วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เคล็ดลับช่วยให้นอนหลับสบาย

เคล็ดลับช่วยให้นอนหลับสบาย

การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่จะนอนอย่างไรให้หลับได้สบาย มีเคล็ดลับมาบอก เช่น

1 น้ำมันหอมระเหยช่วยในการนอน เช่น คาร์โมไมล์ทำให้กายและใจสงบ

2 เหยาะน้ำมันลาเวนเดอร์ในน้ำที่อาบก่อนนอนหรือใส่กระดาษทิชชู่วางไว้ข้างหมอนเพื่อช่วยให้หลับ

3 ของว่างก่อนนอนที่เหมาะคือ กล้วยหอม โอ๊ตเค้ก หรือปั่นสมูตตี้นมถั่วเหลืองกับลูกอินทผลัมหรือมะเดื่อ

4 ถ้าเครียด ร่างกายจะใช้แมกนีเซียมเป็นตัวผ่อนคลาย ดังนั้นให้เพิ่มพูนแมกนีเซียมด้วยการกินข้าวกล้อง ถั่ว และเมล็ด

5 เลี่ยงแอลกอฮอล์ คาเฟอีนทำให้นอนไม่หลับ อย่ากินเบคอน ชีส แฮม ช็อกโกแลต ผักขม มันฝรั่งและมะเขือเทศตอนดึก เพราะจะไปกระตุ้นสมองทำให้ลืมตาตื่น

6 กินโปรตีน (ปลา เนื้อ ถั่ว และเมล็ด) เปนของว่างทุก4 ชั่วโมงเพื่อป้องกันระดับน้ำตาลตกต่ำตอนกลางคืน

7 การขัดหน้าก่อนนอนจะทำให้ผ่อนคลายได้ อุ่นน้ำมันหอมระเหยกลิ่นส้มเทใส่มือแล้วนวดหน้าประมาณ 5 นาทีค่อยเช็ดออก

8 ทุกเช้าให้ดื่มน้ำอุ่นใส่น้ำผึ้งบีบมะนาวเพื่อความสมดุลของระดับพีเอชในร่างกายและผิวพรรณ
ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.istockphoto.com/

เทคนิคการแต่งหน้าสไตล์สาวออฟฟิศ

การเข้าสงคมเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องกระทำ ยิ่งต้องเจอคนมากเราก็ยิ่งต้องทำให้ตนเองดูดี เพราะทุกๆ วันเราจะต้องพบเจอคนมากมายไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมงานก็ดี หรือการพบเจอลูกค้า ก็ต้องดูดีหัวจรดเท้า เพื่อสร้างความมีภูมิฐานให้ตนเอง และสร้างความน่าเชื่อถือแก่ผู้ที่พบเจอ
womanplusmagazine ขอแนะนำ เทคนิคการแต่งหน้าสไตล์สาวออฟฟิศ ค่ะ

อุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งหน้า
1 มอยส์เจอร์ไรเซอร์
2 รองพื้น ที่มีส่วน ผสมของ bb (รองพื้นที่มีส่วนผสมของbb จะทำให้ผิวหน้ากระจ่างอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ)
3 แป้งฝุ่น
- เปลือกตา 1 อายแชโดว์ สีม่วง สีน้ำตาลเข้ม และ สีเนื้ออ่อนๆ 2 อายเจลสีดำ 3 มาสคาร่า
- คิ้ว eye brown เนื้อฝุ่นสีน้ำตาลกลาง
- แก้ม บรัชออน สีน้ำตาล อม สีพีช - ปาก สี peach, สี ชมพู
ขั้นตอน
1 เตรียมผิวให้พร้อมด้วยการลงมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ bb ครีมนะคะ เพื่อให้ผิวหน้าสว่าง และเมื่อลงแป้งฝุ่นตามมาหน้าของคุณจะเด้ง ใส เลยล่ะค่ะ
2 หลังจากนั้นใช้หัวแปรงขนาดกลาง แตะที่อายแชโดว์สีน้ำตาล ทาให้ทั่วตั้งแต่บริเวณหัวตา จรดหางตา ในลักษณะทาให้ทั่วเบ้าตาค่ะ
3 ใช้อายแชโดว์สีม่วงทาทับไปบริเวณกึ่งกลางของตาให้ทั่วบริเวณเปลือกตาบนนะคะ แล้วค่อยๆ เกลี่ยทั้งเบ้าตาส่วนบนค่ะ
4 ตามด้วย ใช้สีเนื้ออ่อน ทาใต้บริเวณ โหนกคิ้วนะคะ เพื่อทำให้สีม่วง ดูสมูทขึ้น
5 ใช้อายไลเนอร์เจล ทาจากบริเวณหัวตา ลากยาวมาจนถึงหางตา ด้วยหัวแปรงขนาดเล็ก แล้วทาให้ชิดเปลือกตามากที่สุด (การลงอายไลเนอร์เจล ถ้าเรายิ่งเขียนเส้นเล็ก จะทำให้ตาเราดูโตขึ้นด้วยค่ะ)
6 ขอบตาล่างก็เช่นเดียวกันค่ะ วาดจากหัวตา ลากไปบริเวณหางตาง ตามด้วยใช้อายแชโดว์ฝุ่นสีน้ำตาล ทาทับบริเวณอายไลเนอร์
7 ปัดมาสคาร่าเพียงเล็กน้อย และตามด้วยการติดขนตา ใช้ขนตาตามไซส์ที่เราชอบได้เลยนะคะ
8 คราวนี้มาเริ่มที่คิ้วกันบ้างนะคะ ใช้หัวแปรงตัดทาสีน้ำตาลกลาง วาดจากบริเวณหัวคิ้วลากมาจนถึงหางคิ้ว ค่อยๆ ไล้นะคะ สำหรับคนที่ยังแต่งคิ้วไม่เก่ง
9 ใช้หัวแปรงขนาดใหญ่ แตะสีน้ำตาลอมพีช ปัดบริเวณโหนกแก้มมาที่บริเวณพวงแก้ม ทาในลักษณะ จากบริเวณ ข้างใบหู มาที่พวงแก้มคะ
10 สุดท้ายนะคะ ทาปากด้วยลิปสติก สีพีช อมชมพู และใช้พู่กันเกลี่ยให้เรียบ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ
เราขอแนะนำอีกนิด หลังเลิกงานอย่าลืมแต่งสวยล่ะ
เอ๋! ทำไมน่ะเหรอ? ก็เพราะว่าสาวๆ หลายคนมักพลาดกันที่หลังเลิกงาน มักปล่อยให้สภาพหน้ากลับคืนสู่สภาพธรรมชาติ (ลงโทษ) ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีเลย ลองคิดดูสิคะ พอถึงเวลาเลิกงาน หัวหน้าเห็นเราสภาพอย่างกับศพ คงรู้สึกแสลงใจไม่น้อย
แต่ถ้าตกเย็นแล้วหน้าเรายังเป๊ะเหมือนตอนเข้างานมาตอนเช้าแล้วละก็ ตำแหน่งพนักงานดูดีที่สุดในออฟฟิศจะไปไหนเสีย

