วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

คุณแม่บ้านควรรู้ 7 สิ่งต้องห้ามนำเข้า เครื่องอบผ้าแห้ง!

คุณแม่บ้านควรรู้ 7 สิ่งต้องห้ามนำเข้า เครื่องอบผ้าแห้ง!

คุณแม่บ้านควรรู้ 7 สิ่งต้องห้ามนำเข้า เครื่องอบผ้าแห้ง!

        สำหรับสาวๆ ที่อาจจะอาศัยอยู่ตามคอนโด ห้องพักต่างๆ นานา ซึ่งอาจจะมีเนื้อที่ตากผ้าไม่ได้เยอะ เวลาซักผ้าเสร็จนำไปตากที่ไม่พอ ก็คงต้องเอาไปใส่เครื่องอบผ้าเพื่อเป็นตัวช่วยให้ผ้าแห้งเร็วขึ้น แต่! รู้กันไหมคะ ว่ามันมีสิ่งของบางอย่างนะที่ห้ามเอาเข้าเครื่องอบผ้า จะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย
ชุดปักเลื่อม
       ลำพังแค่ซักก็เสี่ยงจะเลื่อมปักสวยๆจะหลุดอยู่แล้วล่ะค่ะ ทางที่ดีซักด้วยมือแล้วนำไปตากให้แห้งจะเหมาะที่สุด
บรา ชุดชั้นใน
      บอบบาง ทรงเสีย ยืดพัง วิธีถนอมที่ดีที่สุดคือการ ซักด้วยมือ และปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติดีที่สุดค่ะ
ชุดว่ายน้ำ
       ถึงแม้ว่าจะทนทานแดดที่ทะเลได้ แต่มันไม่สามารถทนความร้อนต่อเครื่องอบได้ เพราะมันอาจจะทำให้ยืดได้ เคล็ดไม่ลับสำหรับการเก็บรักษาชุดว่ายน้ำก็คือ นำไปเก็บไว้ในตู้เย็นเลยค่ะ จะเป็นการเก็บรูปทรงให้คงสภาพได้ดียิ่งขึ้นไปอีก
ผ้ายืด ชุกเข้ารูป
       พวกเนื้อผ้าลักษณะนี้ เวลาที่นำไปใส่เครื่องอบจะทำให้มันหด พอมันหดก็จะทำให้ใส่ต่อไม่ได้ ระวังไว้ด้วยนะคะสาวๆ
เสื้อผ้าที่มีป้ายเตือน ห้าม อบ แห้ง!
       เพราะถือเป็นการเตือนแล้วว่า อันตรายนะคะถ้ายังนำไปอบ เพื่อเป็นการยืดอายุเสื้อผ้าให้มีไว้ใส่นานๆ เลย
รองเท้า
       อยากให้รองเท้าแห้งไว้ๆ แนะนำว่าให้ปล่อยให้แห้งตามปกติดีกว่า เพราะถ้าเราไปเข้าเครื่องอบ โดนความร้อนก็จะทำให้กาวต่างๆ ละลาย เสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม
พรมยาง
        ไม่ได้อย่างยิ่งเลยล่ะค่ะ ทางที่ดีส่งร้านซัก หรือปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติเห็นจะดีที่สุดนะคะสาวๆ ขา
        รู้แบบนี้แล้ว เลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะคะสาวๆ เพื่อสิ่งของพวกนี้จะได้อยู่กับเราไปนานๆ ^^

ไขข้อสงสัย! ด่างทับทิมทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ?

กระแสการทำให้ผิวขาวด้วยวัตถุดิบต่างๆ นั้นมีเข้ามาเรื่อยๆ หลากหลาย และในปัจจุบันเชื่อว่าสาวๆ หลายคนอาจเคยได้ยินการทำให้ผิวขาวด้วยด่างทับทิมกันมาบ้างแล้วไม่น้อย ว่าแต่ด่างทับทิมคืออะไร มีคุณสมบัติทำให้ผิวขาวได้แท้จริงหรือไม่ และเป็นอันตรายต่อผิวหนังของเราหรือเปล่า ก่อนสาวๆ จะนำมาใช้เพื่อผิวขาว เหล่านี้... คือสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องศึกษาทำความเข้าใจก่อนที่ผิวสวยๆ จะพังไปอย่างรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ไขข้อสงสัย! ด่างทับทิมทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ?
ไขข้อสงสัย! ด่างทับทิมทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ?
ด่างทับทิม คืออะไร?
ด่างทับทิม เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต (Potassium Permanganate) คือสารเคมีชนิดหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นผลึกเกล็ดสีม่วง สามารถละลายน้ำได้และออกฤทธิ์เป็นด่างอ่อนๆ การนำด่างทับทิมมาใช้ทั่วไปนั้นมักนิยมมาใช้ภายในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรม ต่างๆ อย่างเช่น ล้างผักผลไม้เพื่อช่วยกำจัดสารเคมีและเชื้อโรคเชื้อรา ทำความสะอาดตู้ปลา และนำมาใช้เป็นสารฟอกขาว นอกจากนี้ ในทางการแพทย์ยังนำเอาด่างทับทิมมาใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร รวมถึงใช้ฆ่าเชื้อแผลซึ่งเกิดขึ้นจากอาการน้ำเหลืองเสียร่วมด้วยเช่นกัน
ไขข้อสงสัย! ด่างทับทิมทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ?
ไขข้อสงสัย! ด่างทับทิมทำให้ผิวขาวได้จริงหรือ?
ขอบคุณภาพประกอบจาก https://www.intherabbithole.com/
ด่างทับทิมทำให้ผิวขาวได้หรือไม่?
จากคุณสมบัติและการนำมาใช้ในเบื้องต้นที่เราได้ชี้แจงไปก็พอจะสามารถสรุป ได้อย่างชัดเจนแล้วนะคะว่า เราไม่สามารถนำด่างทับทิมมาเป็นวัตถุดิบเพื่อทำให้ผิวขาวได้อย่างแน่นอน เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่งก็ว่าได้ เนื่องจากการนำมาใช้เราจะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะด่างทับทิมมีฤทธิ์เป็นด่าง อีกทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นดั่งสารออกซิเดชั่น (Oxidation) ชนิดรุนแรง หากสาวๆ คิดว่าการแช่ตัวด้วยน้ำด่างทับทิมเพื่อช่วยให้ผิวขาว หากผสมน้ำไม่เจือจางดีพอก็ย่อมทำให้เกิดการกัดผิว ทำให้ผิวหนังด่างดำ มีอาการผิวไหม้ แห้งลอกและเป็นขุยง่าย สรุปง่ายๆ ก็คือ ด่างทับทิมไม่ควรนำมาใช้กับผิวพรรณ เพราะจะเป็นอันตรายต่อผิวหนังนั่นเอง
           อาจเพราะสาวๆ หลายคนเข้าใจผิดกันว่า การนำด่างทับทิมมาใช้เพื่อแช่ผิวให้ขาวนั้นก็เหมือนกับการนำกรดผลไม้ (AHA) มาใช้กับผิว แต่แท้จริงแล้ว ไม่ได้เหมือนกันแต่อย่างใดเลยค่ะ ทั้งนี้เนื่องจากกรดผลไม้เป็นกรดอ่อนๆ ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผิว ในขณะที่ด่างทับทิมแค่เกล็ดเล็กๆ จำเป็นที่จะต้องใช้ปริมาณของน้ำผสมมากถึง 1 ถังใหญ่ๆ กันเลยทีเดียวเพื่อให้เกิดความปลอดภัย แต่อย่างไรก็ไม่แนะนำให้นำมาใช้เพื่อช่วยให้ผิวขาวแน่นอน
ทราบกันไปแล้วนะคะว่าด่างทับทิม ไม่ได้เหมาะสมที่จะนำมาใช้เป็นตัวช่วยทำให้ผิวขาวได้อย่างแท้จริง เพราะอาจจะก่อให้เกิดการกัดผิว ทำให้ผิวพรรณของเราเสียหายอย่างรุนแรงได้ ดังนั้น หันมาทำให้ผิวขาวด้วยวัตถุดิบจากผักผลไม้รอบตัวที่มีกรด AHA อ่อนๆ จะดีกว่า เพราะเป็นการบำรุงผิวพรรณให้กระจ่างใสในตัวอย่างเป็นธรรมชาติแบบไม่ทำลายผิวให้เสียหายได้ด้วยนั่นเอง

“ใบเตย อาร์สยาม” ตัวแทนสาวๆ มั่นใจ ผลิตภัณฑ์ “Taya (ทาย่า)”


“ใบเตย อาร์สยาม” ตัวแทนสาวๆ มั่นใจ ผลิตภัณฑ์ “Taya (ทาย่า)”

“ใบเตย อาร์สยาม” ตัวแทนสาวๆ มั่นใจ ผลิตภัณฑ์ “Taya (ทาย่า)”

ถือว่าเป็นนักร้องสาวที่ มีดีกรีความเซ็กซี่ หุ่นดี จนทำให้หนุ่มๆ ต้องหลงใหล สำหรับนักร้องสาวลูกทุ่งนุ่งสั้น “ใบเตย อาร์สยาม - สุธีวัน ทวีสิน” ฉายา “สั้นเสมอหู” ที่ใครหลายคนต้องยกนิ้วให้กับความมั่นของเธอ จึงทำให้เธอคว้าพรีเซ็นเตอร์ ผลิตภัณฑ์ “Taya (ทาย่า)” แบรนด์น้องใหม่ในเครือเรียวครีม โดย บริษัทเรียวครีม (ไทยแลนด์) จำกัด ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่รวมสุดยอดสารอาหารจากธรรมชาติที่ช่วยตอบสนองความต้อง การของผู้หญิง ปรับสมดุลฮอร์โมน ต่อต้านความเสื่อมแห่งวัย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ปรนนิบัติผิวให้ดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติด้วยผลิตภัณฑ์ “Taya (ทาย่า)” ที่มาให้สาวๆ กล้าท้าลอง!!!

