วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วิธีไปงานปาร์ตี้แบบไม่อ้วน ดริงก์แบบนี้สิ หุ่นสวยไม่พังง่ายชัวร์ !


วิธีไปงานปาร์ตี้แบบไม่อ้วน ดริงก์แบบนี้สิ หุ่นสวยไม่พังง่ายชัวร์ !

วิธีไปงานปาร์ตี้แบบไม่อ้วน ดริงก์แบบนี้สิ หุ่นสวยไม่พังง่ายชัวร์ !

เมื่อไรที่ต้องไปงานปาร์ตี้สังสรรค์ แน่นอนว่าทุกงานจะต้องมีการดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งเป็นตัวการทำลายหุ่นสวยให้พัง ลงโดยง่ายทั้งสิ้น นอกจากแอลกอฮอล์แล้ว บรรดากับแกล้มก็มีอีกตั้งหลายอย่างที่เป็นอาหารแคลอรีสูง หลายคนเข้างานปาร์ตี้ทีไรหุ่นพังกลับมาทุกที แต่หากไม่อยากให้การไปดริงก์ของคุณทำแผนการลดน้ำหนักพัง และไม่อยากให้การไปงานหมดสนุก เรามีวิธีไปดริงก์อย่างฉลาดๆ มาฝากดังนี้แล้วค่ะ
กินให้อิ่มก่อนออกไปดริงก์
อย่าปล่อยให้ท้องว่างก่อนออกจากบ้านไป ดื่มเด็ดขาด เพราะช่วงที่ท้องว่างนั้นจะทำให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลและแอลกอฮอล์ได้อย่าง รวดเร็วง่ายดาย นอกจากทำให้เมาเร็วขึ้นแล้ว น้ำตาลยังเป็นที่มาของการเกิดไขมันสะสมอย่างไม่รู้ตัวอีกด้วย ดังนั้น แนะนำให้กินอาหารให้อิ่มก่อนออกจากบ้านไปดื่มสังสรรค์จะดีกว่า โดยควรเน้นกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงเป็นหลักและอยู่ท้องนาน แบบนี้รับรองค่ะว่ากินอาหารที่งานปาร์ตี้ไม่ได้เยอะแน่ๆ
ดื่มน้ำเปล่าร่วมด้วย
มีงานปาร์ตี้ที่ไหนก็มักจะต้องมีการดื่มแอลกอฮอล์ที่นั่น แนะนำให้สาวๆ ดื่มน้ำเปล่าควบคู่ไปด้วยในขณะที่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะน้ำเปล่าจะช่วยให้ระดับแอลกอฮอล์และน้ำตาลในเลือดเกิดความเจือจางลงได้ และยังช่วยลดปริาณของการดื่มแอลกอฮอล์ให้น้อยลงได้ด้วย โดยการดื่มน้ำเปล่าประมาณ 1 แก้ว สลับกันกับการดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยให้เราดื่มได้ช้าลงมากขึ้น และยังช่วยให้ไม่รู้สึกเมาง่ายด้วยค่ะ
ดื่มแค่พอดี
หากสาวๆ คนไหนที่กำลังอยู่ในช่วงลดน้ำหนัก การไปปาร์ตี้แบบไม่ให้อ้วนก็สามารถทำได้เช่นกันนะคะ โดยเฉพาะการดริงก์อย่างฉลาด เพียงแค่ไม่ดื่มมากหรือไม่เผลอเอาแต่หยิบกับแกล้มเข้าปากมากจนเกินไป และจากที่สั่งดื่มบ่อยหลายๆ แก้ว แค่เปลี่ยนมาสั่งแก้วเดียวแล้วค่อยๆ จิบแบบเพลินๆ ไปเรื่อยๆ แบบนี้ก็ทำให้การมาปาร์ตี้ของคุณสนุกไปอีกแบบได้เช่นเดียวกัน ที่สำคัญไม่ทำลายแผนลดน้ำหนักของคุณให้ต้องพังลงอีกด้วยนะเออ
ดื่มแชมเปญแทนเครื่องดื่มอื่นๆ
เพราะแชมเปญถือเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีปริมาณแคลอรีน้อย เมื่อเทียบกับเครื่องดื่มชนิดอื่นๆ โดยแชมเปญ 1 แก้ว มีปริมาณแคลอรีเพียงแค่ 89 กิโลแคลอรีเท่านั้น ขณะที่เบียร์ 1 ไพน์ จะมีปริมาณแคลอรีมากถึง 182 กิโลแคลอรี นอกจากนี้ แชมเปญยังเป็นเครื่องดื่มที่มีฟองซึ่งจะช่วยชะลอการดื่มของเราไปในตัวให้ น้อยลงได้ อย่างไรก็ดี ไม่ควรเผลอดื่มมากเกินไปนะคะ เพราะหากดื่มไปมากล่ะก็ย่อมเมาได้เช่นกัน และยังทำให้ท้องอืดได้อีกด้วย เอามาจิบไปเพลินๆ จะดีกว่าค่ะ
แค่สาวๆ ลองทำตามนี้ บอกเลยค่ะว่าการไปดริงก์ในงานปาร์ตี้ของคุณจะยังคงสนุกสนานต่อไป และยังคงช่วยให้แผนการลดน้ำหนักของคุณยังคงดำเนินไปได้ตามปกติอีกด้วย

ความแตกต่างของฝ้า-กระ และสาเหตุในการเกิดที่สาวๆ ต้องรู้ !


ความแตกต่างของฝ้า-กระ และสาเหตุในการเกิดที่สาวๆ ต้องรู้ !

ความแตกต่างของฝ้า-กระ และสาเหตุในการเกิดที่สาวๆ ต้องรู้ !

