วันพฤหัสบดีที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2560

5 อาหารลดความอ้วน กินลดไขมันได้เยี่ยม !


5 อาหารลดความอ้วน กินลดไขมันได้เยี่ยม !

5 อาหารลดความอ้วน กินลดไขมันได้เยี่ยม !

การทานอาหารที่เต็มไปด้วยไขมัน น้ำตาลและแป้งมากจนเกินไป ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกิน จนมีไขมันสะสมอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนนำไปสู่โรคอ้วน ส่งผลเสียต่อสุขภาพและรูปร่างเป็นอย่างมาก มีหลายคนที่พยายามลดน้ำหนักแต่ ก็ไม่สำเร็จสักที วันนี้เรามีวิธีลดน้ำหนักอย่างง่าย ๆ แถมยังช่วยดักจับไขมันได้ด้วยการทานอาหารมาฝากกัน ลองไปดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง

1.เนื้อปลา
เนื้อปลาถือว่าเป็นเมนูที่ดีต่อสุขภาพเป็น อย่างมาก เพราะเป็นอาหารที่มีปริมาณแคลอรีต่ำ เหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอยู่ นอกจากนี้ในเนื้อปลายังเต็มไปด้วยกรดโอเมก้า 3 ที่ดีต่อสมอง ช่วยกระตุ้นทำให้ร่างกายผลิตไขมันชนิดดี ลดไขมันตัวร้ายในร่างกายและยังป้องกันภาวะหัวใจเต้นผิดปกติได้อีกด้วย

2.หน่อไม้ฝรั่ง
เป็นผักชนิดหนึ่งที่มีความกรอบและมีปริมาณไฟเบอร์อยู่สูง เมื่อทานเข้าไปแล้วทำให้อิ่มท้องไม่หิวบ่อย จัดว่าเป็นผักที่มีแคลอรีต่ำ โดยหน่อไม้ฝรั่งเพียง 1 กรัม จะให้พลังงานเพียงแค่ 20 กิโลแคลอรีเท่านั้น ในหน่อไม้ฝรั่งนั้นเต็มไปด้วยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ จึงช่วยละลายไขมันเลวในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาระดับไขมันชนิดดีหรือ HDL ในร่างกายไว้ วิธีรับประทานให้นำไปปรุงให้สุก ด้วยการลวกหรือนึ่งเสียก่อน จะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารจากหน่อไม้ฝรั่งได้ง่ายขึ้น

3.ข้าวโอ๊ต
อาหารเช้าที่ง่ายและสะดวกอย่างหนึ่งในตอนเช้า ข้าวโอ๊ตนั้นช่วยลดน้ำหนักและลดไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี เพราะในข้าวโอ๊ตนั้นมีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำอยู่เป็นจำนวนมาก แถมในข้าวโอ๊ตยังเต็มไปด้วยสารอาหารอย่างเช่น วิตามินและเกลือแร่ ทำให้ร่างกายแข็งแรง สมองสดใสไปได้ทั้งวันเลย

4.มะเขือเทศ
การทานมะเขือเทศนอกจากจะช่วยทำให้ผิวสวยแล้ว ยังเป็นอาหารที่ช่วยลดความอ้วนได้ เป็นอย่างดี เพราะการทานมะเขือเทศเข้าไปจะช่วยยับยั้งความอยากอาหารได้ ในงานวิจัยยังเผยว่า มะเขือเทศมีไลโคปีนอยู่สูง เป็นสารสำคัญเป็นสารที่ยับยั้งไขมันชนิดไม่ดีในร่างกาย และไฟเบอร์ที่มีอยู่สูง ยังช่วยขจัดเซลล์ไขมันตัวร้ายออกไปจากร่างกายได้อีกด้วย