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2558

7 เหตุผล ที่คุณควรขี่จักรยาน

นอกจากเป็นการออกกำลังกายทั้งตัวที่ดีแล้ว การขี่จักรยานยังเป็นการผจญภัยกลางแจ้งที่สนุก ให้ได้ประโยชน์อย่างเต็มที่อีกด้วย

การขี่จักรยานเป็นกีฬาเหมาะกับทุกเพศทุกวัยทำได้เพื่อสุขภาพดี ลดอัตราเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจลงไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ยิ่งใครอยู่ต่างจังหวัดยิ่งดี เพราะสามารถขี่ชมธรรมชาติสวยๆได้มากกว่าในเมือง
1 เพิ่มระดับพลังงาน
การศึกษาล่าสุดพบว่าคนที่มี อาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง พบว่าระดับพลังงานจะเพิ่มขึ้น 20 % และความอ่อนเพลียลดลงไป 65 % หลังขี่จักรยาน 20 นาทีสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
2 อายุยืนมากขึ้น
การศึกษาพบว่าสตรีที่ขี่จักรยาน สบายๆ ทุกวันจะช่วยให้อายุยืนขึ้นอีก 2.2 ปี ถ้าขี่เร็วๆ จนหอบจะอายุยืนขึ้น 3.9 ปี นักขี่จักรยานเร็วซึ่งใช้เวลาขี่วันละชั่วโมง มีโอกาสดีมากๆ ในการรักษาสุขภาพและปรับปรุงการมีอายุยืน ดังนั้นจัดว่าคุ้มค่าปั่นเร็วจี๋
3 กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
การขี่จักรยานสามารถลดความ เสี่ยงการป่วยของคุณได้ การค้นคว้าพบว่าคนที่ขี่จักรยานไปทำงานเป็นประจำระยะทาง 1.2 ไมล์สัปดาห์ละสี่วันจะลาป่วยน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ขี่จักรยาน
4 คลายความเครียด
จากการศึกษาของมหาวิทยาลัย แมรีแลนด์พบว่า อาสาสมัครที่ขี่จักรยานนาน 30 นาที จะรับมือกับความเครียดได้ดีกว่าคนที่ใช้เวลาผ่อนคลาย แม้การพักผ่อนจะมีประสิทธิภาพเท่ากับการปั่นจักรยานแต่ผลจะจางเร็วกว่า ขณะที่ผลกระทบที่ช่วยต้านความเครียดของนักขี่จักรยานยืนยาวตลอดทั้งวัน
5 ขี่ได้นานกว่า
การขี่จักรยานถือเป็นการออกกำลัง แบบแรงกระแทกต่ำ ดังนั้นจึงมีข้อได้เปรียบต่อสุขภาพมากกว่าการออกกำลังแบบแอโรบิก จึงเหมาะกับการเลี่ยงอาการบาดเจ็บ แถมยังดีกับแรงบันดาลใจด้วย เช่น คุณอาจเหนื่อยเร็ว หรือรู้สึกถึงแรงกระแทกของการวิ่งจ๊อกกิ้ง แต่การขี่จักรยานค่อนข้างออกแรงกระแทกเบา จึงสามารถขี่ได้นานกว่า ถ้าขี่ด้วยความเร็วที่ทำให้คุณหอบเล็กน้อยจะเผาผลาญ 300 แคลอรีต่อชั่วโมง
6 กระตุ้นสมอง
เล่นปริศนาอักษรไขว้ไม่สำเร็จใช่ มั้ย? นักค้นคว้าพบว่าการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นจะกระตุ้นความฟิตของหัวใจ 5 % แต่จะเพิ่มมากขึ้น 15 % จากการขี่จักรยาน ออกกำลังด้วยวิธีนี้สัปดาห์ละ3 ครั้งเป็นอย่างน้อย จะเห็นความเปลี่ยนแปลงใน 1 เดือน
7 คุณจะมีหัวใจแข็งแรง
การค้นคว้าพบว่าคนที่ขี่จักรยานสัปดาห์ละ 20 ไมล์ จะลดการเป็นโรคหัวใจลงไปได้ 50 % ขี่วันละ 17 นาทีก็ได้ประโยชน์มากมายแล้ว

เบกกิ้งโซดามีประโยชน์อะไรบ้างนะ

          นอกจากเบกกิ้งโซดาจะเป็นส่วนผสมอย่างหนึ่งในขนมหวานต่างๆ แล้วนั้น มันยังสามารถช่วยในเรื่องของความสวยความงามได้ด้วยนะสาวๆ แต่พูดแล้วสาวๆ อาจจะยังสงสัยว่า เจ้าเบกกิ้งโซดา มันคืออะไรนะ
หน้าตามันเป็นยังไง วันนี้จะมาอธิบายให้หายข้องใจพร้อมบอกเคล็บลับความสวยความงามเกี่ยวกับ เบกกิ้งโซดากันค่ะ