เมื่อไรที่สาวๆ ส่องกระจกแล้วพบกับปัญหาผิวบนใบหน้า นอกจากสิวแล้ว ฝ้าและกระก็ถือเป็นปัญหาหนึ่งที่กวนใจผิวสวยไม่น้อย สาวๆ คนไหนที่อยากรู้ว่าฝ้าและกระแตกต่างกันอย่างไร แบบไหนเรียกว่าฝ้า แบบไหนเรียกว่ากระ และมีสาเหตุของการเกิดฝ้าและกระอย่างไรบ้าง เรามีคำตอบมาฝากแล้วค่ะ
ความแตกต่างระหว่าง "ฝ้า" กับ "กระ"
กระจะมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ มีสีน้ำตาลอ่อนหรืออาจจะเข้มกว่าสีผิวปกติ โดยจะขึ้นกระจายอยู่ทั่วไปตามผิวหน้า กระที่ขึ้นแค่ชั้นบนของผิวหรือชั้นหนังกำพร้าก็คือ กระธรรมดา เช่น กระเด็กหรือกระแดด ส่วนกระชนิดที่ไม่ปกติธรรมดาก็คือ กระเนื้อที่มีลักษณะเป็นสีเข้มๆ มีเนื้อนูนขึ้นมาจากผิวหนังมาก พบได้เมื่อมีอายุที่มากขึ้น จะว่าไปแล้วกระชนิดนี้อันที่จริงไม่ใช่กระหรอกค่ะ หากแต่เป็นเซลล์ผิวหนังที่เกิดการแบ่งตัวออกไปผิดรูปอีกแบบหนึ่ง โดยอาจก่อให้เกิดอันตรายตามมาได้ ถ้าหากมีขนาดที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ร่วมกับมีเลือดออกซ้ำๆ บ่อยๆ แนะนำว่าหากพบกระในลักษณะดังกล่าวให้รีบพบแพทย์ผิวหนังด่วน
ส่วนฝ้าจะมีลักษณะที่เป็นรอยปื้นๆ ใหญ่ๆ มีสีน้ำตาลเข้มกว่าสีผิวปกติของเรา โดยทั่วไปแล้วสามารถแบ่งฝ้าออกได้เป็น 2 ชนิดคือ ชนิดตื้นและชนิดลึก สำหรับความแตกต่างของฝ้าทั้ง 2 ชนิดนี้ก็คือ ระดับความลึกของเม็ดสีชนิดลึก เพราะเม็ดสีที่มีความผิดปกติจะอยู่ที่ชั้นหนังแท้ ส่วนฝ้าชนิดตื้นนั้นจะมีอยู่แค่ตรงชั้นหนังกำพร้าเท่านั้น และความเข้มของเม็ดสีก็ยังมีน้อยกว่าฝ้าชนิดลึกอย่างมากอีกด้วย
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดกระและฝ้า
การเกิดกระหรือฝ้าขึ้นบนใบหน้า นับว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของผิว แต่ในบางคนอาจจะขึ้นมากหรือน้อยนั้นก็แตกต่างกันไป โดยสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดตกกระหรือฝ้าขึ้น ก็มาจากเซลล์สร้างเม็ดสีที่อยู่ใต้ผิวหนังหรือที่เรียกว่า เมลานิน มีการผลิตเม็ดสีขึ้นอย่างไม่ปกติสม่ำเสมอ จนทำให้ผิวหนังบางร่วมกับมีลักษณะเป็นจุดเล็กๆ สีน้ำตาล ขึ้นกระจายตัวอยู่ทั่วไปบนใบหน้า และนอกจากผิวหน้าแล้ว พบว่ายังสามารถขึ้นได้ทั้งบริเวณเนินอก หรือผิวที่แขน ซึ่งรังสี UV นี่เองที่เป็นสาเหตุกระตุ้นให้เมลานินผลิตเม็ดสีผิวออกมาเพิ่มมากขึ้น สำหรับทางการแพทย์ก็ยังเชื่ออีกด้วยว่า การเกิดกระยังสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ด้วยเช่นกัน เช่น กระที่มักขึ้นบนผิวหน้าเด็กฝรั่ง เป็นต้น
สำหรับสาเหตุของการเกิดฝ้า ก็มาจากปัจจัยหลากหลายประการซึ่งนอกจากแสงแดดเป็นตัวการหลักแล้ว ความร้อนจากเตาไฟในขณะทำอาหารและการที่ฮอร์โมนเพศในร่างกายเกิดการเปลี่ยน แปลง ก็มีส่วนกระตุ้นทำให้การผลิตเม็ดสีผิวมีความผิดปกติขึ้นได้ สังเกตได้จากหญิงตั้งครรภ์หรือ คนที่กินยาคุมกำเนิดก็มักจะมีฝ้าขึ้นปริมาณมาก หรือในกรณีที่มีการแพ้สารเคมีบางชนิดจากเครื่องสำอางและครีมบำรุงผิว โดยเฉพาะเครื่องสำอางที่มักมีสารเคมีต้องห้ามปะปนในการผลิตบ่อยๆ เหล่านี้หากไม่ระมัดระวังเลือกใช้ให้ดีก็ล้วนถือเป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิด ฝ้าได้เช่นเดียวกัน
เพราะฉะนั้น หากไม่อยากให้ฝ้าและกระขึ้นหน้า ก็ควรพยายามหลีกเลี่ยงการเผชิญแสงแดดบ่อยๆ ควรทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวจากรังสียูวีทุกวัน โดยควรเลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงเพื่อการป้องกันแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และหากเป็นฝ้ากระก็ควรหาครีมบำรุงผิวที่มีส่วนช่วยลดเลือนฝ้ากระมาใช้ หรือพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรักษาให้หายโดยเร็วก็ได้เช่นกันค่ะ

สาเหตุอาการคันปากมดลูก เรื่องภายในที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม !


สาเหตุอาการคันปากมดลูก เรื่องภายในที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม !

สาเหตุอาการคันปากมดลูก เรื่องภายในที่สาวๆ ไม่ควรมองข้าม !

ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง สรีระในร่างกายก็มีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนยิ่งกว่าผู้ชายหลายเท่านั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมผู้หญิงเราจึงมีปัญหาสุขภาพตามมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอาการคันปากมดลูกหรือคันบริเวณปากช่องคลอด ที่สาวๆ เรามักเผชิญกันเป็นประจำ วันนี้อยากรู้มั้ยคะว่าสาเหตุของอาการดังกล่าวเกิดจากอะไรบ้าง มาดูกันดีกว่าจะได้รับมือป้องกันและรักษาอย่างถูกวิธี

1.ช่องคลอดมีเชื้อรา
อาการคันปากมดลูกที่เกิดขึ้นจากเชื้อราในช่องคลอดนั้น สาวๆ จะมีอาการคันในบริเวณแถวปากมดลูกหรือปากช่องคลอด โดยอาจพบว่ามีตกขาวสีขุ่นออกมามากผิดปกติร่วมด้วย สาเหตุนี้ก็มักเกิดขึ้นได้ง่ายจากความอับชื้น แต่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาหรือการสอดยาฆ่าเชื้อเข้าไปภายในช่อง คลอด