5.ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง
จากการวิจัยในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า การรับประทานถั่วเหลืองวันละ 25 กรัม จะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย และยังเป็นอาหารที่เต็มไปด้วยโปรตีนและไฟเบอร์ ดังนั้นการทานถั่วเหลืองจะช่วยทำให้อิ่มท้องได้นานขึ้น
การลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีนั้น นอกจากการควบคุมปริมาณอาหารให้น้อยลงแล้ว การเลือกประชนิดของอาหารที่ทานยังมีส่วนสำคัญ ที่ช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน ช่วยเพิ่มไขมันดีในร่างกาย ทำให้รูปร่างดีขึ้นได้อย่างง่ายดาย ดังเช่นอาหารลดน้ำหนักเหล่านี้ที่สาวๆ ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง และยังเป็นวิธีลดน้ำหนักที่ทำง่ายได้สุขภาพดีอีกด้วย

สครับดูแลผิวหน้าแบบโฮมเมดด้วยผงถั่วเหลืองตามรอยสาวญี่ปุ่น


สครับดูแลผิวหน้าแบบโฮมเมดด้วยผงถั่วเหลืองตามรอยสาวญี่ปุ่น

สครับดูแลผิวหน้าแบบโฮมเมดด้วยผงถั่วเหลืองตามรอยสาวญี่ปุ่น

การดูแลผิวพรรณโดยเฉพาะผิวหน้าเป็นเรื่องสำคัญที่จะละเลยไม่ได้ ยิ่งการเจอมลภาวะไม่ว่าจะเป็นทั้งแสงแดด ฝุ่น อากาศเป็นพิษ ย่อมเป็นผลกระทบต่อสุขภาพผิวได้ ยิ่งในช่วงหน้าร้อนแดดแรงๆ ช่วงญี่ปุ่นเอง สาวๆ เขาเลยต้องมีวิธีการรับมือดูแลบำรุงให้ผิวชุ่มชื้นด้วยวิธีง่ายๆแบบโฮมเมด วันนี้เราเลยจะขอแชร์วิธีการง่ายๆ เพื่อให้สาวๆ ได้ลองนำไปใช้กัน ส่วนผสมที่สำคัญของเราคือ ผงถั่วเหลือง คินาโกะ

ผงถั่วเหลืองคืออะไร?
ผงถั่วเหลืองที่ผ่านการคั่ว จากนั้นถึงนำมาบดให้ละเอียด นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารและขนมญี่ปุ่น นอกจากนั้นถั่วเหลืองยังนำมาใช้ล้างทำความสะอาดจึงทำให้เกิดผลิตภัณฑ์เช่น สบู่ มีประสิทธิภาพในการล้างทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค นอกจากจะช่วยในเรื่องผิวพรรณแล้วยังระงับการเกิดสิวได้ด้วย นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ถั่วเหลืองกลายมาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้อย่างไม่ ยาก


ส่วนผสมสครับถั่วเหลือง
- คินาโกะ:1 ช้อนชา
- เกลือสำหรับทำสปา:1/4 ช้อนชา
- น้ำผึ้ง:1 ช้อนชา

วิธีทำ
1. เทน้ำผึ้งในภาชนะที่ใช้ผสมสครับ เติมผงถั่วเหลืองคินาโกะแล้วคนให้เข้ากัน
2. จากนั้นใส่เกลือสำหรับทำสปาลงไปผสม(หากกลัวระคายเคือง สามารถใส่ในปริมาณที่น้อยได้)
3. ผสมให้เข้ากันก็สามารถนำไปใช้ได้

วิธีการสครับ
1. เตรียมผิวด้วยการล้างน้ำอุ่นให้หน้าเปียก
2. ค่อยๆทาสครับลงไปอย่างเบามือ
3. นวดเบาๆให้ทั่วใบหน้า
4. ล้างใบหน้าให้สะอาดจึงเสร็จเรียบร้อย
การดูแลผิวด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติ เคล็ดลับดีๆจากสาวญี่ปุ่นที่นำมาแชร์ หวังว่าสาวๆจะนำไปลองทำกันดูนะคะ

ลดน้ำหนักเท่าไรก็ไม่ผอมสักที 5 เหตุผลนี้แหละ ตัวการ !


ลดน้ำหนักเท่าไรก็ไม่ผอมสักที 5 เหตุผลนี้แหละ ตัวการ !

ลดน้ำหนักเท่าไรก็ไม่ผอมสักที 5 เหตุผลนี้แหละ ตัวการ !

