหน้าของตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วยค่ะ

ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !

ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !

ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !

สาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักด้วย ตัวเอง แต่พอตั้งใจทำอย่างจริงจัง กลับไม่สามารถลดได้ซักที แถมหาสาเหตุไม่ได้อีกว่าเป็นเพราะอะไร หลายคนอาจจะคิดว่าเป็นเพราะระบบเผาผลาญของตัวเองพัง หรือเพราะมีระบบเผาผลาญที่ไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งจริงๆ แล้วเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ
ทว่าโดยมากมาจากความเข้าใจผิด ซึ่งเป็นความผิดพลาดของสาวๆ เองเสียมากกว่า ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ปัญหาความเชื่อและพฤติกรรมผิดๆ ที่หลายคนไม่รู้ตัว ลองมาสังเกตสาเหตุต่อไปนี้ ที่สาวๆ อาจจะเพิ่งรู้ตัวก็เป็นได้ค่ะ
ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !
ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !
ปล่อยให้ความเครียดเล่นงานบ่อยๆ
ด้วยสังคมสมัยนี้ ความเครียดกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตสาวๆ ไปแล้ว แต่อย่าลืมว่าการลดน้ำหนักด้วย ตัวเองนั้น ผลกระทบจากความเครียดมีผลในแบบที่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึงกันเลยทีเดียว เพราะด้วยความเครียดที่เรื้อรัง ทำให้ช่วงเวลานั้นๆ สาวๆ ขาดสติ ขาดสมาธิ ร่างกายถูกกระตุ้นให้กินอาหารมากขึ้น บังคับตัวเองได้ยาก แถมอาหารที่กินเข้าไปนั้นยังเป็นอาหารหวานๆ มันๆ ที่ช่วยเติมความสดชื่น มาทดแทนอารมณ์เครียดให้ดีขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็คือน้ำหนักตัวและไขมันที่เพิ่มมากขึ้นมาแล้วนั่นเอง
ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !
ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !
ขอบคุณภาพประกอบจาก : pixabay.com
เครื่องดื่มแก้วเล็ก แต่มากพลังงาน
พฤติกรรมสาวออฟฟิศคือการชอบดื่มชากาแฟทั้งลายแหล่ ที่แม้จะกินแค่วันละ 1 แก้ว แต่รู้ไหมว่า ในแต่ละแก้วนั้นอุดมไปด้วยไขมันและน้ำตาลที่มันจะกลายเป็นไขมันรวมๆ สะสมตัวกันอยู่ในร่างกายของเราต่อไป ยิ่งสาวๆ ที่กินแล้วต้องนั่งทำงาน ไม่ได้เผาผลาญร่างกาย ตั้งใจกินเมนูคลีนๆ แต่ดันตกม้าตายตรงเครื่องดื่มที่ให้พลังงานมากพวกนี้ ก็เป็นอะไรที่ทำให้การลดน้ำหนักพังเหมือนกันนั่นเอง
ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !
ลดน้ำหนักด้วยตัวเองไม่สำเร็จสักที อาจมีสาเหตุมาจากสิ่งเหล่านี้ก็ได้ !
เข้าใจผิดคิดว่าช่วงมีประจำเดือนห้ามออกกำลังกาย
แม้จะมีประจำเดือนมา สาวๆ ก็สามารถออกำลังกายได้ ไม่ได้ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพแต่ อย่างใดเลย แถมยังไม่ส่งผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ของเรา นอกจากบางคนที่มีอาการปวดท้องไม่สบายตัว ลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายแบบเบาๆ ดีกว่าหยุดไปเฉยๆ เพราะช่วงที่มีรอบเดือน เป็นช่วงที่ฮอร์โมนแปรปรวน อาจจะทำให้สาวๆ อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ กินอาหารแบบไม่เลือกหน้า กว่ารอบเดือนจะหมดก็หลายวัน ผลที่ตามมาคือการออกกำลังกายเมื่อก่อนหน้านี้มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยนั่น เอง
ความเชื่อผิดๆ กับการลดน้ำหนักด้วยตัวเองเหล่านี้ เป็นสิ่งที่สาวๆ จะต้องสังเกตตัวเองให้ดี หากมีพฤติกรรมแบบนี้แล้วล่ะก็ ควรรีบแก้ไขโดยด่วน จะได้มีหุ่นสวยได้ดั่งใจต้องการ แถมได้สุขภาพที่ดีตามมาด้วยนั่นเองค่ะ