2.ช่องคลอดอักเสบ
อาการช่องคลอดอักเสบนั้นเป็นการอักเสบโดยเกิดขึ้นมาจากเชื้อรา ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากกินยาคุมกำเนิดหรือกินยาปฏิชีวนะติดต่อกันเป็น เวลานาน เกิดจากการตั้งครรภ์และ การสวนล้างช่องคลอด โดยปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลทำให้เชื้อรามีการเจริญเติบโตได้อย่างมากขึ้นจนทำ ให้ปากมดลูกมีการอักเสบ จนมีผื่นคันเกิดขึ้นและยังรู้สึกคันในบริเวณปากมดลูกมากเป็นพิเศษอีกด้วย พร้อมกันนี้ ยังมีตกขาวสีขุ่นๆ อีกทั้งในบางรายอาจจะมีอาการปวดแสบตอนเวลาปัสสาวะหรือเจ็บปวดในขณะที่มีเพศ สัมพันธ์ได้ด้วย

3.ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
เช่น ผู้ป่วยอาจจะเป็นโรคแคนดิดา ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า "ส่าเทียม" หากเป็นแล้วก็จะทำให้ปากมดลูกมีอาการคันอย่างรุนแรง หากติดเชื้อขึ้นที่อวัยวะเพศก็จะทำให้มีอาการตกขาวมากกว่าปกติ และยังทำให้อวัยวะเพศเกิดการอักเสบจนทำให้มีอาการคันตามมาอย่างมากทีเดียว แต่ก็สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาเหน็บเพื่อฆ่าเชื้อในบริเวณช่องคลอด
นอกจากเชื่อราชนิดดังกล่าวแล้ว เชื้อทริโคโมแนส ยังเป็นอีกโรคหนึ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการมีความสัมพันธ์ทางเพศ โดยลักษณะอาการจะมีตกขาวสีเขียวๆ พร้อมกับกลิ่นเหม็น และยังมีอาการคันอย่างรุนแรงมาก ในบางรายอาจจะรู้สึกเจ็บปวดที่อวัยวะเพศร่วมด้วย แต่สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาฆ่าเชื้อปรสิต และเมื่อหายแล้วก็ยังมีโอกาสหวนกลับมาเป็นใหม่ได้อีก ดังนั้น ฝ่ายคู่นอนก็ควรได้รับการรักษาด้วยเช่นเดียวกัน

4.โรคเบาหวาน
สำหรับสาวๆ ที่เป็นโรคเบาหวาน ก็อาจจะทำให้มีอาการคันที่ผิวหนังตามมาด้วยการติดเชื้อรา ยิ่งหากเกิดขึ้นในบริเวณช่องคลอดด้วยแล้วก็ย่อมส่งผลทำให้เกิดอาการคันใน บริเวณดังกล่าวได้อย่างแน่นอน

5.แพ้ผ้าอนามัย
สาวๆ ที่มีอาการแพ้ผ้าอนามัยพบว่าจะมีผดผื้นขึ้นมาตรงบริเวณอวัยวะเพศ โดยเกิดขึ้นร่วมกับอาการคันบริเวณปากมดลูก หากพบว่าแพ้ผ้าอนามัยชนิดใดก็ควรเปลี่ยนไปใช้ผ้าอนามัยยี่ห้ออื่นแทน และในระหว่างที่มีประจำเดือนก็ควรหมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัยบ่อยๆ เพื่อลดการสะสมของเชื้อโรคที่ปะปนมาพร้อมกับเลือดประจำเดือนจนเกิดความ หมักหมมมากยิ่งขึ้น
และนี่ก็คือ สาเหตุของอาการคันปากมดลูกหรือคันในช่องคลอดนั่นเอง นับเป็นเรื่องภายในของสาวๆ ที่ต้องรู้ไว้อย่างยิ่ง จะได้รับมือป้องกันก่อนที่จะสายเกินแก้ต่อไป

3 สิ่งที่ควรเติมในน้ำเปล่าดื่มเป็นประจำ ช่วยปรับระบบย่อยอาหาร ลดน้ำหนักได้เวิร์ก



3 สิ่งที่ควรเติมในน้ำเปล่าดื่มเป็นประจำ ช่วยปรับระบบย่อยอาหาร ลดน้ำหนักได้เวิร์ก

3 สิ่งที่ควรเติมในน้ำเปล่าดื่มเป็นประจำ ช่วยปรับระบบย่อยอาหาร ลดน้ำหนักได้เวิร์ก

ผักผลไม้รอบตัวต่างก็มีประโยชน์อยู่ในตัวเอง และจะดีสักแค่ไหน หากเราจะหยิบเอาผักผลไม้บางชนิดมาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มเพิ่มความสดชื่นให้ ร่างกาย ทั้งยังช่วยบำรุงสุขภาพ ปรับระบบย่อยอาหารให้ทำงานอย่างสมดุล ช่วยป้องกันท้องผูกและช่วยลดน้ำหนักอย่างได้ผลในตัว หากสาวๆ กำลังมองหาตัวช่วยดังกล่าว เราขอแนะนำให้ทำตามบทความนี้เลยค่ะ กับการเติม 3 สิ่งนี้ลงในน้ำเปล่าแล้วดื่มเป็นประจำ มีอะไรบ้างนั้น รีบมาดูกันเลย

1.น้ำมะนาว
การดื่มน้ำมะนาว นอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อด้านสุขภาพแล้ว สำหรับใครที่อยากลดน้ำหนัก ก็ยังสามารถใช้สูตรมะนาวลดน้ำหนักได้เป็นประจำอีกด้วย และนอกจากเราจะนิยมใช้มะนาวลดน้ำหนักแล้ว รู้มั้ยคะว่ามะนาวยังมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นการผลิตเอนไซม์ในระบบย่อยอาหาร และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่จะช่วยป้องกันเซลล์ไม่ให้ได้รับการทำลาย ทั้งยังป้องกันไม่ให้เซลล์แปรสภาพกลายไปเป็นเซลล์มะเร็งได้อีกด้วย
สำหรับวิธีการผสมน้ำมะนาวดื่มก็ไม่ยากเลยค่ะ แค่สาวๆ บีบน้ำมะนาวลงไปผสมในน้ำดื่ม 1/2 ลูก หรือจะสไลด์แผ่นบางๆ แล้วแช่ในน้ำดื่มไว้ดื่มแก้กระหายก็ช่วยได้ดีเช่นกัน แถมยังเป็นสูตรมะนาวลดน้ำหนักในตัวที่จะช่วยกำจัดไขมันและของเสียออกจากร่าง กายได้เป็นอย่างดี ในสาวๆ ที่อยากผอม หุ่นดีดื่มแล้วบอกเลยได้ผลแน่นอน อีกทั้งสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องระบบย่อยอาหารบ่อยๆ แถมยังพ่วงมาด้วยปัญหาท้องผูก ดื่มน้ำมะนาวอุ่นๆ ทุกเช้านี่ล่ะไม่มีผิดหวัง