ช่วยขจัดสิ่งสกปรกบนเส้นผมของเราได้
เพียง แค่สาวๆ นำเอาเบกกิ้งโซดามาใช้ผสมรวมกับยาสระผม หลังจากนั้นก็สระผมตามปกติ เบกกิ้งโซดาจะช่วยล้างสารพิษและขจัดสิ่งสกปรกบนเส้นผมของเรา ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละลองหรือสารเคมีที่ตกค้างต่างๆ
และยังช่วยทำให้เส้นผมดีขึ้นด้วยนะ


ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.mindbodygreen.com/0-8953/diy-this-baking-soda-shampoo-saved-my-hair.html

ช่วยกำจัดสิวเสี้ยน สครับหน้า สครับผิวกาย
เรื่อง สิ้วเสี้ยนนั้นน่าจะเป็นปัญหากวนใจสำหรับสาวๆ อยู่แน่ๆ แต่เราสามารถขจัดมันออกไปได้ด้วยเบกกิ้งโซดาค่ะ โดยใช้เบกกิ้งโซดามาสครับผิวหน้า เบาๆ บริเวณจมูกก็จะช่วยลดปริมาณสิวเสี้ยนแถมยังช่วยทำให้ผิวหน้าเนียนด้วยแหละ
นอกจากนั้นแล้วยังใช้สครับผิวกายได้ด้วยอีกนะสาวๆ

ช่วยให้ฟันขาวสะอาดขึ้น
เรื่อง ในช่องปากก็สามารถนำเบกกิ้งโซดามาใช้ได้ค่ะ โดยการใช้เบกกิ้งโซดาขัดเบาๆ ลงบนเนื้อฟัน หรือจะผสมกับยาสีฟันก็ได้ค่ะ ถ้าสาวๆ ใช้อย่างเป็นประจำแล้วละก็ จะช่วยทำให้ผิวฟันที่เหลืองค่อยๆ ขาวขึ้นค่ะ

ช่วยทำให้ผิวเท้าที่แข็งนุ่มลง
เบกกิ้ง โซดานั้นสามารถทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ด้วยนะ โดยผสมเบกกิ้งโซดาลงไปในน้ำอุ่น แล้วนำเท้าไปแช่ก็จะช่วยให้เรารู้สึกได้พักผ่อนร่างกายที่เมื่อยล้ามาตลอด ทั้งวันได้แล้วละ

          เห็นไหมคะสาวๆ เบกกิ้งโซดานั้นสามารถช่วยในเรื่องของความสวยความงามได้มากมายเลย แต่ก็ต้องดูดีๆ ก่อนด้วยนะ เพราะสาวๆ บางคนอาจจะมีอาการแพ้ได้  
ดังนั้นแล้วก่อนจะใช้กับผิวหนัง ร่างกายของเรา สาวๆ ต้องลองใช้ในปริมาณน้อยๆ ทดสอบดูก่อนว่าเรามีอาการแพ้หรือเปล่าด้วยนะ

สาวๆ ที่มีอยากผิวสีแทนสุดเซ็กซี่มาทางนี้

ขอบคุณภาพประกอบ http://saboskirt.com/
สาวๆที่อยากมีผิวสีแทนสุดเซ็กซี่มามาทางนี้ ช่วงนี้เทรนด์ผิวสีแทนหรือน้ำผึ้งกำลังมา สำหรับคนเอเชียแล้วผิวขาวอมชมพูดูเป็นอะไรที่ใฝฝันของ สาวๆหาทุกวิธีทำให้ขาวไม่ว่างจะเป็นทาครีมที่มีส่วนผสมของ Whitening บ้าง ทั้งขัดทั้งถู กินอาหารเสริมก็แล้ว หนักๆเข้าก็อยากขาวเร็วใช้ครีมที่ไม่ได้มาตรฐานมีส่วนประกอบที่เป็นอันตราย บ้าง หนักเข้าเรื่อยๆถึงกับลอกผิว แต่ปัจจุบันเสาวไทยก็เริ่มมีความเปลี่ยนแปลงในแง่คิดของเรื่องการนิยมผิวสี แทน เพราะเห็นสาวเจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ นางเอกในดวงใจของหลายๆคนที่ตอนนี้มีผิวสีแทนที่ดูสุขภาพดี แถมมีหุ่นที่ฟิตแอนเฟิร์มอีกต่างหาก ดูมีเสน่ห์และเซ็กซี่ ทำให้สาวๆหลายๆคนอดใจไม่ไหวอยากจะมีผิวสีแทนเซ็กซี่ขึ้นมาบ้างแล้ว
วันนี้เลยหาวิธีที่จะทำให้มีผิวแทนสุขภาพดีแบบปลอดภัยและก็ได้ผลมาฝากกัน

ขอบคุณภาพประกอบ http://www.theyallhateus.com/
1. อาบแดด หลีกเลี่ยงการตากแดดนานเกิน 10 นาที ระหว่าง 10.00-15.00 น.ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF ควรจะมากกว่า 15ขึ้นไปเนื่องจากประเทศไทยแสงแดดค่อนข้างแรง และครีมกันแดดควรมีสารป้องกัน UVA และควรใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมที่สามารถช่วยปกป้องการแห้งแสียจากความร้อน และแสงแดดด้วย และที่ขาดไม่ได้อย่าลืมพกแว่นตากันกันแดดเนื่องจากหากเราอาบแดด แล้วแสงโดนตามากๆอาจส่งผลเสียให้กับสุขภาพตาอีกก็เป็นได้ หลังจากตากแดดแล้วผิวจะแห้งมากจึงควรทาผลิตภัณฑ์ที่ให้ความชุ่มชื่นเพื่อ บรรเทาอาการอักเสบของผิวหนัง อาจจะทาเป็นทามอยส์เจอร์ไรเซอร์หรือเจลว่านห่างจระเข้ หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้นผิวจะลอก ผ่านไปสัก 4-6 สัปดาห์จึงจะกลับคืนสภาพเดิม และก็มีสีผิวที่เข้มขึ้น