เต้านมคัดในคุณแม่ลูกอ่อน รับมือยังไงดีนะ?

เชื่อว่าคุณแม่หลายคนอาจ จะเคยประสบกับปัญหาเต้านมคัดกันมาบ้างแล้ว บางคนอาจถึงขั้นไม่สามารถให้นมแก่ลูกน้อยได้ ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกเจ็บที่เต้านมเท่านั้น วันนี้เราได้นำวิธีดูแลเต้านมคัดมาฝากคุณแม่ลูกอ่อนกันค่ะ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวดของเต้านมที่คัดตึง เรามาติดตามพร้อมๆ กันเลยนะคะ
เต้านมคัดในคุณแม่ลูกอ่อน รับมือยังไงดีนะ?
เต้านมคัดในคุณแม่ลูกอ่อน รับมือยังไงดีนะ?
เต้านมคัด คืออะไร?
เต้านมคัดคือ อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับคุณแม่ลูกอ่อนทุกคน เนื่องจากการให้นมแก่ลูกน้อยนั้นเป็นสิ่งที่คุณแม่ทุกคนควรทำอยู่แล้ว และถือเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดอาการเต้านมคัดได้นั่นเอง ในส่วนของคุณแม่มือใหม่ก็อาจก่อให้เกิดปัญหาในระหว่างของการให้นมแก่ลูกน้อย ได้ เช่น เต้านมอักเสบ หรือหัวนมแตก เป็นต้น ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณแม่ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเต้านมคัดอย่าง เข้าใจ
อาการของเต้านมคัด
ในส่วนของอาการเต้านมคัดจะพบในช่วงระยะสัปดาห์แรกหลังจากคลอด เพราะหลังจากที่ลูกน้อยดูดกระตุ้นนั้น จะทำให้เกิดการสร้างน้ำนม ซึ่งปริมาณน้ำมันจะเกิดการคั่งค้างจนทำให้คุณแม่เกิดอาการคัด ตึง บวม แข็ง และปวดในบริเวณหน้าอก และนั่นก็เป็นที่รู้จักกันดีในชื่อของอาการเต้านมคัด สำหรับอาการเต้านมคัด คือสิ่งที่คุณแม่ไม่ควรปล่อยให้รุนแรงขึ้น เพราะอาจทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บปวดจนถึงขั้นไม่สบายได้ และนั่นอาจทำให้เกิดความเครียดตามมาได้
เต้านมคัดในคุณแม่ลูกอ่อน รับมือยังไงดีนะ?
เต้านมคัดในคุณแม่ลูกอ่อน รับมือยังไงดีนะ?
สาเหตุของอาการคัดตึงเต้านม
1.เกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เนื่องจากร่างกายของคุณแม่จะมีการผลิตน้ำนมได้ในปริมาณมากเมื่อลูกดูดไม่หมด และนั่นก็จะทำให้เกิดภาวะน้ำนมคั่งค้างจนทำให้เกิดอาการเต้านมคัดนั่นเอง
2.ทิ้งช่วงเวลาของการให้นมลูกนาน จนทำให้มีน้ำนมอยู่ในบริเวณเต้านมมากเกินไป ทำให้เกิดอาการบวม ตึง และคัด
3.ให้นมลูกน้อยในท่าที่ผิด ก็มีส่วนในการทำให้น้ำนมไหลออกมาได้ไม่เต็มที่ หรือบางครั้งก็ทำให้ไหลไม่ทัน และนั่นก็จะทำให้เกิดอาการเต้านมคัดนั่นเอง
4.สวมใส่ชุดชั้นที่คับแน่นจนเกินไป หรืออาจใส่ชุดชั้นในที่มีโครงเหล็ก โดยหนึ่งในสาเหตุของการทำให้เกิดอาการเต้านมคัดก็คือการเลือกใส่ชุดชั้นใน ที่คับหรือมีโครงเหล็กนั่นเอง เพราะชุดชั้นในลักษณะนี้จะทำให้เกิดการกดทับท่อน้ำนม จนทำให้เกิดอาการเต้านมคัดตามมา
เต้านมคัดในคุณแม่ลูกอ่อน รับมือยังไงดีนะ?
เต้านมคัดในคุณแม่ลูกอ่อน รับมือยังไงดีนะ?
วิธีป้องกันและบรรเทาอาการเต้านมคัด
1.ควรให้ลูกดูดนมบ่อยๆ โดยใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที อาจใช้วิธีการแบ่งเวลาโดยให้ลูกน้อยดูดนมข้างละ 5 นาทีสลับกันไป หรือถ้าลูกน้อยยังไม่หิว แต่น้ำนมออกมาเต็มที่แล้ว ก็ควรปั๊มหรือบีบออกมาเก็บใส่ขวดเพื่อเป็นสต๊อกน้ำนมให้ลูกได้
2.เลือกใส่ชุดชั้นในที่มีความพอดีกับเต้านม ทั้งนี้เพื่อเป็นการลดอาการปวด และขอแนะนำให้คุณแม่ใส่ชุดชั้นในที่สามารถเปิดนมให้ลูกดูดได้สะดวกโดยที่ไม่ ต้องถอดออกมา
3.หากมีอาการเจ็บเต้านมข้างใดข้างหนึ่ง ก็ควรให้ลูกเริ่มดูดข้างที่หัวนมปกติไปก่อน แล้วจึงค่อยสลับข้าง
4.ใช้กระเป๋าน้ำร้อนประคบในบริเวณเต้านมที่มีอาการคัด จะช่วยลดความเจ็บปวดได้
คุณแม่ที่กำลังมีอาการเต้านมคัด และไม่รู้ว่าจะต้องแก้ด้วยวิธีไหน ยังไงก็ลองนำวิธีที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปใช้กันดู รับรองว่าได้ผลอย่างแน่นอน

6 วิธีทำให้ผิวขาวใส ผิวหมองคล้ำแค่ไหนก็แก้ได้ไม่ยาก!

ในช่วงอากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ เราไม่สามารถที่จะปกป้องผิวให้ห่างไกลจากการทำร้ายของแสงแดดได้อย่างแน่นอน สาวๆ คนไหนที่ต้องออกแดดบ่อยกลับมาพบกับผิวพรรณที่คล้ำเสีย ทำให้คุณเป็นกังวลกับสภาพผิวดำคล้ำ แต่วันนี้เราหยิบ 6 วิธีทำให้ผิวขาวใสมาฝากกันแล้ว อยากให้ผิวขาวขึ้นอีกครั้ง ทำตามนี้ไม่มีพลาดแน่นอน
6 วิธีทำให้ผิวขาวใส ผิวหมองคล้ำแค่ไหนก็แก้ได้ไม่ยาก!
6 วิธีทำให้ผิวขาวใส ผิวหมองคล้ำแค่ไหนก็แก้ได้ไม่ยาก!
1.ขัดผิวให้ขาว
เพียงเลือกใช้สครับที่หาได้จากธรรมชาติรอบตัว เช่น มะขามเปียก มะละกอ มะนาว สัปปะรด นมสด โยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ฯลฯ มาผสมให้เข้ากันกับเกลือทะเล จากนั้นนำมาขัดผิวจนทั่วในขณะอาบน้ำ หรืออาจใช้ใยบวบขัดผิวเป็นประจำทุกครั้งที่อาบน้ำก็ได้ การขัดผิวจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดออก สาเหตุของความหมองคล้ำหมดไป ผิวใหม่ก็ขึ้นมาแทนที่และขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ
2.ใช้ครีมบำรุงผิวขาว
การบำรุงผิวนั้นสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยให้ผิวสวยสดใสสมวัยแล้ว หากสาวๆ ต้องการอยากมีผิวขาวแนะนำให้เลือกครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของไวท์เทนนิ่งเป็น หลัก ทาเป็นประจำทุกวันทั้งเช้าและก่อนนอน รับรองค่ะว่าจะช่วยทำให้ผิวขาวใสในแบบที่ต้องการได้แน่นอน
6 วิธีทำให้ผิวขาวใส ผิวหมองคล้ำแค่ไหนก็แก้ได้ไม่ยาก!
6 วิธีทำให้ผิวขาวใส ผิวหมองคล้ำแค่ไหนก็แก้ได้ไม่ยาก!
3.ทาครีมกันแดดเป็นประจำทุกวัน
แดดทุกวันนี้ร้อนแรงมากทีเดียว ออกแดดแป็ปเดียวผิวก็ไหม้เสียได้แล้ว เพราะฉะนั้น ในเมื่อแสงแดดคือตัวการทำให้ผิวคล้ำเสียได้เร็ว สาวๆ ก็ไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดดเด็ดขาด ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน ไม่ว่าจะออกแดดหรือไม่ก็ตาม และถ้าจะให้ดีก็พยายามหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากเข้าไว้ อาจกางร่มตอนออกจากบ้านก็จะช่วยป้องกันแดดได้อีกชั้นหนึ่งแล้วล่ะ
4.วิตามินซีบำรุง
วิตามินซีไม่เพียงทำให้สุขภาพแข็ง แรงแต่เพียงเท่านั้น หากแต่ยังมีส่วนช่วยบำรุงผิวให้ขาวกระจ่างใสได้อย่างโดยตรงอีกด้วย แนะนำให้กินผักผลไม้ที่ให้วิตามินซีสูง เช่น มะนาว มะขามป้อม ฝรั่ง ส้ม สตรอว์เบอร์รี บร็อกโคลี่และพริกหวานสีแดง เป็นต้น หรือหากคิดว่าไม่มีเวลาในการจัดสรรอาหารที่ให้วิตามินซีได้อย่างเพียงพออาจ จะซื้อวิตามินซีรูปแบบเม็ดมาทานเป็นอาหารเสริมบำรุงผิวให้สวยสดใสก็ได้เช่น กัน
6 วิธีทำให้ผิวขาวใส ผิวหมองคล้ำแค่ไหนก็แก้ได้ไม่ยาก!
6 วิธีทำให้ผิวขาวใส ผิวหมองคล้ำแค่ไหนก็แก้ได้ไม่ยาก!
5.ผิวขาวด้วย AHA
กรดผลไม้หรือ AHA เป็นกรดจากธรรมชาติที่มีฤทธิ์อ่อนๆ โดยจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวขาวกระจ่างใสได้อย่างเป็นธรรมชาติ เช่นกัน สาวๆ สามารถหาซื้อกรดผลไม้นี้ได้ตามคลินิกเสริมความงามหรือ ร้านขายยาทั่วไปค่ะ โดยให้นำมาทาบนผิวหน้าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง รับรองผิวขาวกระจ่างใสผุดผาดดั่งใจแน่นอน แต่ยังไงก็ต้องระมัดระวังเรื่องการออกแดดด้วยนะคะ เพราะมันจะทำให้ผิวหน้าบางลง ผิวจะยิ่งไวต่อแดดมากขึ้นนั่นเอง
6.พอกหน้าให้ผิวขาว
แนะนำให้ใช้โยเกิร์ตผสมกับน้ำมะนาวคนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าประมาณ 20 นาทีจึงล้างหน้าให้สะอาด เพราะมะนาวเป็นผลไม้ที่มีกรด โดยจะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวได้ดี ในขณะที่โยเกิร์ตจะช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มชุ่มชื้น มีสุขภาพดีอย่างน่าสัมผัส ผิวก็จะสวยสดใสมากขึ้นเลยทีเดียว
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับวิธีทำ ให้ผิวขาวในแบบง่ายๆ ทั้ง 6 วิธีนี้ นับว่าทำได้ไม่ยากอย่างยิ่ง อยากมีผิวขาวใสปิ๊ง ต้องทำตามกันบ่อยๆ แล้วนะคะ

รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !

สภาพอากาศร้อนทุกวัน การอยู่แบบไม่เปิดแอร์คงไม่ได้แน่นอน บ้านไหนมีเครื่องปรับอากาศจึงต้องอาศัยความเย็นฉ่ำจากมันยาวนานแทบทั้งวัน แต่สาวๆ ทั้งหลายฟังทางนี้ก่อนค่ะ หากคุณไม่อยากให้ผิวพรรณหมดสวย ส่งผลให้น้ำหนักตัวขึ้นและทำให้สุขภาพย่ำแย่ตามมา เรามาดูข้อเสียจากการอยู่ห้องแอร์นานๆ กันดีกว่า ว่ามันมีผลเสียต่อการทำลายความสวยความงามในตัวเราได้ยังไงบ้าง
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
ผิวหนังอักเสบ เป็นผื่นแพ้
เพราะภายในตัวเครื่องปรับอากาศล้วนเต็มไปด้วยเชื้อแบคทีเรียมากมาย นอกจากทำลายสุขภาพภายในให้แย่ลงแล้ว สภาพอากาศเย็นๆ จากแอร์ยังเป็นแหล่งของการเพาะเชื้อโรคให้ยิ่งเจริญเติบโตได้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหากคุณเปิดแอร์แล้วรู้สึกได้ถึงกลิ่นอับ นั่นบ่งบอกได้เลยว่าเครื่องปรับอากาศมีเชื้ออันตรายแฝงอยู่จำนวนมากทีเดียว จนมันส่งผลให้เกิดกลิ่นเล็ดลอดออกมา อากาศเย็นๆ ที่ออกมาพร้อมกับเชื้อโรคหากมาสัมผัสกับผิวหนังของเรา ก็จะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคผิวหนังอักเสบและผื่นคันตามมานั่นเอง
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
ทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น
การอยู่ภายในห้องปรับอากาศเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอากาศที่เย็นฉ่ำมากเกินไปจะส่งผลให้ร่างกายของเราเกิดการสูญเสียน้ำ มากขึ้นอย่างที่คุณไม่รู้ตัว เพราะความเย็นจะทำให้อากาศภายในแห้ง และมันยังดูดเอาความชุ่มชื้นออกไปจากผิว จึงส่งผลให้ผิวแห้งกร้าน เกิดอาการคันตามมา หากสาวๆ คันเพราะผิวแห้งแล้วไม่เกาผิวก็ไม่มีปัญหาหรอกนะคะ แต่หากคุณอดใจไม่ไหวเผลอเกาจนผิวยิ่งแห้งตึง และมีรอยถลอกเป็นขุยตามมาแบบนี้จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้ผิวหนังเกิดการติดเชื้อ มากยิ่งขึ้นเข้าไปอีกแน่นอน
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
ทำให้อ้วนขึ้น
เนื่องจากมีงานวิจัยจาก University of Alabama รัฐเบอร์มิงแฮมได้ชี้แจงประเด็นการอยู่ห้องแอร์จะทำให้อ้วนขึ้นได้ ซึ่งได้เปิดเผยข้อมูลมาว่า การอยู่ภายในสถานที่ที่มีเครื่องปรับอากาศทำหน้าที่ในการควบคุมอุณหภูมิให้ อยู่ในองศาที่พอดีนั้น ร่างกายของคนเราก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้พลังงานเพื่อช่วยเพิ่มความ อบอุ่นให้แก่ร่างกาย ถือเป็นการลดโอกาสที่จะทำให้เกิดการเบิร์นแคลอรี และยังทำให้เราหันมาเลือกกินขนมจุบจิบมากขึ้นแทนที่จะหันมาเลือกดื่มน้ำ สะอาดเพื่อชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป ทั้งนี้ เนื่องจากด้วยอากาศที่เย็นสบายจึงส่งผลให้เราใช้ชีวิตอย่างเอื่อยเฉื่อย หันมาเพลิดเพลินกับการกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ความรู้สึกขี้เกียจก็ตามมาพร้อมกัน ปัจจัยเหล่านี้จึงส่งผลทำให้เรามีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้ตัวได้นั่น เอง
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
รู้ยัง? อยู่ห้องแอร์นานก็ทำลายความงามให้หมดลงได้ !
เห็นหรือยังคะว่าการใช้ชีวิตอยู่ภายในห้องแอร์เป็นเวลานาน ไม่ได้มีผลดีต่อสุขภาพร่างกายเสมอไป แม้จริงอยู่ที่อาจทำให้เราสุขกาย ผ่อนคลาย สบายใจจากการไม่ต้องมาเผชิญกับอากาศร้อน แต่อะไรก็ตามที่ให้ผลดีก็ย่อมให้โทษมาพร้อมๆ กันเสมอ หรือถ้าจะให้ดีเราควรทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมอยู่เป็นประจำจะ ดีที่สุด
และแม้จะอยู่ในห้องแอร์นานๆ ก็ควรขยับเคลื่อนไหวร่างกายให้เกิดการเผาผลาญบ้าง พร้อมกับดื่มน้ำสะอาดเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ เพียงเท่านี้ก็จะทำให้สาวๆ มีหุ่นสวย ผิวพรรณชุ่มชื้นสดใสและมีสุขภาพดีได้แล้วค่ะ

หน้าสวยเนียนกริบ แปรง VS ฟองน้ำ อะไรเนียนกว่ากัน?

สาวๆ ที่เน้นแต่งหน้าสวย เซ็กซี่ใสๆ มัดใจชายให้ลุ่มหลงจนอยู่หมัด รู้ไหมค่ะว่าการลงรองพื้นสำคัญมากๆ มาดูกันค่ะว่า ระหว่างแปรงรองพื้นหรือฟองน้ำที่ลงรองพื้นแล้วหน้าเรียบเนียนกริบกว่ากัน


แปรง
สาวๆ หลายคนมักคุ้นชินกับการลงรองพื้นด้วยแปรงเพราะใช้เวลาน้อย ปกปิดได้ดี ไม่กินเนื้อรองพื้นมาก โดยเฉพาะหากเลือกหัวแปรงเฉพาะ Round Foundation Brush แปรงทารองพื้นแบบหัวกลมที่เกลี่ยค่อนข้างง่าย เหมาะสำหรับใครที่ชอบแต่งหน้าลุคธรรมชาติ ใสๆ ที่ไม่เน้นปกปิดมาก โดยเฉพาะสาวทำงานที่ต้องแต่งหน้าทุกวัน ได้ลุคสดใสเป็นธรรมชาติการเลือกใช้แปรงเมกอัพจะเหมาะมากกว่าการใช้ฟองน้ำ เพราะช่วยให้เกลี่ยเนื้อรองพื้นได้เรียบเนียนและเร็วกว่า