2.แตงกวา
หากถามถึงผักที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก ไม่พูดถึงแตงกวาคงไม่ได้แน่นอน นอกจากแตงกวาจะมีน้ำปริมาณมากแล้ว ยังเป็นแหล่งของไฟเบอร์สูง เมื่อเราหั่นแตงกวาใส่ลงไปแช่กับน้ำดื่มก็จะยิ่งช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ ทำงานดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ แตงกวายังมีคุณสมบติช่วยกำจัดสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ได้เป็นอย่างดีอีก ด้วย โดยจะทำให้ลำไส้สะอาด ทำให้การขับถ่ายสะดวก สาวๆ แค่หั่นแตงกวาบางๆ ใส่แช่ในน้ำดื่ม ดื่มเป็นประจำทุกวัน บอกเลยเห็นผลลัพธ์อย่างแน่นอน

3.น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล
น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล นับเป็นอีกหนึ่งส่วนผสมที่ได้รับความนิยมสำหรับการนำมาใช้เพื่อล้างสารพิษ ภายในร่างกาย วิธีการผสมก็ง่ายๆ เพียงใช้น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิล 2 ช้อนโต๊ะมาผสมกับน้ำอุ่นให้เข้ากัน แล้วดื่มเป็นประจำ เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ลำไส้สะอาดและสามารถดูดซึมสารอาหารได้อย่างมี ประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ด้วย ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ กรดที่อยู่ในน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิลยังมีส่วนช่วยปรับสมดุลของความเป็นกรด ด่างภายในลำไส้ได้อีกด้วย
แค่มีมะนาว แตงกวาและน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิลติดบ้านบ่อยๆ เพียงแค่นี้ สาวๆ ก็จะมีสูตรลดน้ำหนัก ช่วยปรับการทำงานของระบบย่อยอาหาร ป้องกันท้องผูกและช่วยปลุกความสดชื่นให้แก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากผักผลไม้เหล่านี้ในตัวอีกด้วย ดีแบบนี้แล้วจะพลาดได้ยังไงจริงมั้ยคะ?

วิธีรักษากระและฝ้า เพื่อผิวหน้าขาวใสอย่างใจ



วิธีรักษากระและฝ้า เพื่อผิวหน้าขาวใสอย่างใจ

วิธีรักษากระและฝ้า เพื่อผิวหน้าขาวใสอย่างใจ

กระและฝ้าที่ขึ้นบนใบหน้า มักทำให้ผิวหน้าของเราไม่ขาวกระจ่างใสอย่างที่ควรเป็น นอกจากปัญหาสิวที่กวนใจบ่อยๆ แล้ว สาวคนไหนมีกระและฝ้า อยากรักษาให้หายเร็วๆ เรามาดูวิธีรักษากระและฝ้าตามนี้เลยค่ะ
วิธีรักษากระ-ฝ้า โดยใช้สารเคมีและแสงเลเซอร์
แนวทางของการรักษากระและฝ้านั้น จะรักษาด้วยการใช้วิธีทำลายเซลล์ผลิตเม็ดสีเมลานินเพื่อให้เซลล์นั้นๆ หยุดการผลิตเม็ดสีออกมาเพิ่มขึ้น โดยจะใช้สารสังเคราะห์บางชนิดที่มีคุณสมบัติเป็นกรดช่วยกัดสีหรือช่วยฟอกสี ผิวในส่วนที่มีสีน้ำตาลให้อ่อนลงและขาวขึ้น หรือช่วยเร่งให้เซลล์ผลิตเม็ดสีหลุดลอกออกไปเร็วขึ้น พร้อมกันนี้ก็อาจจะใช้แสงเลเซอร์เข้าช่วยเพื่อให้การรักษากระและฝ้ายิ่งได้ ประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม วิธีรักษาฝ้าและกระด้วยวิธีดังที่กล่าวไปไม่มีวิธีไหนที่ถือว่าปลอดภัยที่ สุด เพราะล้วนทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิวขึ้นได้ เช่น อาจทำให้ผิวมีรอยช้ำ อักเสบ เป็นรอยด่างดำ ด่างขาว โดยอาจจะต้องรักษาเป็นเวลานานและต้องเสียค่าใช้จ่ายแพงมาก และที่สำคัญต่อให้รักษาฝ้าและกระจนหายดีเกลี้ยงเกลาแล้ว แต่หากผิวหน้าโดนแสงแดดจัดบ่อยๆ อีกก็ย่อมก่อให้เกิดฝ้าและกระขึ้นได้เหมือนเดิมอยู่ดี
วิธีป้องกันกระ-ฝ้า โดบไม่ต้องพึ่งสารเคมีและเลเซอร์
สำหรับสาวๆ คนไหนที่ผิวยังไม่มีกระและฝ้าเกิดขึ้น วิธีป้องกันผิวให้ห่างไกลจากปัญหาดังกล่าวที่ดีที่สุดก็คือ การหลีกเลี่ยงแสงแดดให้มากที่สุด โดยควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไปเป็นประจำทุกวัน และควรหมั่นหลบเลี่ยงแสงแดดพร้อมกันด้วย นอกจากนี้ หากจำเป็นจะต้องโดนแดดก็ควรสวมหมวกและกางร่มด้วย
วิธีรักษากระ-ฝ้าแบบธรรมชาติ สูตรหน้าใสที่สาวๆ ควรทำเป็นประจำ
สาวๆ คนไหนที่มีปัญหาฝ้า กระบนใบหน้าแล้ว ก็ยังสามารถใช้วิธีจากธรรมชาติในการรักษาปัญหาผิวหน้าดังกล่าวได้ค่ะ เพียงหมั่นขัดผิวหน้าเบาๆ ด้วยสมุนไพรมะขามเปียก น้ำมะนาวหรือมะกรูดเป็นประจำ โดยเฉพาะการใช้มะขามเปียกขัดผิว หรือใช้มะนาว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว เพราะสมุนไพรเหล่านี้มีกรด AHA จากธรรมชาติที่จะช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพแล้วให้หลุด ออก ช่วยให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใสและช่วยลดเลือนฝ้ากระได้อย่างเป็นธรรมชาติ เพียงหมั่นทำเป็นประจำทุกสัปดาห์ ร่วมกับการทาครีมกันแดดและการหลบเลี่ยงแสงแดด รับรองค่ะว่าสูตรหน้าใสนี้นอกจากจะช่วยรักษากระและฝ้าให้จางลงได้แล้ว ยังเป็นวิธีจากธรรมชาติง่ายๆ ทำแล้วได้ผลแบบไม่ต้องเสียเงินแพงอีกด้วย
รู้วิธีป้องกันและรักษาฝ้า กระแบบนี้แล้ว สาวๆ อย่าลืมทำตามกันนะคะ โดยเฉพาะสูตรหน้าใสที่ใช้มะขามเปียกขัดผิวหน้าเพื่อรักษาฝ้า กระอย่างง่ายๆ เป็นที่สูตรที่ฮิตกันสุดๆ สาวๆ คนไหนอยากหน้าใส บอกเลยไม่ทำตามไม่ได้แล้วล่ะ