ขอบคุณภาพประกอบ http://www.womenshealthmag.com/
2. ครีมทาผิวสีแทน กระแสผิวสีแทนมาแรงจึงมีการผลิตเครื่องสำอางที่ทำให้ผิวสีแทนด้วยตนเอง คือมาเป็นรูปแบบของโลชั่นหรือน้ำมันเปลี่ยนสีผิวให้เป็นผิวสีแทนผลิตภัณฑ์ทำ ผิวสีแทน เช่น Self Tanning หรือ Bronzing ทั้งหลายมีสารกันแดดต่ำ SFP 2-4 แนะนำให้ใช้ควบคู่ไปกับครีมกันแดด ผิวสีแทนที่ได้จากการใช้ครีมทานั้นจะปลอดภัย แต่ครีมนั้นอาจจะทิ้งร่องรอยคราบเลอะเทอะบนเสื้อผ้าได้ ดังนั้นควรจะหลีกเลี่ยงการสวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนหรือสีขาว และผิวสีแทนที่ได้จากการทาครีมนั้นจะอยู่ได้เพียงแค่ 6-7 วัน เท่านั้นเนื่องจากผิวหนังชั้นบนมีการหลุดลอกอยู่ตลอดเวลา

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

โรคสมองเสื่อม น่ากลัวกว่าที่คิด!

เมื่อถามว่า “ถ้าให้เลือกระหว่างตาย กับพิการ คุณจะเลือกอะไร”  คำตอบ มักจะเลือกตายมากกว่าอยู่อย่างพิการ สะท้อนให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่กลัวความพิการมากกว่าความตาย และถ้าพิจารณาจากโคลงบทหนึ่งที่สอนให้ซื่อสัตย์ คือ
“เสียสินสงวนศักดิ์ไว้      วงศ์หงส์
เสียศักดิ์สู้ประสงค์         สิ่งรู้
เสียรู้เร่งดำรง              ความสัตย์ ไว้นา
เสียสัตย์อย่าเสียสู้         ชีพม้วย มรณา”
จะสอนให้เห็นว่าคนอย่างท่าน พันท้ายนรสิงห์ ยอมตายเพื่อดำรงความสัตย์ แสดงว่าเหนือกว่าความพิการ ยังมีอีกหลายสิ่งที่สำคัญกว่าความตาย สำหรับผู้เขียนที่เข้าสู่วัยชรา กลัวโรคสมองเสื่อมที่สุด กลัวยิ่งกว่าโรคหัวใจ โรคปอด โรคตับ โรคไต โรคมะเร็ง  หรือโรคร้ายแรงอื่น ๆ ทั้งหมด เพราะการเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ ที่กล่าวมา แม้จะดูรุนแรง บางครั้งมากกว่าโรคสมองเสื่อม แต่ยังคงศักดิ์ศรีของเราไว้ได้ แต่โรคสมองเสื่อมจะบ่อนทำลายความรู้ ความสามารถ บุคลิกภาพ และศักดิ์ศรีของเรา จนอาจกลายเป็นคนไร้สมรรถภาพ  พึ่งพาตนเองไม่ได้ มีสภาพน่าเวทนากว่าเด็กทารกที่นอนแบเบาะเสียอีก

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.istoctphoto.com/
            สมองมีหน้าที่หลายอย่าง ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเกือบหมด และยังมีหน้าที่ทำให้คนเป็นคน คือ ทำให้คนเป็นสัตว์ประเสริฐเหนือกว่าสัตว์เดรัจฉานทั้งหมด เพราะเป็นอวัยวะที่มีหน่วย ความจำซึ่งเรียกว่าเซลล์ประสาท จำนวนหลายพันล้านเซลล์ มีมากกว่าเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหลาย เพราะสมองไม่เพียงแต่มีหน้าที่จดจำสิ่งต่าง ๆ และเรื่องราวต่าง ๆ ยังมีหน้าที่คิด ควบคุมอารมณ์ และพฤติกรรม การเสื่อมของสมองจึงทำให้ความจำเสื่อม ขาดความคิดริเริ่ม คิดช้า ตัดสินใจช้า ความเฉลียวฉลาดลดลง  ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ มีพฤติกรรมผิดไปจากเดิม โดยมากจะมีสภาพแย่ลงคล้ายกลับไปเป็นเด็กทารก ทำให้สูญสียศักดิ์ศรี จนในระยะสุดท้ายก่อนเสียชีวิติจะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย
            โรคสมองเสื่อมจึงเป็นโรคที่น่ากลัวมาก สำหรับคนที่มีสถานะสูงทางสังคม ในวงการแพทย์ได้มีการศึกษาเพื่อหาวิธีป้องกันและรักษา ซึ่งพบว่าถ้าสามารถวินิจฉัยและรักษาได้ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยให้อาการทุเลาขึ้น การดำเนินโรคช้าลง หรือบางกรณีสามารถแก้ไขให้กลับคืนเป็นปกติได้
            สาเหตุของโรคสมองเสื่อมจึงแบ่งออกเป็น 2  กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่รักษาให้หาย หรือไม่ทรุดลงไปอีก กับกลุ่มที่รักษาไม่หายเพียงแต่ช่วยให้ทุเลา และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งโรคที่พบบ่อยที่สุดในกลุ่มหลังนี้ คือ โรคอัลไซเมอร์
 เนื่องจากอาการสำคัญของโรคสมองเสื่อม คือ ความจำเสื่อมซึ่งแตกต่างจากอาการขี้ลืมธรรมดา จึงมีวิธีการสังเกตอาการของโรคสมองเสื่อม 10 ประการ ดังนี้
  1. มีอาการหลงลืมที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน 
  2. อ่านหนังสือลำบากขึ้น กะระยะทางยากขึ้น
  3. เสียความสามารถในการวางแผน หรือแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน
  4. รู้สึกยากลำบากในการทำงานที่คุ้นเคย
  5. สับสนเรื่องกาลเวลา และสถานที่
  6. มีปัญหาในการเข้าใจ และใช้ภาษา
  7. ลืมของไว้ในที่ที่ไม่ควรเก็บ
  8. ความสามารถในการตัดสินใจลดลง
  9. แยกตัวออกจากงานที่ทำ หรือกิจกรรมที่ชอบ
  10. อารมณ์ และบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลงไป
            วิธียืดอายุสมอง 10 ประการ  คือ
  1. นอนหลับ พักผ่อนให้เพียงพอ
  2. รับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ เป็นประจำ       
  3. ออกกำลังกายเป็นประจำ
  4. คิดในทางบวก หรือคิดในแง่ดี
  5. ฝึกสมาธิ
  6. ไม่อาศัยสิ่งอำนวยความสะดวกแทนสมอง
  7. ไม่เก็บตัว แยกจากสังคม
  8. ไม่เฉื่อยชาหาอะไรทำ แทนการอยู่ว่าง
  9. สร้างแรงบันดาลใจ
  10. อารมณ์แจ่มใสร่าเริง 