ฟองน้ำ
สาวคนไหนที่เคยชินกับการใช้ฟองน้ำเกลี่ยรองพื้น การเลือกฟองน้ำให้เหมาะกับรูปหน้าและจุดประสงค์ในการใช้งานจำเป็นที่สุด โดยคุณสมบัติต้องเกลี่ยง่าย เนื้อฟองน้ำต้องเนียนนุ่ม มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้ง วงรี สามเหลี่ยม และรูปไข่



ข้อ ดีของการใช้ฟองน้ำคือสามารถแต่งหน้าลุคใสๆ ได้เรียบกริบหรือแม้กระทั่งงานยากต้องการการปกปิดมากเป็นพิเศษ ฟองน้ำก็ช่วยให้ใบหน้าเนียนได้ดี แต่ข้อเสียของฟองน้ำคือ กินเนื้อรองพื้นค่อนข้างมากทำให้เปลือง รวมถึงการใช้ทุกครั้งควรนำไปชุบน้ำให้ชุ่มก่อนนำมาแตะรองพื้น นอกจากช่วยเรื่องปกปิดได้ดี ยังช่วยเพิ่มความเนียนกริบให้ใบหน้า ที่สำคัญต้องหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆ เพราะเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค
ไม่ว่าสาวๆ จะเลือกแปรงเมคอัพหรือฟองน้ำ ก็ขึ้นอยู่กับจริตของการใช้งาน เพราะหลายคนอาจโหวตให้แปรงแต่งหน้าเพราะคุ้นมือมากกว่า แต่ขณะเดียวกันก็มีสาวๆ ไม่น้อยที่เทใจให้กับฟองน้ำเพราะใช้ง่ายมากกว่า แต่จะเลือกแบบไหนก็ตามอย่าลืมดูแลทำความสะอาดบ่อยๆ ด้วยนะคะ

สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!

การแต่งตัวของผู้หญิง หากไม่แต่งให้สวยก็คงไม่มีใครอยากก้าวเท้าออกจากบ้านเป็นแน่ และเพราะผู้หญิงเรามีสไตล์ในการแต่งตัวแตกต่างกันไป ตามแต่ลุคที่แต่ละคนอยากจะเป็น แต่วันนี้เราหยิบเอาสไตล์การแต่งตัวของสาวหวาน มาฝาก สาวคนไหนอยากได้ไอเดียในการแต่งตัวสไตล์หวานๆ สดใส น่ารัก ชุดที่เรานำมาฝากเหล่านี้บอกเลยน่ารักสดใส โดนใจจนต้องอยากแต่งตามแน่นอนค่ะ
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
เดรสสีขาวเนื้อผ้าชีฟองโปร่งเบาสบาย มาในรูปแบบจีบพลีทโดยรอบทั้งชุด เหมาะสำหรับสาวรูปร่างสูงโปร่งอย่างมากทีเดียว ยิ่งใส่จะยิ่งเผยให้เห็นถึงเรียวขาสวยๆ หากใส่รองเท้าส้นสูงด้วยแล้วล่ะก็จะยิ่งทำให้บุคลิกยิ่งสง่าผ่าเผยมากขึ้น ไม่น้อยทีเดียว
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
วันสบายๆ ที่มีธุระนอกบ้าน การใส่ชุดเดรสสีขาวแบบนี้ก็สวยน่ารักไม่น้อยเช่นกัน กับเดรสเนื้อผ้าบางเบา แขนสามส่วน มีจั๊มพ์บริเวณใต้อกเพื่อเผยให้เห็นถึงสัดส่วนช่วงรอบเอว ชุดนี้เหมาะสำหรับสาวๆ ที่อยากมีรูปร่างแบบส่วนเว้าส่วนโค้ง การเลือกชุดที่มีจั๊มพ์ใต้อกจะช่วยได้ดีมากทีเดียว แถมยังทำให้สาวๆ ที่หน้าอกเล็กและดูมีหน้าอกมากขึ้นได้ด้วย เหมาะสำหรับสาวผอมหุ่นเพรียวอย่างมากเลยล่ะ
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
การแต่งตัวของสาวหวาน เราสามารถแต่งแนวเท่ๆ ได้ด้วยเช่นกัน ลุคนี้เรียกว่าสาวหวานเท่เลยก็ว่าได้ เพียงสวมเสื้อเชิ้ตสีชมพูพาสเทลกับกางเกงยีนส์ขาสั้น พับแขนเสื้อขึ้น สวมหมวกปีกกว้างและรองเท้าผ้าใบสีขาว องค์ประกอบทุกอย่างแมทช์กันดีทีเดียว นอกจากนี้ สาวคนไหนที่อยากแต่งสไตล์หวานๆ แค่มีเสื้อสีชมพูมาสวมกับกางเกงยีนส์ บอกเลยว่าเกิดแล้วค่ะ
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
อีกหนึ่งลุคสาวหวานสวยสดใสน่ารัก ไม่เพียงแค่เสื้อสีชมพูเท่านั้นที่จะช่วยสร้างลุคความเป็นสาวหวานให้คุณได้ แต่การสวมกระโปรงสีชมพูก็จะช่วยได้ดีเช่นกัน เพียงสาวๆ เลือกใส่กระโปรงสีชมพูหวานๆ แมทช์กันกับเสื้อสีขาว โทนนี้บอกเลยค่ะว่าหวานฟรุ้งฟริ้งน่าทะนุถนอมสุดๆ
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
ลุคสาวคุณหนูผู้น่ารักเรียบร้อยกับการใส่เสื้อแขนยาวที่มีลูกเล่นแบบคอ ปาด โดยเผยให้เห็นถึงหัวไหล่นวลเนียนสองข้าง สวมกับกระโปรงลายดอกไม้น่ารัก แค่นี้ก็หวานน่ารัก ..ละลายตามแล้ว
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
ชุดเดรสลายดอกโทนสีคลาสสิกสวยเรียบหรู มีลูกเล่นสุดแสนเซ็กซี่ตรงดีไซน์ของชุดที่ออกแบบมาให้เปิดหัวไหล่สองข้าง ลักษณะของชุดสายเดี่ยว และทิ้งช่วงแขนลงมาเล็กน้อย แอบเซ็กซี่ในวันสบายๆ เบาๆ ลุคนี้หนุ่มๆ เห็นมองตามเหลียวหลังแน่นอนค่ะ
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
ชุดเดรสที่ทำให้ลุคของสาวหวานใสดูโตขึ้นมาอีกนิด เหมาะที่จะสวมใส่ไปได้ทุกที่ ไม่ว่าจะพบญาติผู้ใหญ่หรือไปเที่ยวในวันหยุด ด้วยเพราะตัวแขนเสื้อที่ยาวสามส่วนจึงทำให้คุณแลดูเป็นผู้ใหญ่ที่โตขึ้น ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย หากก็ยังคงความน่ารักสดใสสไตล์สาวหวานดังเดิม
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
เดรสสวยเลอค่า มีระดับด้วยการดีไซน์ของชุดแปลกแตกต่าง ทว่าให้ความทันสมัย ใส่แล้วบ่งบอกถึงสไตล์การแต่งตัวที่ไม่ซ้ำแบบใครได้จริงๆ สำหรับชุดนี้ โดยเฉพาะด้านบนของตัวเสื้อเป็นคล้องคอ แต่เปิดหัวไหล่ให้ตกลงมา แขนเสื้อสามส่วน ตัวชุดสีขาวล้วน ที่โดดเด่นไม่แพ้ใครเลยก็คือ กระโปรงของชุดที่มีลูกไม้อ่อนช้อนงดงามแต่งแต้ม สาวหวานคนไหนอยากได้ลุคสวย สง่า... อย่างมีระดับไม่ซ้ำใคร มีชุดเดรสสไตล์นี้ไว้ครอบครอง บอกเลยไม่มีผิดหวัง!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
สวยใสสะกดตาไปกับลุคการแต่งตัวของสาวหวานโดยเฉพาะ!
ถ้าพูดถึงสไตล์การแต่งตัวในแบบฉบับสาวหวาน ใช่เพียงการมิกซ์กับสีชมพูขาวเท่านั้นนะคะ แต่ในส่วนของเสื้อผ้าสีฟ้าก็สามารถหยิบมาแมทช์ให้สวยลงตัวได้ดีเช่นกัน อย่างเช่นลุคนี้ที่หยิบเอาเสื้อสีฟ้าเนื้อผ้าชีฟองเบาๆ มาสวมแมทช์กับกระโปรงสีขาว สวมไปเที่ยวก็ได้ เดทก็เริดหรือใส่ไปทำงานก็เหมาะสุดๆ แต่สำหรับสาวออฟฟิศ ยังไงก็อย่าลืมเลือกกระโปรงสีขาวที่ระดับความยาวถึงหัวเข่าด้วยนะคะจะได้ดู เรียบร้อยไม่หวือหวาเกินไป
การแต่งตัวให้สวย เราไม่จำเป็นจะต้องแต่งตามเทรนด์แฟชั่นเสมอ ไป เพราะเพียงมีชุดเดรสสวยๆ เช่น สีขาว สีฟ้าหรือชมพูที่สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับชุดอื่นๆ ให้สวยได้ แค่นี้ก็ได้ลุคสาวหวานใสน่ารักแบบไม่ซ้ำใครแล้วค่ะ

ทำชีวิตให้(ผิว)ดี๊ดี ด้วยทริค 4 วิธีดีท็อกซ์ร่างกาย แบบทำง่ายๆ สวยได้ทุกวัน !