สุดยอดอาหารต้านหวัด หากินง่าย บำรุงธาตุทั้ง 4 อย่างลงตัว


สุดยอดอาหารต้านหวัด หากินง่าย บำรุงธาตุทั้ง 4 อย่างลงตัว

สุดยอดอาหารต้านหวัด หากินง่าย บำรุงธาตุทั้ง 4 อย่างลงตัว

ฤดูหนาวมาพร้อมอากาศที่หนาวเย็น และยังทำให้หลายคนเกิดปัญหาเจ็บป่วยกันได้บ่อยๆ โดยเฉพาะไข้หวัด ใครที่มักป่วยเป็นหวัดบ่อยๆ ขอแนะนำอาหารป้องกันหวัดเหล่านี้เลยค่ะ สำหรับเมนูอาหารต้านหวัดเหล่านี้ส่วนประกอบของอาหารจะมีส่วนช่วยบำรุงธาตุ ทั้ง 4 ได้เป็นอย่างดี เมื่อธาตุในร่างกายแข็งแรง รับรองค่ะว่าโอกาสในการเป็นหวัดก็ย่อมมีน้อยลงตามแน่นอน
แกงส้มดอกแค
โดยปกติแล้ว แค่เครื่องแกงส้มที่ประกอบไปด้วยสมุนไพรไทยหลายชนิดก็ล้วนมีคุณสมบัติช่วย ต้านหวัดได้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว และด้วยรสชาติเผ็ดนำเปรี้ยวตามก็จะยิ่งช่วยบำรุงธาตุลมและธาตุน้ำได้เป็น อย่างดีทีเดียว ในส่วนของดอกแคที่เป็นพระเอกหลักก็ช่วยบำรุงธาตุไฟ สามธาตุนี้ถือเป็นธาตุเริ่มต้นสำหรับการเจ็บป่วย หากสามารถป้องกันไว้ได้ดีโอกาสที่ธาตุดินจะได้รับความกระทบก็ย่อมมีน้อยตาม มา ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ ดอกแคยังเป็นแหล่งของวิตามินซีสูง กินบ่อยๆ ช่วงหน้าหนาว รับรองจะช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงและช่วยต้านหวัดได้เป็น อย่างดีแน่นอนค่ะ
เมี่ยงคำ
เมี่ยงคำ เป็นอาหารที่มีคุณสมบัติช่วยในการบำรุงรักษาธาตุทั้ง 4 ได้อย่างครบถ้วน เมื่อกินไปแล้วจะทำให้ธาตุทั้งหมดเกิดการปรับสมดุลกัน สำหรับสมุนไพรดีๆ อย่างหัวหอม พริกและขิงจะช่วยในเรื่องของการบำรุงธาตุลม มะนาวและใบชะพลูจะช่วยบำรุงรักษาธาตุน้ำ เปลือกของมะนาวก็ยังช่วยบำรุงรักษาธาตุไฟ ในขณะที่ธาตุดินก็จะได้รับการบำรุงจากมะพร้าว ถั่วลิสง น้ำอ้อยและกุ้งแห้ง นอกจากเป็นอาหารที่อร่อยหลากหลายสีสัน ได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนแล้ว ยังช่วยบำรุงธาตุทั้ง 4 ได้อย่างสมดุลลงตัว แบบนี้ห้ามพลาดกันเลยเด็ดขาด
 
อาหารรสชาติเผ็ดร้อน
ช่วงหน้าหนาวหรือช่วงที่ฝนตก เราก็ต้องหมั่นสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกายเป็นประจำ โดยต้องหมั่นกระตุ้นระบบการไหลเวียนเลือดและเสริมความอบอุ่นให้กับร่างกาย ด้วยการกินอาหารเผ็ดๆ ร้อนๆ เพื่อช่วยบำรุงธาตุลมนั่นเอง และแม้ว่าเราจะป่วยเป็นหวัดไปแล้วก็ตาม แต่การกินอาหารรสชาติเผ็ดร้อนนั้นยังมีสรรพคุณช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น ซึ่งนอกจากพริกจะให้ความเผ็ดร้อนได้ดีแล้ว เรายังสามารถรับรสเผ็ดร้อนได้จากอาหารชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย เช่น พริกไทย กระเทียม ขิง ข่า หัวหอม ขมิ้น ตะไคร้ ใบกะเพราะ กระชายและอื่นๆ อีกมากมายทีเดียว
ไม่เพียงเท่านั้นนะคะ ทางด้านวิทยาศาสตร์ก็มีผลการวิจัยออกมารับรองหลายชิ้นด้วยว่า สารแคปไซซินที่ทำให้เกิดรสเผ็ดร้อนซึ่งได้จากพริกและพริกไทยนั้น ล้วนมีคุณสมบัติช่วยลดน้ำมูก หรือลดปริมาณของสารที่คอยขัดขวางระบบทางเดินหายใจ นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาอาการไอ ซึ่งนับว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของตัวยาหลากหลายชนิดอีกด้วย
อาหารรสเปรี้ยว
อาหารรสเปรี้ยว เป็นอาหารที่ช่วยบำรุงธาตุน้ำได้ดีโดยเฉพาะ เพื่อให้ธาตุน้ำภายในร่างกายเกิดการปรับตัวได้อย่างสมดุลกับธาตุน้ำภายนอก มากขึ้น สำหรับผักและผลไม้รสเปรี้ยวนั้นก็มีมากมายรอบตัวเรา สามารถหากินได้จากมะนาว มะกอก มะขาม มะม่วงเปรี้ยว มะเขือเทศ ส้ม และสับปะรด เป็นต้น
เพราะผักผลไม้รสเปรี้ยวนั้นจะให้วิตามินซีที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้ม กันให้ร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการน้ำมูกไหลได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงที่เจ็บป่วยหรือช่วงเปลี่ยนฤดูกาลก็ตาม แนะนำว่าให้หมั่นกินเป็นประจำจนติดเป็นนิสัย เพื่อให้วิตามินซีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ร่างกายแข็งแรง ห่างไกลจากโรคหวัดได้ดีมากขึ้นแล้วค่ะ