การมีรูปร่างที่ดีนั้น คงเป็นความใฝ่ฝันของ ใครหลายคน แต่ด้วยในยุคปัจจุบันที่มีอาหารมากมายให้เลือกกิน ส่งผลให้มีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถึงขั้นใส่กางเกงตัวเดิมไม่ได้เลยกันทีเดียว สาวๆ ที่กำลังเผชิญปัญหานี้จึงจำเป็นต้องหาวิธีเพื่อให้กลับมามีหุ่นที่ได้ดี เหมือนเดิมอีกครั้ง ก่อนจะหมดความรู้สึกเบื่อ จนยอมแพ้ ลองมาดูพฤติกรรมแบบผิดๆ ตัวการที่ทำให้สาวๆ ไม่ผอมซักทีกันดีกว่าค่ะ

1.การอดอาหาร
เป็นอีกวิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่มักจะทำกัน เพราะเชื่อกันว่าจะสามารถลดปริมาณแคลอรี่ ที่กินต่อวันลงไปได้ แต่ความจริงแล้ววิธีนี้กลับจะทำให้สาวๆ หิวมากกว่าเดิมจนกินอาหารในมื้อถัดไปมากขึ้น ดังนั้นลองเปลี่ยนจากการอดอาหารมาเป็นการควบคุมอาหารกินทุกมื้อ โดยควบคุมปริมาณในการกินให้น้อยลง แต่ให้อยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสมกับพลังงานที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละวันจะดี กว่า

2.ออกกำลังกายหนักเกินไป
จริงอยู่ที่การออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีสำหรับคนที่ต้องการจะลดน้ำหนักเพราะนอกจากจะช่วยให้น้ำหนักลดลงแล้ว ยังทำให้สาวๆ ได้สุขภาพดี ตามมาด้วย แต่การออกกำลังกายที่หนักเกินไปเพื่อที่จะให้ผอมได้รวดเร็วทันใจนั้นไม่ใช่ วิธีที่ดีนัก เพราะจะส่งผลให้ร่างกายรับภาระที่หนักเกินไป จนส่งผลกระทบขึ้นในภายหลัง ควรออกกำลังกายอย่างพอเหมาะ มีการจดบันทึกและเพิ่มเวลาในการออกกำลังกายของเราทุกๆ 2-3 สัปดาห์

3.ยาลดความอ้วน
เป็นทางเลือกอย่างหนึ่งในการลดความอ้วนที่คนให้ความนิยมกันมาก แต่อย่างที่ทราบกันดีว่าเมื่อกินเข้าไปแล้ว จะเกิดผลข้างเคียงกับร่างกายอย่างมากมาย ทั้งส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้คิดอะไรได้ช้าลง ร่างกายทรุดโทรม แล้วเมื่อหยุดกินยาไปสักพัก นิสัยการกินที่ยังเหมือนเดิม การใช้ยาลดความอ้วน ไม่ได้กำจัดไขมัน แต่ไปลดน้ำในร่างกาย ดังนั้น เมื่อกลับมาใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิมๆ น้ำหนักก็จะขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ระบบเผาผลาญเสียหาย หรือที่เราเรียกกันว่าภาวะ “โยโย่” นั่นเอง


4.ดื่มน้ำอัดลมเป็นชีวิตจิตใจ
สิ่งที่คนอยากผอมควรจะเลี่ยงเลย คือ น้ำอัดลม เครื่องดื่มที่เต็มไปด้วยน้ำตาลในปริมาณสูง ไม่มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ใดๆ ต่อร่างกาย แถมยังส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว เช่น ทำให้กระดูกสึกกร่อน และเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน เป็นต้น ดังนั้นหากต้องการดื่มน้ำอัดลม อาจจะเลือกดื่มเป็นชนิดน้ำตาลน้อย หรือน้ำตาล 0 เปอร์เซ็นต์ หรือรู้สึกกระหาย แนะนำให้ดื่มนานๆ ครั้งก็พอโดยดื่มในสัดส่วนที่ไม่มากจนเกินไป ทางที่ดีเมื่อรู้สึกหิวน้ำ น้ำเปล่าธรรมดา คือทางเลือกที่จะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น และไม่ทำให้เสียสุขภาพชัวร์ๆ