            ฮัลโหลล…สาวๆจ๋ารู้มั้ยว่าการดีท็อกซ์ (Detox) มันคืออะไร แล้วมันทำให้ผิวของสาวๆดีขึ้นยังไงนะ ?
          มาทำความเข้าใจแบบง่ายๆกัน ดีท็อกซ์ คือการทำความสะอาด ทั้งร่างกาย ผิวพรรณ และจิตใจ เพราะทุกวันนี้เราต้องเจอมลพิษมากมาย ไม่ว่าจะเป็นแสงแดดหรือฝุ่นควัน แต่หลายคนก็ปล่อยเซอร์ ไม่ยอมดูแลผิว หรือการที่เรารับประทานสิ่งต่างๆเข้าไป เช่น ปิ้งย่าง ผงชูรส รวมทั้งภาวะทางจิตใจ ที่เราต้องรู้สึกเครียด นอยด์ สิ้นหวัง หมดกำลังใจวันละหลายๆรอบ

          เพราะงั้นการดีท็อกซ์เป็นทางเลือกที่ช่วยคุณได้ แต่เราจะทำด้วยวิธีง่ายๆ เพราะคนยุคนี้ต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบตล๊อดตลอด แต่ขอบอกว่าผลลัพธ์นั้นจะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

          มามะ..เรามาเริ่มดีท็อกซ์ ให้ผิวเราสวยกันดีกว่า เริ่มที่..
1. ดีท็อกซ์ลำไส้ : ทำง่ายๆแค่ดื่มในตอนเช้า
          สาวๆเคยเจออาการแบบนี้มั้ย..ท้องผูก ถ่ายยาก เรอบ่อย สิวขึ้น มีกลิ่นปาก ฯลฯ อาการพวกนี้เกิดจากการเราทานอาหารมันๆ ย่อยยาก ทำให้ระบบขับถ่ายไม่ดี และสิ่งตกค้างพวกนั้นก็สะสมอยู่ในลำไส้ของเรานั่นเอง วิธีนี้ง่ายๆแค่ดื่มน้ำมะนาวหลังตื่นนอน ในตอนเช้า ถ้าทำต่อเนื่องกันอย่างน้อย 1 อาทิตย์ จะเริ่มค่อยๆเห็นผล ส่วนผสมก็มี น้ำมะนาวครึ่งลูก กับ น้ำเปล่า 2-4 แก้วเท่านั้นเอง
วิธีทำ
1. ผ่ามะนาวตามแนวนอนครึ่งลูก
2. บีบน้ำมะนาวใส่น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน แล้วดื่มทันที
2. ดีท็อกซ์จิตใจ : มีความสุขง่ายๆ แค่นั่งสมาธิ
          ทุกวันที่ต้องตื่นเช้าไปทำงาน ก็ว่ายากแล้ว แต่ต้องควบคุมอารมณ์เวลาเจอคน เหวี่ยง วีนไปอีก ทำให้เราเกิดอาการนอยด์ หรือกลายเป็นคนอารมณ์ร้อนได้ง่ายๆ แต่การนั่งสมาธิสามารถช่วยทำให้จิตใจสงบ และควบคุมสติได้
เพราะการนั่งสมาธิจะช่วยในเรื่องการหายใจให้ถูกวิธี จะมีการหลั่งสารในร่างกายออกมา สารที่หลั่งมาจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่น ระบบการหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น แนะนำให้สาวๆทำก่อนนอน หรือว่าตอนเช้าๆในวันหยุด เริ่มจาก 5 นาทีก่อน (สำหรับคนที่ไม่เคยทำ) และเพิ่มไปเรื่อย 10 - 20 นาที ต่อวัน ทำเรื่อยๆ พอสุขจิตเราดี ก็ส่งผลให้สุขภาพภายนอกสดใสขึ้น
3. ดีท็อกซ์สุขภาพดี : ด้วยการออกกำลังกายแบบง่ายๆ
          สุดท้ายด้วยการออกกำลังกาย ควรออกไม่ต่ำกว่า 30 นาที ให้เหงื่อออก เพราะเหงื่อจะช่วยขับสารพิษที่สะสมอยู่ในผิวหนัง ลดการเกิดผดผื่น สิว ระบบหมุนเวียนของโลหิตดีขึ้น และยังช่วยในเรื่องระบบการย่อย ระบบหายใจ ระบบประสาทให้ทำงานได้ดีขึ้นด้วย เมื่อร่างกายได้ขยับ ลำไส้ก็ได้ขยับด้วย ทำให้สิ่งที่ติดค้างสามารถหลุดออกมาได้เอง แต่วิธีง่ายๆ สำหรับคนไม่มีเวลาไปวิ่ง เล่นกีฬา หรือไปฟิตเนส สามารถเดินขึ้น-ลงบันได แทนนการใช้ลิฟท์ในที่ทำงาน ก็เหมือนเป็นการคาร์ดิโอแบบเบาๆได้เหมือนกัน หรือดูการออกกำลังกายง่ายๆ และการดูแลหลังผิวให้สะอาดหลังออกกำลังกายจาก beauty blogger ได้ที่ >> แปะลิงค์ ออกกำลังกายของ Booky

          เห็นมั้ย..ว่าการดีท็อกซ์แต่ละวิธีทำได้ง๊ายง่าย แถมทำได้ทุกวัน ถ้าทำเป็นประจำ รับรองผิวเปล่งออร่าแน่นอน แต่ก็อย่าลืมรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยล่ะ แล้วสาวๆอย่าลืมทำกันน้า

4. ดีท็อกซ์ผิวพรรณ : ผิวสวยง่ายๆ แค่มีตัวช่วยดี เคล็ดลับจาก Beauty Blogger
          ความสตรองของสาวๆสมัยนี้ บอกเลยว่าเบอร์ใหญ่สุด! เพราะในแต่ละวันเราต้องเจอทั้ง ฝุ่น ควัน แบคทีเรีย มลพิษเต็มไปหมด เจอหนักขนาดไหนก็ไม่หวั่น แต่รู้มั้ย..ว่าผิวของเรามันกำลังไม่โอเค เราจึงต้องดูแลผิว ด้วยการสครับผิวบ้าง เพื่อเป็นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่หมองคล้ำ ทำให้เซลล์ผิวใหม่ที่ขึ้นมาแทนที่ และช่วยให้ผิวนุ่ม ทำอาทิตย์ 1-2 ครั้งก็พอ 
          แต่ในเมื่อเราต้องแบคทีเรียทุกวันขนาดนี้ เราก็ต้องทำความสะอาดผิวทุกวันสิเนอะ ให้รอคงไม่ไหว อย่าง Beauty Blogger ยุคนี้แนะนำครีมอาบน้ำ BeNice Anti-Bacteria เพราะมีส่วนผสมของเกลือหิมาลายันสีชมพู ที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุถึง 84 ชนิด ถ้าไม่มีเวลาสครับ ก็ใช้ครีมอาบน้ำตัวนี้แทนนี่แหละ ช่วยชะล้างสิ่งสกปรก ทำให้ผิวใสเด้ง เสมือนได้สครับผิวทุกวัน เชื่อว่าสาวๆต้องชอบแน่นอน ดูวิธีการทำง่ายๆจากในคลิปได้เลย

อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!

ความเหงาเป็นเรื่องที่ อยู่ใกล้ตัวเราอย่างมาก ใครที่มีอาการเหงาบ่อยๆ จงรู้ไว้เลยนะคะว่า อันตรายจากความเหงานั้นรายล้อมอยู่รอบตัวเราอย่างที่คุณไม่รู้ตัว ว่าแต่จะมีอันตรายใดบ้าง มาดูกันดีกว่าค่ะ
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
ยิ่งเหงา ยิ่งกระตุ้นฮอร์โมนความเครียด
ข้อมูลจากงานวิจัยของ John Cacioppo นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยชิคาโก สหรัฐอเมริกาได้ระบุให้เราได้ทราบว่า ความเหงาสามารถเปลี่ยนแปลงยีนและสารเคมีที่อยู่ภายในสมองให้หลั่งฮอร์โมน ความเครียดออกมาได้ง่ายยิ่งขึ้น ทั้งยังลดระดับความสามารถของสมองเกี่ยวกับกระบวนการในด้านรับรูู้ได้อีกด้วย ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ ระบบภูมิคุ้มกันก็จะทำงานอ่อนแอลง และยังเพิ่มความเสี่ยงทำให้เราเกิดโรคหลอดเลือดขึ้นได้อีกด้วย
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสง่าย
การประชุม Society for Personality and Social Psychology ได้แสดงให้เห็นถึงผลของการศึกษาสำหรับผู้ที่มีความรู้สึกเหงา อ้างว้างและมักมีภาวะโดดเดี่ยวอยู่เป็นประจำ ผู้คนเหล่านี้มักมีแนวโน้มที่ร่างกายจะไวต่อการติดเชื้อไวรัสได้เร็วมากกว่า คนที่ไม่เหงา เนื่องจากความเหงามีส่วนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันต่ำลง จึงเสี่ยงกับการเกิดโรคเรื้อรัง ความเครียดและอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
เสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์
ความรู้สึกเหงาของคนเราสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อสารสื่อประสาทภายใน สมองให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นได้ โดยจะลดการทำงานของสมองสำหรับด้านการรับรู้ให้ลดลงประมาณ 20% และเร็วกว่าปกติอยู่ที่ประมาณ 12 ปี และนี่ก็คือผลที่เผยขึ้นจากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความเหงาที่มีความ สัมพันธ์กันกับโรคอัลไซเมอร์ จากวาระการประชุมของ Alzheimer's Association International ณ วอชิงตัน ดี.ซี.นั่นเอง
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
เสียสุขภาพจิต เสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเองได้
คนที่ปล่อยตัวเองให้เหงาบ่อยๆ ย่อมเกิดความเคยชิน เหมือนเสพติดพฤติกรรมการอยู่อย่างโดดเดี่ยวอ้างว้างจนเคยชินโดยไม่รู้ตัว ทำให้วิถีชีวิตชอบอยู่อย่างแปลกแยกแตกต่างจากคนอื่น เหล่านี้จะส่งผลเสียต่อสุขภาพจิต ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าและอาจคิดสั้นทำร้ายตัวเองได้มากทีเดียว ไม่เพียงเท่านั้น ยังเสี่ยงที่จะติดยาเสพติดหรือติดการดื่มสุราอย่างหนักอีกด้วย
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
อันตรายจากความเหงา ภัยเงียบที่คนขี้เหงาต้องระวัง!
จะเห็นได้ว่าความเหงานั้นพ่วงอันตรายต่อสุขภาพมาด้วยไม่น้อยทีเดียว ใครที่รู้สึกเหงาบ่อยๆ พยายามปรับตัวใหม่จะดีกว่านะคะ ลองทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชื่นชอบ เพื่อช่วยรีแล็กซ์และช่วยทำให้คุณหายเหงา หากมีเรื่องไม่สบายใจก็ควรปรึกษาเพื่อนๆ คนในครอบครัวหรือคนที่คุณไว้วางใจ อย่าเอาปัญหามาแบกรับไว้คนเดียวบ่อยๆ
การพยายามหลีกเลี่ยงที่จะอยู่คน เดียวอย่างน้อยๆ ต้องช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง ไม่เช่นนั้น อันตรายที่เกิดจากความเหงาก็คงต้องรุมเล่นงานเราต่อไปอย่างยาวนาน จนกลายเป็นภาวะทางจิตแบบเรื้อรังและยากต่อการรักษาให้หายได้แน่นอน