แว่นตาสไตล์วินเทจ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการแต่งตัว


แว่นตาสไตล์วินเทจ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการแต่งตัว

แว่นตาสไตล์วินเทจ เลือกอย่างไรให้เหมาะกับการแต่งตัว

PR News
สนับสนุนเนื้อหา
เติมเต็มลุคให้โดดเด่นไม่ซ้ำใครด้วยไอเท็มชิ้นเด่นของเหล่าแฟชั่นนิสต้า
แว่นตาสไตล์วินเทจทำมือสุดประณีตจากประเทศญี่ปุ่น "บอสตั้น คลับ"
พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกแว่นให้เหมาะกับสไตล์การแต่งตัว
       หากเอ่ยถึงเทรนด์การแต่งตัวที่ ครองใจเหล่าแฟชั่นนิสต้าอยู่เสมอ แน่นอนว่าคงจะคุ้นเคยกันดีกับสไตล์วินเทจ ซึ่งในยุคนี้หลายคนก็ยังคงสนุกกับการหยิบไอเท็มแนววินเทจมามิกซ์แอนด์แมทช์ กับการแต่งตัวอยู่บ่อยครั้ง โดยแอคเซสเซอรี่ชิ้นเด่นที่มักถูกเลือกให้มาเติมเต็มลุคอยู่เสมอนั่นก็คือ แว่นตา เพราะนอกจากจะใช้ประโยชน์เรื่องสายตาและการกันแดดแล้ว ยังสามารถนำมาคล้องเสื้อหรือคาดผมอัพลุคให้ดูแฟชั่นขึ้นได้อีกด้วย
โดยแบรนด์แว่นตาสไตล์วินเทจจากประเทศญี่ปุ่น ‘บอสตั้น คลับ’ (Boston Club) ก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การแต่งตัวของเหล่าแฟชั่นนิ สต้าได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยดีไซน์สุดคลาสสิคที่เน้นลูกเล่นของสีเลนส์ สามารถนำมามิกซ์แอนด์แมทช์กับการแต่งตัวได้หลากหลายสไตล์

          ‘บอสตั้น คลับ’ แว่นตาทำมือที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1984 ที่เมืองซาบาเอะ ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘New Japanese Tradition’ ผ่านแรงบันดาลใจหลักที่มาจากค่านิยมอันคลาสสิคของชาวอังกฤษในสมัยนั้นผนวก กับผลงานศิลปะร่วมสมัยของชาวญี่ปุ่นในยุค 80’s จึงเป็นที่มาของชื่อแว่นแต่ละรุ่นที่สื่อถึงกลิ่นอายความเป็นอังกฤษชนได้ อย่างดี ซึ่งมีจุดเด่นอยู่ที่ทรงแว่นอันเป็นเอกลักษณ์สไตล์โบราณ ควบคุมการผลิตโดยทีมช่างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากว่า 30 ปี
ประกอบกับการเลือกใช้วัสดุคุณภาพ อาทิ เลนส์แว่นอะคริลิคคุณภาพสูงผ่านนวัตกรรมการเคลือบกันรอยขีดข่วนที่ทันสมัย, กรอบแว่นผลิตจากวัสดุพิเศษอย่าง ‘อะซิเตท’ มีความยืดหยุ่นและทนทานเป็นอย่างดี, กรอบแว่นโลหะที่ทำจากนิกเกิ้ล, อัลลอย รวมถึงไทเทเนี่ยมที่ผ่านการเคลือบสีมีแรงยึดเกาะสูงไม่หลุดกร่อน และแป้นจมูกที่ถูกออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายเปลือกหอยรองรับกับการสวมใส่โดยไม่ ทำให้เจ็บ  

          หลายคนอาจคิดว่าแว่นตาทรงวินเทจจะต้องเหมาะกับคนที่แต่งตัวสไตล์วินเทจเท่า นั้น แต่ความจริงแล้วไอเท็มชิ้นนี้สามารถหยิบมาใช้ในชีวิตประจำวันได้ไม่ยาก ซึ่งผู้บริหารหนุ่ม คุณเจได-ไตรนุภาพ จิระไตรธาร ได้แนะนำเคล็ดลับการเลือกแว่นให้เหมาะกับสไตล์การแต่งตัวแต่ละแบบ
‘วินเทจก็คือความคลาสสิคเพราะ ฉะนั้นถ้าเวลาเราแต่งตัวแล้วมีไอเท็มสักชิ้นที่แฝงความคลาสสิคเอาไว้ มันจะช่วยทำให้เราดูเป็นคนที่มีเสน่ห์และมีความเก๋อยู่ในตัว อย่างเช่นถ้าคุณชอบแต่งตัวแนวสตรีท เรียบเท่ การเลือกแว่นวินเทจทรงกลมที่มีเลนส์สีจัดจ้าน เช่น สีส้ม, สีเหลือง, สีฟ้า หรือสีเขียว ก็จะช่วยปรับลุคสตรีทของคุณให้ดูซ่าขึ้น
หรือถ้าชอบแนวสปอร์ตลุยๆ อาจจะหยิบแว่นที่มีกรอบหนาดูแข็งแรงมาช่วยอัพลุคให้ทะมัดทะแมงกว่าเดิม ส่วนใครที่ชอบแนวคลาสสิคนิยมใส่เสื้อเชิ้ต กางเกงยีนส์ แว่นทรงกลมสีเทาใสหรือสีน้ำตาลจะช่วยทำให้คุณเป็นคนที่คลาสสิคอย่างสมบูรณ์ แบบ
หรือหากเป็นคนที่ชอบแต่งตัวเรียบๆ สบายๆ การมีแว่นตาแฟชั่นสักอันมันจะช่วยทำให้ลุคนั้นของคุณดูดีมากยิ่งขึ้น’
 