ผศ.นพ.พินิจ ลิ้มสุคนธ์
อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคสมองและระบบประสาท
Memory Clinic    โรงพยาบาลสมิติเวช

โยคะเปลือย แก้ผ้ายืดเหยียด เทรนด์ออกกำลังกายแหวกแนว

เปิดคลาส "โยคะเปลือย" แก้ผ้ายืดเหยียด เทรนด์ออกกำลังกายแหวกแนว !!
เว็บไซต์เดลิเมล์นำเสนอเทรนด์ใหม่ "โยคะเปลือย" กำลังมาแรงในออสเตรเลีย หลังจากกระแสการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพได้รับความนิยม

ที่ออสเตรเลียมีโยคะแนวใหม่ สร้างกระแสฮือฮาเมื่อผู้เล่นต้องถอดเสื้อผ้าออก เป็นห้องเรียนโยคะเปลือยสำหรับผู้หญิง กำลังมาแรงที่นครเพิร์ท
ศูนย์โยคะทวิสติ้งพีค็อก เปิดคลาสโยคะเปลือยมาแล้ว 3 คลาส แต่ละคลาสมีผู้เข้าฝึกเต็มทุกรอบ และทุกครั้งที่เปิดคลาสจะมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้าร่วมตลอด หลากหลายวัย โดยอายุน้อยที่สุดคือ 22 ปี มากที่สุดคือ 50 ปี ทั้งนี้ กระบวนการเล่นโยคะเปลือยจะเน้นการนั่งสมาธิ การฝึกหายใจ โดยเปิดดนตรีที่ผ่อนคลายคลอเบาๆ

นางเมลิซซา ฮอร์เวิร์ด เจ้าของศูนย์โยคะ เผยว่า "เรายินดีต้อนรับทุกคน และเราคุยกับสาวๆทุกคนว่าทำไมถึงอยากมาฝึกที่นี่"
"ทุกคนจะค่อนข้างตื่นเต้นในตอนแรก แต่หลังจากที่พวกเธอถอดเสื้อคลุมออกไม่กี่นาที จะลืมว่ากำลังเปลือยกายอยู่ ตอนสุดท้ายพวกเธอก็มานั่งล้อมวงคุยกัน ไม่มีใครสนว่ากำลังเปลือยกันอยู่"

โยคะตามปกติขึ้นชื่อเรื่องการผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอยู่แล้ว แต่การเล่นโยคะเปลือยจะทำให้มีการผ่อนคลายมากขึ้น "สาวๆบางคนถึงกับร้องไห้ออกมาระหว่างการฝึก เพราะพวกเธอรู้สึกผ่อนคลายมาก"
การเล่นโยคะเปลือยจะทำให้หญิงสาวรู้สึกผ่อนคลาย และไม่อายรูปร่างของตัวเอง ทำให้รักร่างกายของตัวเองมากขึ้น
ตอนนี้มีหญิงสาวหลายคนอาจกำลังคิดว่า จะมาร่วมเล่นโยคะเปลือยดีหรือไม่ หรืออาจจะยังไม่กล้าพอ แต่เจ้าของศูนย์โยคะแห่งนี้ยืนยันทิ้งท้ายว่า คนที่มาร่วมเล่นโยคะเปลือยจะไม่ผิดหวังกลับไปแน่นอน
และมีรายงานว่าเร็วๆนี้ศูนย์โยคะแห่งนี้อาจเปิดคลาสโยคะเปลือยแบบคู่รักอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทีมหมอครอบครัว ดูแลทุกปัญหาสุขภาพ ประสานงานทุกมิติ

กระทรวงสาธารณสุข ปักธง “ทีมหมอครอบครัว”
ดูแลทุกปัญหาสุขภาพ ประสานงานทุกมิติ มาตรฐานใหม่สาธารณสุขไทย