5.การเปลี่ยนแปลงตัวเองมากจนเกินไป
การเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตประจำวันมากเกินไป เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้น ส่งผลให้การลดน้ำหนักไม่ได้ผล คือการเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างที่มากเกินไปภายในระยะเวลาสั้นๆ จนร่างกายรับการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน เช่น จากที่เคยกินเนื้อสัตว์จนชินก็เปลี่ยนมาเป็นกินมังสวิรัติเลย เป็นต้น
การลดน้ำหนักไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป เพียงแค่ต้องเข้าใจวิธีลดน้ำหนักที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียของร่างกายที่อาจส่งผลกระทบตามมาภายหลัง ใครที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังเลือกใช้วิธีลดแบบผิดๆ อยู่นั้น ก็รีบเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างด่วน เพื่อสุขภาพที่ดี ได้หุ่นสวยดั่งใจในอนาคตกันอย่างแน่นอนค่ะ

น้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพ บรรเทาอาการเจ็บป่วย ลดความเสี่ยงโรคได้เพียบ !


น้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพ บรรเทาอาการเจ็บป่วย ลดความเสี่ยงโรคได้เพียบ !

น้ำมันมะพร้าวเพื่อสุขภาพ บรรเทาอาการเจ็บป่วย ลดความเสี่ยงโรคได้เพียบ !

น้ำมันมีด้วยกันหลายชนิด แต่น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่สกัดจากมะพร้าวซึ่งมีความบริสุทธิ์และดีต่อการบำรุงสุขภาพร่าง กายมากมาย ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคร้ายและช่วยบรรเทาอาการเจ็บป่วยได้อีก ด้วย เรามาดูกันดีกว่าว่าประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมีดียังไงบ้าง

ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกลุ่มเสื่อม
น้ำมันมะพร้าว มาพร้อมคุณสมบัติในด้านการลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว (LDL) และช่วยเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) ได้เป็นอย่างดี ด้วยเหตุนี้มันจึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคกลุ่มเสี่ยงหลายโรค ได้ เช่น โรคอ้วน โรคหัวใจ โรคไต โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูงและโรคตับ

ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย
ในน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันอิ่มตัวชนิดสายปานกลาง ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานด้านลำไส้ใหญ่ จึงมีผลช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูกอย่างมากทีเดียว ดังนั้น สำหรับใครที่กินน้ำมันมะพร้าวในช่วงแรกๆ คุณอาจจะมีอาการท้องเสียนั่นก็ถือว่าเป็นอาการปกติ ไม่ต้องตกใจไป แต่หากกินไปได้สักระยะแล้วยังพบว่าเกิดอาการท้องเสียอยู่ไม่หาย แนะนำให้หยุดทานจะดีกว่า เพราะน้ำมันมะพร้าวอาจไม่เหมาะสมกับธาตุในร่างกายของคุณนั่นเอง


ช่วยลดการอักเสบและการติดเชื้อ
การติดเชื้อในร่างกายต่างๆ จนนำมาซึ่งอาการเจ็บป่วยนั้น น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยบรรเทาอาการลงได้ค่ะ เพราะกรดลอริกที่มีอยู่ในน้ำมันมะพร้าวจะสามารถเปลี่ยนมาเป็นสารมอโนลอริน (monolaurin) ซึ่งมีคุณสมบัติในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย จึงเปรียบดั่งยาปฏิชีวนะจากธรรมชาติที่จะช่วยบรรเทาให้อาการเจ็บป่วยอันเกิด จากการติดเชื้อต่างๆ ลดลงได้ ไม่ว่าจะเป็นไข้หวัดใหญ่เริม เจ็บคอและคางทูม