ติดตาม ‘บอสตั้น คลับ’ แว่นตาทำมือสไตล์วินเทจได้แล้วทาง IG: Cobaltbkk

เปิดตัวกระเป๋าหนัง ‘พญา’ (PHYA) พร้อมเคล็ดลับเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว



เปิดตัวกระเป๋าหนัง ‘พญา’ (PHYA) พร้อมเคล็ดลับเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว

เปิดตัวกระเป๋าหนัง ‘พญา’ (PHYA) พร้อมเคล็ดลับเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว

PR News
สนับสนุนเนื้อหา
เปิดตัวกระเป๋าหนังสุดหรูแบรนด์ ‘พญา’ (PHYA)
อวดโฉมงานศิลป์อันหรูหราบนพื้นฐานการดีไซน์จากหลักปรัชญาอันชาญฉลาด
ให้เหล่าสาวกคนรักเครื่องหนังร่วมอัพเดทเทรนด์พร้อมกันได้แล้ววันนี้

จากความหลงใหลในแฟชั่นและงานฝีมืออันสมบูรณ์แบบผนวกกับอุปนิสัยที่ชื่นชอบในการทดลองสร้างสรรค์สิ่งใหม่อยู่เสมอ จึงทำให้ ‘จิรยง อนุมานราชธน’ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์แห่งแบรนด์ ‘พญา’ (PHYA) ได้ถ่ายทอดไอเดียสดใหม่ด้วยผลงานการดีไซน์เปี่ยมคุณภาพผ่านการใช้เครื่อง หนังชั้นสูงผสานความหรูหราละเมียดละไมออกมาเป็นกระเป๋าหนังสุดโมเดิร์นที่ สามารถตอบโจทย์ความต้องการของหญิงสาวในยุคปัจจุบันได้อย่างแท้จริง พร้อมอวดโฉมให้สาวกคนรักเครื่องหนังและเหล่าแฟชั่นนิสต้าร่วมอัพเดทเทรนด์ พร้อมกันแล้ววันนี้

‘พญา’ (PHYA) แบรนด์กระเป๋าหนังดีไซน์คุณภาพ ด้วยการออกแบบบนพื้นฐานของคำว่า ‘Philosophy’ หลักปรัชญาอันชาญฉลาดที่สื่อถึงความเข้าใจอันถ่องแท้ของงานดีไซน์สุดโม เดิร์น ผ่านการรังสรรค์จากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญชาวไทยผนวกกับวัสดุชั้นเยี่ยมที่ คัดสรรจากอิตาลี ด้วยเทคนิคการผลิตอันแยบยลตอบสนองความต้องการของหญิงสาวที่ชื่นชอบในความโก้ หรูและการใช้งานที่สะดวก เสริมภาพลักษณ์ที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ฉลาดและเลือกสรรแต่สิ่งที่ดีที่สุด สมกับเป็นหญิงสาวผู้มีความสง่างามตามแบบฉบับของพญา
‘ดิฉันมีความตั้งใจอยากให้แบรนด์ที่สร้างสรรค์โดยคนไทยก้าวสู่เวทีแฟชั่น ระดับสากล คุณภาพของผลงานจะสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์และคุณภาพยังเป็นสิ่งที่คน ทั่วโลกให้การยอมรับสูงสุด ดังนั้นนอกจากดีไซน์ที่มาจากความชื่นชอบในแฟชั่นและงานฝีมือแล้ว ดิฉันยังให้ความสำคัญกับวัสดุคุณภาพสูงรวมถึงทีมช่างฝีมือผู้ผลิตที่มี ประสบการณ์ยาวนานเช่นกัน’ ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์กล่าวถึงจุดประสงค์ในการก่อตั้งแบรนด์

โดยงานออกแบบของ ‘พญา’ (PHYA) มีจุดเด่นอยู่ที่เค้าโครงอันเฉียบคมแฝงกลิ่นอายความเป็นสถาปัตยกรรมเอาไว้ ผนวกกับผืนหนังที่มีผิวสัมผัสเนียนนุ่มและลวดลายตามธรรมชาติที่ยังคงไว้ ประดุจงานศิลปะชิ้นมาสเตอร์พีช อาทิ หนังวัวฟอกฝาด (Vegetable tanned cowhide)คุณภาพเยี่ยมจากอิตาลี, หนังแกะลายควิลต์ (Nappa) และหนังเอ็กโซติกชั้นดีอย่างหนังจระเข้, หนังปลากระเบนและหนังงู รวมไปถึงงานประดับชิ้นส่วนฮาร์ดแวร์อันหรูหราที่ถือเป็นจุดเด่นและสร้าง ประสบการณ์ในการใช้งานที่ไม่เหมือนใคร อาทิ หูหิ้วที่ออกแบบให้ได้องศาที่ถือจับได้กระชับมือ, ขาตั้งโลหะช่วยในการวางตั้งกระเป๋าได้ในทุกพื้นผิวและปกป้องรอยขีดข่วนต่างๆ บนผิวของหนัง รวมถึงสายสะพายโซ่ที่ถักทอเป็นเกลียวสวยงามดูโก้หรูจากอิตาลี และโทนสีของกระเป๋าที่ช่วยขับเน้นบุคลิกสง่างามดุจผู้นำที่ทางแบรนด์เลือก ใช้ อาทิ สีแดงเบอร์กันดี, สีดำชาร์โคล, สีน้ำเงินเข้มรอยัลบลู และสีเบจ
โดยดีไซน์ของกระเป๋าได้แบ่งตามความต้องการในการใช้งานเป็น 6 ซีรีย์ด้วยกัน ซึ่งตั้งชื่อตามขนบการประพันธ์ได้แก่ Prose (ร้อยแก้ว) ด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ของ ‘พญา’ (PHYA) กับเค้าโครงคลาสสิคและวัสดุชั้นยอด, Poetry (บทกวี) กระเป๋าสะพายและกระเป๋าถือขนาดกลางเพื่อการใช้งานอย่างมีสไตล์, Verse (กลอน) ดีไซน์พิเศษจากรูปทรงเหลี่ยมสุดคลาสสิคถ่ายทอดเป็นกระเป๋าสะพายสุดเก๋, Novella (นวนิยายสั้น) คลัตช์ขนาดกระชับมือเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของหญิงสาวในปาร์ตี้สุดหรู, Monologue (บทละครพูด) กระเป๋าทรงโท้ท (Tote) หลากดีไซน์จากการรังสรรค์งานสถาปัตยกรรมเข้ากับแฟชั่นอย่างลงตัว และ Fictions (เรื่องแต่ง) กระเป๋าขนาด
พกพาด้วยวัสดุที่มีผิวสัมผัสสุดหรูจากวัสดุคุณภาพพรีเมี่ยม และสำหรับชื่อรุ่นของกระเป๋าแต่ละใบได้รับแรงบันดาลใจจากหญิงสาวผู้มีสไตล์ โดดเด่นเฉพาะตัวและประสบความสำเร็จในชีวิตจริงจากทั่วโลก
ซึ่งคอลเลกชั่นเปิดตัวนี้ (Debut Collection) ‘พญา’ (PHYA) ได้นำเสนอลุคโก้หรูให้เหล่าหญิงสาวได้ยลโฉมด้วยกันทั้งหมด 4 รุ่นด้วยกัน
 