7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!

เห็ดรอบตัวเรามีมากมาย และแต่ละชนิดก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพด้วยกันทั้งนั้น ซึ่งวันนี้เราก็หยิบเอาประโยชน์ของเห็ดมาฝากกัน นั่นก็คือประโยชน์จากเห็ดเข็มทองนั่นเองค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าเห็ดเข็มทองเส้นเล็กๆ เนื้อเหนียวนุ่มนั้นมีดีต่อสุขภาพอย่างไร
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
ขอบคุณภาพประกอบ http://prints.kew.org/
1.ต้านการเกิดมะเร็ง
มีการศึกษาจากมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์ได้ค้นพบว่า การกินเห็ดเข็มทองอยู่เป็นประจำจะช่วยทำลายเซลล์โรคมะเร็งภายในร่างกายได้ สูงกว่า 95% และยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากเห็ดเข็มทองมีสารเฟลมมูลิน (flammulin) ซึ่งเป็นสารที่จะช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้นั่นเอง
2.ช่วยลดน้ำหนัก
เห็ดเข็มทองมีปริมาณไฟเบอร์สูง แต่ให้แคลอรีต่ำ ทานแล้วจะทำให้อิ่มท้องเร็วขึ้นและอิ่มนาน ทั้งยังช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือดไม่ให้มีการผกผันจนทำให้เรามีอาการหิวได้ บ่อยๆ และเนื่องจากเห็ดเข็มทองช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ จึงทำให้ลดการสะสมของไขมันที่เกิดขึ้นจากการแปรสภาพของน้ำตาลลงได้อีกด้วย
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
3.เสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
ในเห็ดเข็มทองยังเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความจำเป็นกับร่าง กาย โดยจะช่วยปกป้องร่างกายจากอนุมูลอิสระ และยังช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงได้ด้วย
4.แก้ปัญหาท้องผูก
เมื่อการทำงานของลำไส้มีความผิดปกติ แน่นอนว่าย่อมมีผลทำให้เราเกิดอาการท้องผูกตามมาได้ และการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงก็คือ วิธีที่จะช่วยให้การทำงานของลำไส้เป็นปกติได้นั่นเอง ซึ่งเห็ดเข็มทองนี่แหละเป็นสุดยอดแหล่งของไฟเบอร์สูง กินเป็นประจำ รับรองจะช่วยบอกลาปัญหาท้องผูกและช่วยแก้ปัญหาลำไส้ทำงานผิดปกติได้อย่างแน่ นอน
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
5.ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
เชื่อมั้ยคะว่ากากใยอาหารจากเห็ดเข็มทองนั้นมีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอร อลในเลือดให้ลดลงได้ ช่วยทั้งป้องกันการเกิดภาวะไขมันในเลือดสูง อันเป็นสาเหตุของการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจนั่นเอง
6.เสริมสร้างการทำงานของสมอง
เห็ดเข็มทองมีกรดอะมิโนสูง โดยมีส่วนช่วยเสริมสร้างการทำงานของสมองที่มีความเกี่ยวข้องกับในส่วนของ ความจำ ทำให้เกิดการเรียนรู้แก่สมองได้ดีทั้งในเด็กวัยเจริญเติบโตและวัยผู้ใหญ่ เพราะฉะนั้น บอกเลยค่ะว่าหากหมั่นกินเห็ดเข็มทองเป็นประจำ มันจะช่วยบำรุงสมองและลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างแน่นอน ค่ะ
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
7 ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง ขุมทองที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด!!
ขอบคุณภาพประกอบ https://www.pinterest.com/
7.ช่วยสลายไขมันที่อยู่ภายในระบบทางเดินอาหาร
สาเหตุที่ทำให้สาวๆ ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่มีไขมันสะสมอยู่ในระบบทางเดินอาหารนั่นเอง แต่การกินเห็ดเข็มทองช่วยกำจัดไขมันออกไปได้ เนื่องจากเห็ดชนิดดังกล่าวมีกรดไลโนเลอิก (Linoleic Acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยสลายตัวของไขมันที่อยู่ภายในระบบทางเดินอาหาร ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารไปใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เมื่อระบบอาหารทำงานได้อย่างเป็นปกติแล้ว ไขมันที่สะสมอยู่ก็จะได้รับการเผาผลาญออกไปได้มากขึ้นด้วย
ประโยชน์ของเห็ดเข็มทอง 7 ข้อดังที่เราหยิบมาแนะนำนี้ ล้วนช่วยให้คุณหันมาให้ความสำคัญกับอาหารชนิดนี้กันมากขึ้นไม่น้อยแน่นอน ใครเลยจะคาดคิดใช่มั้ยละคะว่าเห็ดเข็มทองเล็กๆ เป็นเส้นๆ แบบนี้จะมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย รู้กันแบบนี้แล้ว เห็นทีพลาดกันไม่ได้เด็ดขาด

4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!

การลดน้ำหนักให้ ประสบความสำเร็จโดยเร็ว นอกจากการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายแล้ว ต้องยอมรับเลยว่าหลายครั้ง ความรู้สึกหิวในระหว่างวัน โดยเฉพาะการอยากกินแบบจุบจิบมักเล่นงานทำให้เราขาดสติในการกินได้มากทีเดียว
แม้ว่าเผลอหยิบขนมมากินเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้การลดน้ำหนักที่ผ่านมาพังลงได้แล้ว ถ้าเช่นนั้น วันนี้คงถึงเวลากันแล้วนะคะที่สาวๆ จะต้องงัดเอาวิธีแก้หิวบ่อยในระหว่างวันมาใช้ ว่าแต่จะมีวิธีใดบ้าง มาดูกันตามนี้เลยดีกว่า
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
1.ดื่มกาแฟ
โดยปกติ การดื่มกาแฟยามเช้าเป็นสิ่งที่สาวๆ ทุกคนนิยมทำกันอยู่แล้ว เพราะกาแฟมีคาเฟอีนที่จะช่วยกระตุ้นความสดชื่นตื่นตัวให้เรานั่นเอง แต่สำหรับสาวๆ ที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก เพื่อให้คุณสามารถควบคุมความหิวในระหว่างวันได้เป็นอย่างดี แนะนำให้ดื่มกาแฟดำยามเช้าทุกวัน เพราะมันจะช่วยเผาผลาญแคลอรีได้มากถึง 12% ทำให้ร่างกายมีพลังงานเพียงพอและช่วยควบคุมความหิวลงได้ ยังไงก็ระวังอย่าเติมครีมและน้ำตาลลงไปเด็ดขาด เพราะส่วนผสมที่ให้ความหวานดังกล่าวจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลผกผันและทำให้สาวๆ อ้วนขึ้น แถมยังทำให้เกิดอาการหิวบ่อยขึ้นได้ด้วย
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
2.ดื่มน้ำให้มากๆ
การดื่มน้ำสะอาดให้มากๆ นอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขภาพร่าง กายภายในและดีต่อผิวพรรณแล้ว สาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักให้ประสบความสำเร็จโดยเร็วยิ่งขึ้น แนะนำให้คุณหันมาดื่มน้ำมากๆ ค่ะ เพื่อช่วยควบคุมความหิวอาหารในระหว่างวันด้วย เมื่อไรที่ท้องว่างรีบหยิบน้ำมาดื่มเป็นระยะๆ ได้เลย เพราะเมื่อกระเพาะอาหารของเราเต็มไปด้วยน้ำ ความรู้สึกหิวอาหารจะลดลง ทำให้กินอาหารมื้อหลักแล้วอิ่มเร็วขึ้น ทั้งยังอิ่มท้องนานและช่วยลดอาการหิวจุบจิบซึ่งจะทำให้เราเผลอกินแบบขาดสติ ได้อีกด้วยนะคะ
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
3.กินอาหารเช้าให้อิ่มเพียงพอ
ในช่วงที่คุณต้องควบคุมอาหารและเพื่อให้น้ำหนักลดลงโดยเร็ว เรื่องการกินอาหารนั้นสำคัญอย่างมาก แต่คุณไม่จำเป็นต้องไปเคร่งครัดกับการกินมากจนเกินไปก็ได้ โดยเฉพาะมื้ออาหารเช้าซึ่งถือเป็นมื้อที่คุณสามารถกินได้ราวกับพระราชา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าให้กินทุกอย่างที่ขวางหน้าแบบไม่เลือกเลย แนะนำให้สาวๆ ยังคงกินอาหารที่มีประโยชน์ ให้สารอาหารครบ 5 หมู่อย่างเพียงพอเป็นหลัก เน้นปริมาณของไฟเบอร์จากผักผลไม้ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำหรือไร้หนัง โดยกินอาหารเหล่านี้ให้อิ่มในมื้อเช้า ห้ามงดมื้อเช้าเด็ดขาด เพราะการอดอาหารหรือกินอาหารไม่อิ่มเพียงพอ จะทำให้ในระหว่างวันคุณมีอาการหิวกระหายอย่างหนักได้นั่นเอง
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
4 เคล็ดลับควบคุมความหิวในระหว่างวันอย่างได้ผล!!
4.เลือกกินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ
นับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสุดฉลาด สำหรับสาวๆ ที่ต้องการควบคุมความหิวในระหว่างวันแบบไม่ให้พลาด แนะนำให้คุณกินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมากๆ เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายได้รับน้ำอย่างเพียงพอแล้ว ยังทำให้รู้สึกอิ่มง่าย ลดอาการหิวจุบจิบในระหว่างวันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นผักผลไม้หรืออาการจำพวกซุป แกงต่างๆ ก็ตาม นอกจากผอมหุ่นดีแล้ว ยังได้สุขภาพดีอีกด้วย
ไม่อยากให้หุ่นสวยๆ กลับไปอ้วนอีกครั้ง อย่าลืมเอาคำแนะนำจากเราไปใช้ในระหว่างวันด้วยนะคะ แล้วคุณสาวๆ จะสามารถลดน้ำหนักได้สำเร็จง่ายขึ้น แถมไม่ทุกข์ทรมานกับการกับหิวบ่อยๆ อีกต่อไป