บำรุงสุขภาพภายในช่องปาก
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นเหงือกอักเสบ เหงือกช้ำ แดง บวมหรืออาการเลือดออกตามไรฟัน รวมถึงการติดเชื้อในบริเวณลำคอก็ตาม การใช้น้ำมันมะพร้าวอมบ้วนปาก จะสามารถช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียภายในช่องปากได้เป็นอย่างดี เพราะคุณสมบัติของน้ำมันมะพร้าวจะช่วยกำจัดแบคทีเรียอันเป็นสาเหตุที่ทำให้ มีคราบพลัคจนนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพช่องปากเหล่านั้นได้ วิธีใช้คือ ให้อมน้ำมันมะพร้าวบ้วนปากครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ วันละ 1 ครั้ง

ลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง
น้ำมันมะพร้าวจะมีกรดไขมันอิ่มตัวอยู่สูงมากถึงร้อยละ 92 โดยจะช่วยสร้างเสริมภูมิคุ้มกันร่างกายให้แข็งแรง และยังมีวิตามินไบโอซึ่งมีคุณสมบัติเป็นดั่งสารต้านอนุมูลอิสระ โดยจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งผิวหนัง
ทราบกันไปแล้วนะคะว่าประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวนั้นมีดีต่อสุขภาพร่างกาย ไม่น้อยเลยทีเดียว รู้กันแบบนี้แล้วก็ต้องหันมาบริโภคน้ำมันมะพร้าวเพื่อเติมเต็มสุขภาพที่ดี กันบ้างนะคะ

5 เครื่องสำอางที่ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น


5 เครื่องสำอางที่ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น

5 เครื่องสำอางที่ต้องเก็บไว้ในตู้เย็น

เมื่อพูดถึงเครื่องสำอาง แน่นอนว่าคงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเครื่องสำอางชนิดไหนควรเก็บไว้ในตู้เย็นบ้าง เพราะฉะนั้นวันนี้เราจึงยกตัวอย่าง 5 เครื่องสำอางที่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อยืดอายุการใช้งานมาฝากกัน ซึ่งเมื่อรู้แล้ว ก็อย่าลืมเก็บเครื่องสำอางไว้อย่างถูกวิธีกันด้วย

1.อายไลเนอร์
อายไลเนอร์ เครื่องสำอางสำหรับเขียนขอบตา เพื่อให้ดวงตาดูคมกริบและมีเสน่ห์น่าดึงดูดมากขึ้น ซึ่งก็มีความสำคัญในขั้นตอนการแต่งหน้า มากทีเดียว และสำหรับเคล็ดลับที่จะทำให้คุณเขียนอายไลเนอร์ได้อย่างสวยเป๊ะ คมกริบมากขึ้นนั้น ควรแช่อายไลเนอร์ไว้ในตู้เย็นจะดีที่สุด เพราะจะเพิ่มประสิทธิภาพและทำให้เขียนง่าย แถมยังช่วยยืดอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้นอีกด้วย

2.ครีมบำรุงผิวหน้า
ครีมบำรุงผิวหน้า เป็นอีกหนึ่งในเครื่องสำอาง ที่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเช่นกัน เพราะจะช่วยให้เก็บรักษาไว้ได้อย่างยาวนานมากขึ้น และสามารถเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวได้ดีกว่าเดิมเป็นสองเท่าเลยทีเดียว ดังนั้นอย่าลืมนำครีมบำรุงผิวตัวโปรดของคุณมาเก็บไว้ในตู้เย็นด้วยล่ะ


3.อายครีม
 อายครีม ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องสำอางที่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นเหมือนกัน เพราะความเย็นจะช่วยกระตุ้นให้อายครีมมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และช่วยลดการบวมของถุงใต้ตาได้อย่างดีเยี่ยม ทั้งยังช่วยให้รู้สึกเย็นสบายตา สามารถลดอาการเหนื่อยล้าของดวงตาได้ดี นอกจากนี้ ก็เป็นวิธีที่จะยืดอายุการใช้งานของอายครีมได้อีกด้วย

4. ดินสอเขียนขอบตา
การเก็บดินสอเขียนขอบตาไว้ในตู้เย็น ไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของดินสอเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถใช้ดินสอเขียนขอบตาได้อย่างง่ายดายและได้เส้นที่ดูเด่น ชัด คมกริบขึ้นอีกต่างหาก ลองทำตามกันดูสิ แล้วคุณจะพบว่าดินสอแท่งเดิมแต่ประสิทธิภาพในการใช้งานสูงขึ้นจนเห็นถึงความ แตกต่างเลยทีเดียว