อวดโฉมลุคหรูหราด้วยรุ่นซิกเนเจอร์ของแบรนด์กับ ‘ควีน’ (Queen) กระเป๋าถือหนังจระเข้สีดำทรงสี่เหลี่ยมคางหมูจากซีรีย์ Prose พิเศษด้วยดีไซน์การคล้องเกลียวโซ่สีทองทรง รวงผึ้งอันหรูหรา และเทคนิคการดัดชิ้นส่วนจากช่างฝีมือผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้หูจับโค้งได้รูป และขาตั้งโลหะที่ฐานกระเป๋าที่มีองศาพอเหมาะและจับกระชับมือ สะท้อนความโก้หรูอันลุ่มลึกเฉกเช่นหญิงสาวผู้   สง่างามดุจราชินี


กระเป๋าถือหนังจระเข้ทรงบ็อกซี่ในรุ่น ‘โอลิเวีย’ (Olivia) จากซีรีย์ Poetry ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นการใช้งานคล่องตัวในรูปแบบของกระเป๋าตั้งหูจับพร้อมขา ตั้งโลหะที่มีน้ำหนักเบา เพิ่มความเรียบโก้ให้กับทุกสไตล์การแต่งตัวทั้ง ในลุคกลางวันและกลางคืน โดดเด่นด้วยตัวล็อกรูปรวงผึ้งหกเหลี่ยมและวัสดุหนังในโทนสีเรียบโก้ที่ไม่มี วันตกยุคอย่างหนังสีเบอร์กันดี, สีรอยัลบูลและสีคลาสสิคแบล็ค


ถ่ายทอดความงดงามด้วยรุ่น ‘ไดอาน่า’ (Diana) จากซีรีย์ Poetry ลงบนกระเป๋าถือขนาดกลางที่มอบความหรูหราสำหรับหญิงสาวที่ต้องการความเรียบ โก้และดูเป็นมืออาชีพ ในดีไซน์สไตล์เฟมินีนด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยมอย่างหนังจระเข้ที่ให้สี ลวดลาย และความเงางามอันลุ่มลึกพร้อมสายสะพายสุดคลาสสิคช่วยเพิ่มความน่าค้นหาให้ กับหญิงสาวในลุคสุดสมบูรณ์แบบ


 ปิดท้ายที่รุ่น ‘นาตาลี’ (Natalie) จากซีรีย์ Novella กับตัวแทนของหญิงสาวผู้มีความมั่นใจและสง่างาม ถ่ายทอดรสนิยมอันยอดเยี่ยมผ่านกระเป๋ารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ประดับสายสะพายโซ่ประกายสีทองและทรงคุณค่างานศิลป์ชั้นสูงด้วยดีไซน์ เอกลักษณ์จากหนังแกะเวอร์จิเนียและหนังแกะลายควิลต์จากอิตาลี ด้านในบุหนังกลับผิวหนังแกะสีแดงตัดกับหนังด้านนอกของกระเป๋าโทนสีดำ และด้วย
ขนาดปานกลางที่ออกแบบมาอย่างเข้าใจผู้หญิงยุคใหม่จึงมีพื้นที่จุของจำเป็นได้ครบครันโดยยังไม่ทิ้งซึ่งความหรูหรา


นอกจากนี้ ‘จิรยง อนุมานราชธน’ ยังแนะนำเคล็ดลับการเลือกกระเป๋าให้เหมาะกับการแต่งตัว ‘การเลือกกระเป๋าให้เข้ากับเสื้อผ้าแต่ละลุคถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่จะ ช่วยทำให้การแต่งตัวสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ซึ่งการเลือกกระเป๋าที่จะช่วยทำให้ลุคดูทันสมัย
สิ่งแรกคือการแมทช์สีของกระเป๋าให้เข้ากับการแต่งตัวในแต่ละวัน โดยอาจจะเลือกแมทช์สีกระเป๋ากับสีรองเท้าหรือเครื่องประดับอื่นๆ รวมถึงการเลือกดีไซน์ที่มีความกราฟฟิค เหลี่ยมมุมชัดเจนและขนาดกะทัดรัด เพราะจะช่วยอัพลุคให้ดูแฟชั่นขึ้นได้ไม่ยาก เช่น กระเป๋าถือทรงบ็อกซี่ก็จะเหมาะกับการแต่งตัวเท่ๆ สไตล์มาสคิวลีน
หรือถ้าเป็นลุคทำงานที่ต้องใส่เบลเซอร์กับกางเกงผ้าที่เข้าชุดกันก็อาจจะ เลือกกระเป๋าที่มีดีไซน์กราฟฟิครูปทรงแปลกตา อย่างทรงสี่เหลี่ยมคางหมูมาช่วยทำให้ลุคดูดีขึ้น แต่ถ้าเป็นวันพักผ่อนสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงผ้าทรงคูลอตต์ กระเป๋าสะพายโซ่ใบเล็กทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็เป็นอีกหนึ่งไอเท็มเด่นที่ สามารถหยิบมาใช้ได้ตลอด’


ร่วมสัมผัสประสบการณ์ทางแฟชั่นอันหรูหราบนพื้นฐานงานออกแบบของ หลักปรัชญาอันชาญฉลาดจากแบรนด์กระเป๋าหนังสุดโมเดิร์น‘พญา’ (PHYA) พร้อมกันได้แล้ววันนี้ที่ชั้น 3 ศูนย์การค้าเกษร, Facebook: PHYA และ IG: Phyaphilo