6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร

ส้มเป็นผลไม้อุดมด้วยวิตามินซี ไฟเบอร์และยังมีแร่ธาตุต่างๆ อีกหลายชนิดที่ดีต่อสุขภาพและ ผิวสวย แต่ในขณะเดียวกัน หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้ว่าประโยชน์ของเปลือกส้มก็มีดีไม่แพ้กัน ทั้งส้มและเปลือกจะมีดีอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของความงาม วันนี้เราหยิบ 6 สูตรผิวสวยใสจากส้มมาฝากกันแล้วดังนี้ค่ะ
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
1.ช่วยกระชับรูขุมขน
สาวที่ มีปัญหารูขุมขนกว้าง ผิวย่อมเสี่ยงต่อการเกิดสิว ทำให้ผิวมันและยังทำให้ใบหน้าหมดสวยได้ง่ายอย่างมาก แนะนำให้นำน้ำส้มสดมามาส์กหน้าจนทั่ว ปล่อยทิ้งไว้ 15 นาทีจึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำผิวจะสดใส แถมรูขุมขนยังหดตัวลงได้อีกด้วย
2.ทำเป็นโทนเนอร์เช็ดหน้า
ให้นำเปลือกส้มมาต้มในน้ำจนเดือนแล้วปล่อยทิ้งไว้ 1 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วก็นำมากรองเอาแต่น้ำค่ะ แล้วนำไปแช่ตู้เย็น หลังจากล้างหน้าเสร็จก็หยิบโทนเนอร์ส้มที่เราทำไว้มาเช็ดแทนโทนเนอร์ทั่วไป ได้เลย มันจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างหมดจด ทำให้ผิวกระชับและยังช่วยให้ผิวหน้ากระจ่างใสเปล่งปลั่งอีกด้วย แต่จะต้องใช้เป็นประจำเท่านั้นนะ รับรองเห็นผลแน่นอน
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
3.บำรุงผมให้นุ่มสลวยเงางาม
นอกจากการนำน้ำส้มมาใช้มาส์กหน้าแล้ว เรายังสามารถนำมาใช้บำรุงเส้นผมให้นุ่มสลวยเงางามได้แบบธรรมชาติอีกด้วยนะคะ สาวๆ เพียงนำน้ำส้มสดมาผสมกับน้ำเปล่าและน้ำผึ้งคนให้เข้ากันค่ะ จากนั้นทาลงบนหนังศีรษะและเส้นผมจนทั่ว นวดด้วยปลายนิ้วเบาๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้สักพักจากนั้นจึงล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเย็น ทำเป็นประจำ สาวคนไหนที่มีผมไม่สวยเงางาม สูตรนี้รับรองได้ผลชัวร์
4.เป็นสครับขัดผิวชั้นเยี่ยม
ปกติแล้ว การจะมีผิวพรรณขาวกระจ่างใสได้นั้น เราจะต้องหมั่นสครับผิวอยู่เป็นประจำ และถ้าเมื่อไรที่คุณสาวๆ กินส้ม บอกเลยห้ามทิ้งเปลือกเด็ดขาด เพราะส้มสามารถนำมาเป็นสครับขัดผิวได้นั่นเอง เพียงนำเปลือกส้มมาสับละเอียดจากนั้นผสมกับน้ำตาลทราย น้ำผึ้งและข้าวโอ๊ตคนส่วนผสมให้เข้ากันค่ะ แล้วนำมาสครับผิวหน้าเบาๆ จากนั้นล้างออกให้สะอาด ผิวหน้าของคุณจะสดใสเปล่งปลั่งดั่งใจทีเดียว
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
5.ทำให้ผิวขาวใสขึ้น
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่าส้มไม่ได้มีดีแค่เนื้อในของผลเท่านั้น หากแต่ในเปลือกส้มก็ยังมีประโยชน์ดีๆ อยู่ด้วยเช่นกัน เพราะเปลือกจะช่วยให้ผิวขาวในแบบธรรมชาติได้ สำหรับสาวๆ คนไหนที่มีปัญหาจุดด่างดำ สีผิวไม่เรียบเนียนสม่ำเสมอหรือมีรอยสิวอยู่ แนะนำให้ใช้เปลือกส้มสดมาขัดบนผิวหน้า ปล่อยไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออกให้สะอาดด้วยน้ำเย็นจัดเพื่อทำการปิดรูขุมขน ทำสูตรนี้เป็นประจำรับ รองคุณจะเห็นผลลัพธ์ในการมีผิวหน้าขาวใสขึ้นอย่างแน่นอนค่ะ
6.รักษาสิวและลดรอยสิว
เพราะส้มเป็นผลไม้ที่มีกรดซิตริก (Citric Acid) หากสาวๆ นำน้ำส้มสดมาทาลงบนใบหน้าก็จะช่วยลดเลือนความมันลงได้เป็นอย่างดี และยังช่วยรักษาสิว ทำให้สิวแห้งยุบตัวลงเร็ว อีกทั้งยังช่วยลดเลือนรอยสิวได้ด้วย
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
6 สูตรสวยด้วยส้ม ปรนนิบัติความงามอย่างครบวงจร
เห็นแล้วใช่มั้ยคะว่าประโยชน์จาก ส้มและเปลือกส้มนั้นมีดีต่อการบำรุงผิวสวยอย่างครบวงจรมากแค่ไหน จากนี้สาวๆ ซื้อส้มมากินแล้ว ห้ามทิ้งเปลือกกันเลยเด็ดขาด หยิบมาเป็นไอเท็มเสริมความงามบ้าง แล้วคุณจะสวยในราคาประหยัดแน่นอน

เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!