5.น้ำหอม
เชื่อว่าหลายคน คงยังไม่รู้ใช่ไหม ว่าการเก็บน้ำหอมนั้นควรเก็บไว้ในตู้เย็นมากกว่าในอุณหภูมิห้อง เพราะจะทำให้มีกลิ่นที่หอมยาวนาน และมีประสิทธิภาพสูง สามารถใช้งานได้อย่างคุ้มค่าเลยทีเดียว ซึ่งจากการวิจัยพบว่า การเก็บน้ำหอมไว้ในตู้เย็นอาจใช้ได้นานขึ้นถึง 5 ปีเชียวล่ะ
และนี่ก็คือเครื่องสำอางที่ควรเก็บไว้ในตู้เย็นมากที่สุด เพราะจะช่วยยืดอายุการใช้งานได้อย่างดีเยี่ยม และสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่องสำอางนั้นๆ ได้ดี เพราะฉะนั้นเมื่อรู้แบบนี้แล้ว สาวๆ ทั้งหลายอย่าลืมเก็บเครื่องสำอางเหล่านี้อย่างถูกวิธีกันด้วยล่ะ

ชวนสาวๆ มาทำคาราเมลที่หอมหวานด้วยวิธีต่างๆ กัน!



ชวนสาวๆ มาทำคาราเมลที่หอมหวานด้วยวิธีต่างๆ กัน!

ชวนสาวๆ มาทำคาราเมลที่หอมหวานด้วยวิธีต่างๆ กัน!

ในขนมมากมายหลายชนิดที่สาวๆ อาจจะเคยได้ลองชิม หรือยังไม่มีโอกาสได้ลิ้มรสชาติต่างก็มี คาราเมล เป็นส่วนประกอบ ซึ่งเจ้าคาราเมลที่ว่านี้มีลักษณะเป็นซอสออกสีน้ำตาลทอง รสชาติหวาน และมีความเหนียวไว้ราดสำหรับเพิ่มรสชาติให้กับขนมที่พวกเราชื่นชอบ โดยส่วนใหญ่จะเป็นขนมสัญชาติฝรั่ง อาทิ พุดดิ้ง พาย เค้ก หรือแม้แต่ไอศกรีม โดยคาราเมลที่มีรสชาติหอมหวานนี้บอกเลยว่าทำได้ไม่ยาก ก็เลยจะมาบอกวิธีทำกัน จะเป็นยังไง ? เลื่อนลงไปอ่านได้เลย

ทำ คาราเมล ด้วยวิธีการต้ม
มาเริ่มต้นกันด้วยการทำคาราเมลในแบบวิธีแรกที่เป็นการต้ม ส่วนใหญ่วิธีนี้มักจะใช้ทำกันที่บ้าน ทำแล้วก็จะไม่ทำให้น้ำตาลไหม้จนเสียรส ถึงแม้ว่าจะใช่เวลานานค่อนข้างนานกว่าวิธีต่อไป แต่ก็ทำให้ได้รสชาติที่ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

เตรียมส่วนผสม
1 น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วยตวง

2 น้ำ ½ ถ้วยตวง

3 น้ำมะนาว หรือครีมออฟทาร์ทาร์ ¼ ช้อนชา

วิธีทำ
1 เทน้ำประมาณ ½ ถ้วยตวงลงในหม้อ จากนั้นจึงผสมน้ำตาลทรายขาวลงไป แนะนำให้ใช้เป็นหม้อโลหะ มีปากขอบสูง และมีก้นหนา รวมถึงการเลือกใช้หม้อโลหะที่มีสีอ่อน อย่าง แสตนเลส จะช่วยให้เห็นสีของคาราเมลได้อย่างชัดเจน

2 น้ำหม้อที่เราผสมน้ำและน้ำตาลเอาไว้ขึ้นตั้งไฟปานกลางกึ่งแรง ใช้ช้อนไม้ หรือพายซิลิโคนคนจนกว่าน้ำตาลจะลายจนหมด กลายเป็นสีใสๆ