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ กระทรวงสาธารณสุข จับมือจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ โครงการ “ทีมหมอครอบครัว” (Family Care Team) ที่ปรึกษาด้านสุขภาพใกล้บ้าน ใกล้ชิดทุกครอบครัว
…บริการสาธารณสุขเชิงรุก เพื่ออนาคตสุขภาพของคนไทย...
การ บริการสาธารณสุขในรูปแบบทีมหมอครอบครัวนั้น คือมิติใหม่ของการบริการสุขภาพขั้นต้นเพื่อให้คนไทยได้เข้าถึงการรักษา พยาบาลมากขึ้น และสะดวกรวดเร็วขึ้น มีแนวคิดหลักคือ การดูแลสุขภาพประชาชนเป็นรายครอบครัว โดยหน่วยบริการสุขภาพใกล้บ้าน ทำงานกันในเชิงรุกไม่ตั้งรอให้คนไข้มาหาหมอแค่อย่างเดียว โดยส่งอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือ อสม. ซึ่งเป็นคนในชุมชนที่ได้รับการอบรมจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ลงพื้นที่ให้คำแนะนำ ดูแลด้านสุขภาพตลอดจนให้การช่วยเหลือขั้นพื้นฐาน กันถึงประตูบ้านทั้งในยามปกติและยามฉุกเฉิน
นอกจากให้ความช่วยเหลือยามเจ็บไข้แล้วเป็นหลักแล้ว อสม.ยังมีหน้าที่ส่งเสริมและเป็นที่พึ่งในการวางแผนการดูแลสุขภาพของตนเอง และครอบครัว โดยประชาชนอาจไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาลทุกครั้ง เพราะหากมีอาการเจ็บป่วยที่สามารถดูแลในเบื้องต้นเอง โดยความช่วยเหลือของ อสม.ใกล้บ้าน แต่หากจำเป็นต้องได้รับการรักษาจากแพทย์ ทีมหมอครอบครัวก็จะประสานงานให้ได้รับการรักษาที่เหมาะสม และทันเวลาในยามฉุกเฉิน ผู้ป่วยติดเตียง-ติดบ้าน ผู้พิการ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยที่ต้องได้รับการดูแลใกล้ชิด คือกลุ่มแรกที่จะได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมหมอครอบครัว
รูปแบบการบริการของทีมหมอครอบครัวคือ
• ส่งเสริมเรื่องสุขภาพ ป้องกันโรค รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสภาพ
• ดูแลทุกด้านทั้งทางกาย จิตใจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
• ดูแลระยะของวงจรชีวิต ตั้งแต่เกิดจนเสียชีวิต
• ดูแลปัญหาสุขภาพตั้งแต่ระยะเริ่มจนถึงระยะสุดท้าย
กระทรวงสาธารณสุขได้คิกออฟโครงการไปเมื่อปลายปี 2557 ซึ่งขณะนี้ ทุกอำเภอทั่วประเทศมีทีมหมอครอบครัวลงพื้นที่ดูแลประชาชนแล้ว ส่วนในกรุงเทพมหานครนั้นปักหมุดให้เขตดุสิตและเขตดอนเมืองเป็นพื้นที่นำร่อง ของทีมหมอครอบครัวกรุงเทพฯ คาดว่าจะให้บริการครบทุกเขตเร็วๆ นี้ โดยสามารถสอบถามเกี่ยวกับทีมหมอครอบครัวของบ้านตัวเองได้ที่ รพ.สต. หรือ รพ.รัฐ ใกล้บ้าน หรือโทร.1330
ทั้งนี้เป้าหมายสำคัญของทีมหมอครอบครัวคือการพัฒนาไปถึงขั้นสร้างให้ ประชาชนเกิดความมั่นใจ ไว้ใจ รู้จักและผูกพันกับทีมงาน “หมอ” ที่ร่วมกันบริการสุขภาพและให้การดูแล “สมาชิกทุกคนในครอบครัวในทุกโอกาสและทุกรูปแบบ” ให้บริการแบบรอบด้านที่ตอบสนองความต้องการชุมชน และมีระบบการดูแลรับส่งต่อผู้ป่วยอย่างไร้รอยต่อ เพื่อสุขภาพคนไทยที่ยั่งยืน
“ประชาชนทั่วไทยอุ่นใจ มีญาติทั่วไทยเป็นหมอครอบครัว”

มาทิลดา แมวเอเลี่ยน หลังมีอาการ Lens Luxation

ชมภาพ "มาทิลดา แมวเอเลี่ยน" หลังมีอาการ Lens Luxation

ชมภาพ มาทิลดา แมวที่มีอาการ Lens Luxation เสียการมองเห็นและตาโตผิดปกติ ถูกตั้งฉายาว่า แมวเอเลี่ยน ซึ่งมีแฟนคลับตามในอินสตาแกรมราว 3 หมื่นกว่าคนขณะนี้ รวมทั้งมีเว็บไซต์ของตัวเองแล้วด้วย สามารถติดตามภาพเจ้ามาทิลดาได้ที่ aliencatmatilda.com

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

Origins TOP 10 ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติที่ขายดีที่สุดตลอดกาล

ออริจินส์รวบรวม 10 ผลิตภัณฑ์ยอดนิยม Nature’s Top Ten ที่โดดเด่นด้วยอัจฉริยภาพจากธรรมชาติ และสามารถพิสูจน์ผลลัพธ์ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ ส่วนผสมซึ่งเต็มไปด้วยพลังอันทรงคุณค่าที่ซ่อนเร้นอยู่ในพืชพรรณนานาชนิด และ Essential Oils Blend สูตรเฉพาะของออริจินส์ที่มีอยู่ในทุกๆผลิตภัณฑ์ เพื่อการปรนนิบัติผิว เพิ่มความสบายพร้อมกลิ่นอ่อนๆ ให้คุณรู้สึกสบายขึ้น เพื่อการดูแลคุณจากภายในสู่ภายนอกอย่างครบระบบ

Plantscription™ Anti-Aging Power Serum
เซรั่มที่ขายดีที่สุดของออริจินส์เพิ่มประสิทธิภาพการ ลดเลือนริ้วรอยถึงขีดสุดเห็นผลเร็วขึ้นใน 2 สัปดาห์* ด้วยพลังธรรมชาติจากพืชอานุภาพสูง 20 ชนิด นำทีมโดย Anogeissus (แอโนเกซิส) จากทวีปแอฟริกา ผนวกกับPea and Bamboo Extract จากออสเตรเลีย และ Crithmum จากฝรั่งเศสตรงเข้าดูแลทุกความกังวลของ 4 สัญญาณผิวพิสูจน์แล้วว่า ลดเลือนริ้วรอยลึก ร่องแก้ม ลดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ให้ผิวดูกระชับเรียบเนียนขึ้น อย่างเห็นได้ชัด เมื่อใช้เป็นประจำต่อเนื่อง
ขนาด 50 มล.ราคา4,500.- บาท