ขาหนีบคือส่วนที่อยู่ใกล้กับจุดซ่อนเร้นของเรา หากขาหนีบมีเชื้อราซึ่งเป็นอาการของโรคทางผิวหนัง นับว่าเสี่ยงอย่างมากทีเดียวหากสาวๆ ปล่อยปละละเลยจนก่อให้เกิดเชื้อราขึ้นที่ขาหนีบ เพราะมันเสี่ยงที่เชื้อราจะเจริญเติบโตและลุกลามเล็ดลอดเข้าสู่ภายในช่อง คลอดจนเกิดปัญหาเชื้อราในช่องคลอด รวมถึงทำให้ช่องคลอดอักเสบได้ด้วย เพราะฉะนั้น เรามารับมือรักษาและป้องกันปัญหาเชื้อราในขาหนีบกันเถอะ ก่อนที่จุดซ่อนเร้นของสาวๆ จะมีปัญหาตามมา
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
สาเหตุของการเกิดเชื้อราที่ขาหนีบ
การเกิดเชื้อราขึ้นที่ขาหนีบนั้น มีสาเหตุการเกิดมาจากการติดเชื้อราในกลุ่ม Dermatophyte  ซึ่งเชื้อราชนิดนี้จะทำให้ชั้นผิวหนังกำพร้ากลายเป็นโรคที่มีลักษณะผื่นแดง อักเสบ และยังอาจเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ เช่น การใช้ผ้าขนหนูหรือเสื้อผ้าร่วมกับผู้ที่เป็นเชื้อรา หรืออาจจะใส่กางเกงที่มีเนื้อผ้าหนาๆ ซ้ำๆ ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน จนทำให้ขาหนีบเกิดความสกปรก อับชื้นบวกกับมีเหงื่อไหลออกมาปะปนกับเชื้อราเหล่านั้นก็จะยิ่งทำให้เชื้อรา เกิดการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณมากขึ้น ส่งผลให้ผิวหนังในส่วนขาหนีบเกิดการอักเสบ เป็นผดผื่นแดง และมีอาการคันตามมาในที่สุด
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
วิธีรักษาเชื้อราที่ขึ้นในบริเวณขาหนีบ
เมื่อรู้ตัวว่ามีเชื้อราเกิดขึ้นที่ขาหนีบ สาวๆ ไม่ควรนิ่งนอนใจปล่อยไว้อย่างเด็ดขาด เพราะเชื้อราอาจลุกลามไปยังส่วนสำคัญอย่างจุดซ่อนเร้นซึ่งอาจจะก่อให้เกิด เชื้อราในช่องคลอดตามมาด้วยก็เป็นได้ ฉะนั้น แนะนำให้คุณซื้อยากับเภสัชกรมาทา ซึ่งยาที่ใช้รักษาเชื้อราที่มักขึ้นขาหนีบนั้น ส่วนมากมักเป็นยาประเภท Ketoconazole หรือ Clotrimazole โดยให้คุณนำมาทาบริเวณที่เป็นผดผื่นแดงทุกเช้าเย็นหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว หากทำเป็นประจำทุกวัน ประมาณ 2-3 สัปดาห์ อาการเชื้อราที่ขาหนีบก็จะค่อยๆ หายไป
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
แต่หากใครทายาแล้วไม่อาการไม่ดีขึ้น แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนังเพื่อตรวจรักษาอย่างถูกต้องต่อไปจะดีที่สุด เพราะแพทย์อาจจ่ายยารับประทานและยาทาตัวใหม่ที่ให้ประสิทธิภาพในการรักษาดี กว่ามาให้นั่นเอง ที่สำคัญควรรักษาอาการดังกล่าวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด และเมื่ออาการเริ่มทุเลาแล้ว แนะนำให้ยังคงรับประทานยาและทายาต่อไปอีกสักระยะค่ะ เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อราหวนกลับมาเป็นซ้ำอีกได้นั่นเอง
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
เชื้อราที่ขาหนีบ ภัยเงียบใกล้ตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม!
วิธีป้องกันการเกิดเชื้อราที่ขาหนีบ
แม้ว่าจะรักษาเชื้อราให้หายไปจากขาหนีบได้แล้ว แต่หากยังคงปล่อยให้ขาหนีบสกปรก มีความอับชื้นหรือนุ่งกางเกงซ้ำๆ ก็ย่อมทำให้เชื้อราหวนกลับมาเป็นอีกได้แน่นอน ดังนั้น สาวๆ จึงรับมือป้องกันการเกิดเชื้อราไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก โดยควรหมั่นรักษาความสะอาดของบริเวณขาหนีบหรือจุดซ่อนเร้นอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้เกิดความอับชื้นเด็ดขาด อีกทั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วก็ควรซับผิวบริเวณจุดซ่อนเร้นรวมถึงขาหนีบให้ สะอาด้วยผ้าผืนแห้ง และควรนุ่งเสื้อผ้าที่ให้การระบายอากาศได้ดี เนื้อผ้าควรโปร่งเบาสบาย ไม่รัดแน่นมาก และควรหลีกเลี่ยงการสวมกางเกงตัวเดียวซ้ำกันเป็นเวลานานหลายวัน นอกจากนี้แล้ว ควรงดใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น เสื้อผ้า กางเกง ชุดชั้นใน และผ้าขนหนู เป็นต้น
ทราบกันแบบนี้แล้ว จากนี้ก็อย่าปล่อยให้เกิดเชื้อราขึ้นที่ขาหนีบอีกต่อไปเลยนะคะ เพราะขาหนีบมันอยู่ติดกับจุดซ่อนเร้นชนิดเส้นด้ายกั้นก็ว่าได้ หากไม่ดูแลใส่ใจรักษาความสะอาดให้ดีๆ รับรองจุดซ่อนเร้นของสาวๆ ย่อมมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอนค่ะ

ทาแป้งพัฟอย่างไรให้สวยเนียนกริบ ไม่เป็นคราบ

ขั้นตอนการแต่งหน้า ภายหลังจากที่ลงรองพื้นเพื่อปรับสภาพผิวให้เรียบเนียนแล้ว ขั้นตอนหลังจากนั้นก็คือ การลงแป้งฝุ่นแบบโปร่งแสงเพื่อช่วยซับความมันบนผิวหน้าและช่วยให้รองพื้น เซ็ตตัวได้ดี และตามด้วยการทาแป้งพัฟเพื่อช่วยให้ผิวหน้าดูนวลเนียน กระจ่างใสได้ตลอดทั้งวัน
และนี่ล่ะคือ ขั้นตอนที่มักจะเป็นปัญหาบ่อยๆ เพราะเมื่อทาแป้งพัฟทีไรก็มักจะเป็นคราบทุกที เพราะฉะนั้นในบทความนี้ เราจะพาคุณไปทาแป้งพัฟอย่างสวยเป๊ะ ด้วยเทคนิคง่ายๆ กัน
ทาแป้งพัฟอย่างไรให้สวยเนียนกริบ ไม่เป็นคราบ
ทาแป้งพัฟอย่างไรให้สวยเนียนกริบ ไม่เป็นคราบ
เลือกแป้งพัฟให้เหมาะกับการใช้งาน
แป้งพัฟมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทหลักๆ คือ แป้งฝุ่นอัดแข็งหรือที่เรียกว่า Pressed Powder ซึ่งเป็นแป้งพัฟที่ไม่ได้ผสมรองพื้นที่มีเนื้ออัดแน่นจนแข็งบรรจุอยู่ในตลับ และอีกประเภทหนึ่งคือ แป้งพัฟผสมรองพื้น ที่ให้ความเนียนและปกปิดได้ดีกว่าแป้งพัฟชนิดแรก โดยแป้งพัฟแบบไม่ผสมรองพื้น สามารถใช้ทาลงบนผิวภายหลังจากลงรองพื้นเสร็จแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่แป้งพัฟชนิดนี้จะไม่มีสี จึงสามารถใช้ได้กับสีผิวทุกประเภท ส่วนแป้งพัฟผสมรองพื้น เหมาะสำหรับผิวที่ต้องการการปกปิดมากเป็นพิเศษและใช้เพื่อเติมความสวยใสให้ กับใบหน้าในระหว่างวันได้ดี ดังนั้นจึงควรเลือกใช้แป้งพัฟให้เหมาะกับการใช้งานที่สุด
ทาแป้งพัฟอย่างไรให้สวยเนียนกริบ ไม่เป็นคราบ
ทาแป้งพัฟอย่างไรให้สวยเนียนกริบ ไม่เป็นคราบ
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://m.shop.nordstrom.com/
การใช้แปรงสำหรับทาแป้งพัฟ
ถึงแม้ว่าการทาแป้งพัฟนั้น จะนิยมใช้พัฟฟองน้ำที่ติดมากับตลับแป้งมากกว่า แต่การใช้แปรงในการทาแป้งพัฟนั้น สามารถทำให้แป้งกระจายตัวได้ดีและดูเรียบเนียนกว่าเป็นเท่าตัวเลยทีเดียว ดังนั้นลองฉีกกฏเปลี่ยนมาใช้แปรงในการทาแป้งพัฟแทนดูสิ แล้วคุณจะพบว่ามันเริ่ดจริงๆ
ทาแป้งพัฟอย่างไรให้สวยเนียนกริบ ไม่เป็นคราบ
ทาแป้งพัฟอย่างไรให้สวยเนียนกริบ ไม่เป็นคราบ
เลือกใช้แปรงที่ทำจากขนสัตว์
วิธีการทาแป้งพัฟด้วยแปรง ควรเลือกแปรงที่ทำจากขนสัตว์เพื่อช่วยลดการระคายเคืองของผิวและช่วยให้แป้ง กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้แปรงปัดลงบนแป้งพัฟแล้วเคาะออกเบาๆ เพื่อให้แป้งฝุ่นส่วนเกินหลุดออกก่อน แป้งจะได้ไม่ติดหนาเป็นกระจุกและกระจายตัวได้อย่างสม่ำเสมอ จากนั้นเริ่มปัดแป้งลงบริเวณส่วนกลางของใบหน้าไปยังขอบหน้า จากนั้นปัดซ้ำที่บริเวณขอบรูจมูก,ร่องแก้ม และเปลือกตา แค่นี้ก็จะทำให้ใบหน้าดูสวยเพอร์เฟ็กต์ขึ้นแล้ว
ไม่ยากเลยใช่มั้ยคะ กับการทาแป้ง พัฟให้ดูสวยเป๊ะ ไม่เป็นคราบ แค่ทำตามวิธีเหล่านี้ ปัญหาเรื่องการทาแป้งพัฟก็จะหมดไป แถมยังทำให้ใบหน้าดูสวยใส เปล่งประกายได้ตลอดทั้งวัน ทั้งยังช่วยเซ็ตเครื่องสำอางให้ติดทนนานอีกด้วย มีเคล็ดลับดีๆ แบบนี้ สาวๆ ก็อย่าลืมนำไปลองใช้กันดูนะคะ