3 ใส่น้ำมะนาว หรือครีมออฟทาร์ทาร์ลงไปในน้ำตาลที่ละลายแล้ว แนะนำให้ผสมน้ำลงไปเล็กน้อยก่อนเทลงในหม้อคาราเมล เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำตาลจับตัวกันเป็นก้อนอีก

4 รอให้น้ำตาลละลายจนหมดและน้ำเริ่มเดือด จากนั้นจึงหยุดคน

5 ลดไฟลงให้เหลือไฟกลาง แล้วปล่อยให้เดือดต่อประมาณ 8 - 10 นาที แต่อย่าให้เดือดจัด

6 สังเกตสีของคาราเมลที่เริ่มเปลี่ยนไป โดยน้ำตาลที่ละลายแล้วจะเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีทองอ่อน จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีอำพันเข้ม โดยที่สีของน้ำตาลจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างเร็วมาก ฉะนั้นควรสังเกตให้ดี หากคาราเมลเกิดไหม้นั้นจะทานไม่ได้ ต้องทิ้งทันที

7 เมื่อสังเกตเห็นว่าคาราเมลในหม้อนั้นมีสีเท่ากันทั้งหมดแล้วให้หยุดการไหม้ ของน้ำตาล โดยการปิดไฟและยกหม้อออกจากเตาไปวางในน้ำเย็นจัดประมาณ 10 วินาที เมื่อครบเวลาที่กำหนด ให้นำคาราเมลไปใช้ทันที



ทำ คาราเมล ด้วยวิธีการคั่ว

เตรียมส่วนผสม
1 น้ำตาลทรายขาว

วิธีทำ
1 เทน้ำตาลลงในหม้อที่มีก้นหนา ประมาณ 1 - 2 ถ้วยตวง หรือตามปริมาณคาราเมลที่สาวๆ ต้องการ

2 ตั้งหม้อบนไฟกลาง จากนั้นจึงเริ่มคั่วน้ำตาล โดยให้สังเกตสีของน้ำตาลดีๆ ในขณะที่คั่ว ซึ่งน้ำตาลจะเริ่มละลายจากขอบ สีของน้ำตาลจะเริ่มเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีน้ำตาลทอง

3 ในขณะที่น้ำตาลเริ่มละลายก็ต้องไม่ต้องแปลกใจไป หากน้ำตาลบางส่วนจะละลาย แต่บางส่วนยังคงเป็นก้อนอยู่ ให้ลดไฟลง จากนั้นก็ให้คนไปเรื่อยๆ จะช่วยให้คาราเมลไม่ไหม้ในตอนที่รอให้น้ำตาลละลายทั้งหมด

4 เมื่อคนไปได้สักพัก ให้สังเกตสีของคาราเมลให้ดีจนกว่าจะได้สีที่เราต้องการ สีของคาราเมลต้องไม่อ่อนและไม่เข้มจนเกินไป สีของคาราเมลที่ดีจะต้องมีสีอำพันคล้ายกับสีของเหรียญทองแดงเก่า

5 เมื่อได้ที่ ให้ยกหม้อคาราเมลออกจากเตาทันที แล้วเทลงในภาชนะที่เตรียมไว้ เนื่องจากในหม้อยังมีความร้อนอยู่ หากเราปล่อยไว้ คาราเมลอาจเปลี่ยนจากได้เป็นไหม้ก็จะไม่สามารถนำไปใช้งานได้ ต้องทิ้งอย่างเดียว

เสร็จสิ้นไปแล้วกับวิธีการทำคาราเมลทั้ง 2 แบบที่มาฝากกัน ลองเอาไปทำตามกันดู เชื่อได้ว่าผู้ที่ชื่นชอบการทานขนม หรือคนที่ชอบทำขนมจะต้องปลื้มปริ่มกับสิ่งที่เราหามาฝากอย่างแน่นอน ...

5 ประโยชน์ของกล้วยมีดีต่อความสวยอย่างน่าทึ่ง !


5 ประโยชน์ของกล้วยมีดีต่อความสวยอย่างน่าทึ่ง !

5 ประโยชน์ของกล้วยมีดีต่อความสวยอย่างน่าทึ่ง !