Dr. Andrew Weil for Origins™ Mega-Bright Skin tone correcting serum
เซรั่มบำรุงเข้มข้นประสิทธิภาพสูงด้วย Rosa Roxburghii ตรงเข้าดูแลที่ต้นเหตุจุดด่างดำ คืนผิวดูกระจ่างใส ขับผิวแลสว่าง จางสีหมองคล้ำ ช่วยให้ดูสม่ำเสมอ พร้อมรับมือกับกระบวนการทำร้ายผิวอย่างแข็งขัน เพื่อผิวดูกระจ่างใสเปล่งประกายอย่างแตกต่าง เห็นผลลัพท์ผิวหมองคล้ำแลดูจาง ลงสีผิวดูสม่ำเสมอสว่างกระจ่างใสเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ขนาด 50 มล.ราคา 3,700.- บาท

Dr. Andrew WeilTM for Origins Mega-Mushroom Skin Relief Advanced Face Serum
เซรั่มบำรุงผิวเข้มข้น ปลอบประโลมผิวด้วยนวัตกรรมแห่งการดูแลผิวบอบบางที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ด้วยสารสกัดจากเห็ดมากคุณค่า 3 ชนิด สูตรเฉพาะของ ดร.แอนดรูว์ ไวล์ ได้แก่ Reishi, Cordyceps และ Chaga
เสริมประสิทธิภาพด้วยพืชสรรพคุณสูง Sea Buckthornที่ตรงเข้าฟื้นบำรุงผิวที่บอบบางแพ้ง่ายฟื้นความสมดุลของสภาพผิวให้แลดูสุขภาพดียิ่งขึ้นใน 4 สัปดาห์*
ขนาด 30 มล.ราคา 3,400.- บาท และ ขนาด 50 มล.ราคา 4,300.- บาท

Plantscription™ Anti-aging eye treatment
มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจล ดูแลผิวรอบดวงตามอบสัมผัสเบาสบาย พิสูจน์แล้วด้วยวิทยาศาสตร์ถึงผลลัพท์การดูแล 4 สัญญาณ ปัญหาผิวรอบดวงตาด้วยส่วนผสมหลัก Anogeissus ที่ช่วยลดเลือนเส้นริ้วที่หางตาร่องรอยและเส้นริ้วใต้ตา ปัญหาผิวไม่เนียนเรียบบริเวณเปลือกตาและช่วยให้ผิวรอบดวงตาดูกระชับมอบความ อ่อนเยาว์สู่ผิวรอบดวงตาอย่างนุ่มนวลเป็นธรรมชาติ
ขนาด 15 มล.ราคา2,150.- บาท

Plantscription™Powerful lifting cream
มอบผิวที่ดูกระชับเรียบเนียนคลายข้อกังวลจากปัญหาผิวหย่อนคล้อย และเติมความชุ่มชื้นสู่ผิวให้ดูอิ่มเอิบ พร้อมรับมือกับ 4สัญญาณปัญหาผิว ช่วยลดเลือนริ้วรอย ร่องลึก
รอยเหี่ยวย่นแลดูจางลง ผิวดูกระชับ เรียบเนียนขึ้นพร้อมมอบผิวที่ดูเอิบอิ่มให้กับหน้ารูปหัวใจภายใน 2 สัปดาห์* ช่วยให้ผิวดูสดใสเปล่งประกายแลดูอ่อนเยาว์ยาวนาน มีส่วนผสมที่โดดเด่น คือ Commiphora Mukul เสริมประสิทธิภาพการทำงานของไฮยาลูโรนิก เพื่อให้ผิวดูอิ่มเอิบ ดูกระชับ
ขนาด 50 มล.ราคา 3,100.- บาท

Make A DifferenceTM Plus + Skin rejuvenating serum
ด้วยสารสกัดจาก Rose of Jerichoที่ช่วยให้ผิวสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้ในระดับลึก ผสานพลังธรรมชาติของ Lychee seed extract,Watermelon extract และผลึกอัญมณีสีแดง Rhodocrositeช่วยเสริมความชุ่มชื้นตามธรรมชาติของผิวตรงเข้าช่วยฟื้นบำรุง ผิวจากความแห้งกร้าน ให้สัมผัสได้ถึงความชุ่มชื้นเรียบเนียน และนุ่มลื่นของผิว
ขนาด 50 มล.ราคา 3,500.- บาท

Dr. Andrew Weil for Origins™ Mega-Bright Skin illuminating moisturizer
มอยซ์เจอไรเซอร์เนื้อบางเบาเติมความชุ่มชื่นประจำวันแก่ผิว ช่วยปลอบประโลม มอบความรู้สึกสบายผิวลดปัญหาการเกิดสีผิวไม่สม่ำเสมอในอนาคตด้วยพลังจาก ธรรมชาติ Rosa Roxburghii ที่อุดมด้วยวิตามินซีและแอนตี้ออกซิแดนท์ ให้ผิวสว่างกระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติลดเลือนจุดด่างดำ ขับผิวสว่าง จางผิวคล้ำ ปรับสีผิวสม่ำเสมอเพื่อผิวกระจ่างใสจากภายในสู่ภายนอก
ขนาด 50 มล.ราคา 2,750.- บาท

Checks & Balances™ Frothy face wash
คลีนเซอร์ทำความสะอาดผิวหน้าที่ช่วยมอบความสมดุลให้ผิวหน้าสารสกัดจาก สาหร่ายใบกว้าง ช่วยลดความมันส่วนเกินโปรตีนจากข้าวสาลีมอบการบำรุงให้ผิวแห้งกร้านเนียน นุ่มชุ่มชื่นอย่างเป็นธรรมชาติ จึงมอบความรู้สึกเบาสบาย หลังการทำความสะอาดผิว ไม่แห้งหรือมันจนเกินไป เหมาะกับทุกสภาพผิว
ขนาด 150 มล.ราคา 950.- บาท