กล้วยเป็นผลไม้ที่เต็มไปด้วยสารอาหาร ช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ กล้วยยังช่วยบำรุงความสวยความงาม ให้กับผิวพรรณและร่างกายของเราได้ดีอีกด้วย จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากบำรุงให้ผิวสวยสดใส สุขภาพดี มีรูปร่างที่กระชับ ลองมาดูสรรพคุณในด้านความสวยของกล้วยกันดีกว่า

1.บำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง
กล้วยเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยน้ำ แถมมีใยอาหารอยู่ในปริมาณที่สูง ไฟเบอร์ในกล้วยนั้นมีหน้าที่ในการดักจับไขมัน น้ำตาล และขจัดสารพิษต่าง ๆ ออกไปจากร่างกาย ทำให้ระบบขับถ่ายในร่างกายดีขึ้น ในกล้วยยังเต็มไปด้วยวิตามินบี 3 มีคุณสมบัติในการลดผิวหนังอักเสบ ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ดังนั้น หากอยากมีผิวสวย แนะนำให้สาวๆ ทานกล้วยเป็นประจำค่ะ

2.ทำให้ผิวพรรณอ่อนเยาว์ ลดริ้วรอยได้
เพราะในกล้วยอุดมไปด้วยสารโพแทสเซียม โดยมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดเกิดการไหลเวียนดีขึ้น ส่งผลดีทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง มีสุขภาพดี แถมสารอาหารต่าง ๆ ที่มีอยู่ในกล้วยยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ทำให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ ผิวพรรณจึงอ่อนเยาว์กว่าวัยอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญกล้วยยังช่วยแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ ปกป้องผิวจากปัญหาริ้วรอยต่าง ๆ ได้อีกด้วย


3.ช่วยลดน้ำหนัก
จัดว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีอีกข้อ หนึ่งของกล้วย ในกล้วยนั้นมีวิตามินบี 3 กับ บี 2 ที่ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ เมื่อทานกล้วยเข้าไปจะทำให้อิ่มท้องนานขึ้น การทานกล้วยในตอนเช้ายังช่วยลดความอยากทานของหวานลงได้ด้วย แถมกล้วยยังเป็นผลไม้ที่มีแคลอรีต่ำ จึงเป็นผลไม้ลดน้ำหนักที่ได้รับความนิยมอย่างมากทีเดียว

4.เร่งผมยาว
ในกล้วยนั้นเต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ จึงส่งผลดีต่อการเจริญเติบโตของเซลล์ต่างๆ ในร่างกาย กระตุ้นให้เกิดเซลล์ใหม่ สำหรับสาวคนไหนที่อยากเร่งผมให้ยาว หรือต้องการมีสุขภาพผมที่ดีแล้วละก็ ลองรับประทานกล้วยเป็นประจำ ร่างกายจะได้ดูดซึมสารอาหารที่ดี เพื่อไปช่วยบำรุงเส้นผม ลดการหลุดร่วงของเส้นผม และยังสามารถใช้กล้วยผสมกับน้ำผึ้งเพื่อหมักผมให้นุ่มสลวยได้อีกด้วย

5.ปรับอารมณ์
น้ำตาลที่มีอยู่ในกล้วยจะช่วยเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้สาว ๆ อารมณ์ดีหายหงุดหงิด แร่ธาตุโพแทสเซียมและวิตามินบี 6 ที่มีอยู่ในกล้วย ยังช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้เป็นอย่างดี จึงช่วยลดอาการอารมณ์เสียในวันนั้นของเดือนได้เป็นอย่างดี
กล้วยเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายด้าน นอกจากนี้ยังเป็นผลไม้ที่มีสารอาหารที่หลากหลายในการช่วยบำรุงความงาม ทำให้ผิวพรรณกระจ่างใส แก้ปัญหาริ้วรอย ทำให้ดูอ่อนเยาว์อยู่เสมอและช่วยลดน้ำหนัก ทำให้หุ่นสวยได้ มีดีมากมายเพียงนี้แล้ว สาวๆ ห้ามพลาดกันเลยเด็ดขาด