Drink Up™ Intensive Overnight Mask to quench skin’s thirst
มาส์กพอกหน้าสำหรับช่วงกลางคืนคืนความชุ่มชื้นล้ำลึกให้กับผิวเข้มข้น ด้วยสารสกัดธรรมชาติจากPlantGlycerine, HyaluronicAcid และ Apricot kernel Oilที่เติมระดับความชุ่มชื่นให้ผิวทันทีเมื่อซึมเข้าสู่ผิวอย่างต่อ เนื่องMango butter, Avocado Oil และ Japanese Seaweedช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นสำหรับผิวในวันต่อๆไปฟื้นบำรุงให้ผิวกลับสด ใสเนียนนุ่ม ชุ่มชื้นต่อเนื่องยาวนาน
ขนาด 100 มล.ราคา 1,350.- บาท

Make A DifferenceTM Skin rejuvenating Treatment
มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อเจลนวัตกรรมใหม่ในการรับมือและดูแลผิวที่แห้งกร้าน ขาดน้ำผสมผสานพลังธรรมชาติจากพืชทรงประสิทธิภาพ Roseof Jericho และสาหร่ายสีน้ำตาล Padina Pavonicaช่วยเสริมปราการความชุ่มชื้น
และการกักเก็บน้ำตามธรรมชาติผิว เข้ารับมือกับปัญหาความแห้งกร้านขาดน้ำอย่างตรงจุด เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว
ขนาด 50 มล.ราคา 2,000.-บาท

สัมผัสพลังธรรมชาติจาก 10 ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมพร้อมรับ ผลิตภัณฑ์ขนาดทดลองในกลุ่ม Origins Top 10 ที่มอบประสบการณ์ความรู้สึกดี พร้อมช่วยดูแลเผยผิวให้สวย สดใส เปล่งปลั่งมีสุขภาพดีจากภายในสู่ที่เคาน์เตอร์ออริจินส์ทุกสาขา

ชาวจีนสุดเหงา! หันเลี้ยงสุนัขควักเงินดูแลไม่อั้น

อุตสาหกรรมธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยงในจีนเป็นหนึ่งในธุรกิจที่เติบโตเร็วที่ สุดในโลกพนักงานธนาคารในเซี่ยงไฮ้คนหนึ่งที่ได้พูดคุยมาใช้เงินเดือน 1 ใน 5 ต่อเดือนเป็นค่าอาหาร ขนมให้กับสุนัขสัตว์เลี้ยง และยังพาไปอาบน้ำแต่งขนในสุดสัปดาห์ และค่าอาหาร ที่มีต้นทุน 2,000 หยวน หรือราว 320 เหรียญสหรัฐฯต่อเดือน
"ฉันต้องการให้เค้าได้สิ่งที่เยี่ยมที่สุด"Frances Chen สาวแบงก์วัย 26 กล่าวกับรอยเตอร์ โดยปัจจุบันเธออาศัยอยู่กับพ่อแม่
"สุนัขก็เหมือนลูกของเรา จะต่างก็แค่พูดภาษามนุษย์ไม่ได้"
ครั้งหนึ่งที่การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงถูกห้ามโดยรัฐบาลพรรคคอมมิวนิสต์ โดยประธานเหมาเจ๋อตุง เพราะเป็นการแสดงสัญลักษณ์ของการเป็นงานอดิเรกของชนชั้นกลาง แต่เมื่อเวลาผ่านไป การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จทางการเงินของจีน

Luisaพุดเดิ้ลวัย6 ปี ที่เพิ่งผ่านการทำสีขนเดินตามหลังเจ้าของที่กรุงปักกิ่ง ซึ่งเจ้าของบอกว่า ค่าทำสีขนสุนัขของเธออยู่ที่ 80-90 เหรียญสหรัฐฯ (Photo Reuters)
ยูโรมอนิเตอร์ คาดการณ์ว่าภายในปี 2019 ธุรกิจภาคการดูแลสัตว์เลี้ยงในจีนจะเติบโตระดับไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ แซงหน้าตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐฯที่คาดการณ์อัตราเติบโตปีนี้เพียง 4 เปอร์เซ็นต์
ถือเป็นโอกาสของบริษัทข้ามชาติ อาทิ Mars Inc, Nestle S.A. Procter & Gamble Co. และ Colgate-Palmolive Co. ที่จะเข้ามาเจาะตลาดสัตว์เลี้ยงในประเทศจีนที่ถือว่าใหญ่เป็นอันดับสองของ โลก
สุนัขเป็นสัตว์ยอดนิยมที่ถูกเลี้ยงมากที่สุด เฉพาะการขายอาหารสุนัขเพียงอย่างเดียวคาดว่าในปี 2019 มูลค่าการค้าจะพุ่งถึง 760 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยยูโรมอนิเตอร์แสดงข้อมูลความนิยมดูแลสุนัขแบบหรูหราเพิ่มขึ้น และผู้คนยอมมีค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะในหลายเมืองที่ พัฒนาแล้วของจีน
ยูโรมอนิเตอร์ยังวิเคราะห์ว่าความเหงาและความเครียดในวิถีชีวิตคนเมือง ยังผลักดันให้มีกระแสการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นเฉพาะปีที่แล้วกว่า 30 ล้านครัวเรือน หรือราว 7เปอร์เซ็นต์ของทั่วประเทศจีนที่เลี้ยงสุนัขไว้
แมทเทียส เบอร์นิงเกอร์ หัวหน้าฝ่ายกิจการต่างประเทศของ Mars Inc มองว่า ยังมีที่เหลือให้กับธุรกิจตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีน เพราะธุรกิจนี้ขยายตัวเกินกว่าที่คาดคิด
"ส่วนแบ่งตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงในจีนยังมีตัวเลขที่ต่ำมาก คนที่เคยไม่เชื่อว่าขนมอย่างช็อคโกแลตจะกลายมาเป็นสิ่งที่คนจีนนิยมบริโภค ก็ต้องถูกปล่อยให้อยู่โดดเดี่ยว เช่นที่ไม่เคยคิดว่าผู้บริโภคชาวจีนจะหลงใหลในการกลายมาเป็นเจ้าของสัตว์ เลี้ยงได้"เขาระบุ
ขณะที่สหรัฐฯมีแบรนด์อาหารสัตว์ที่เป็นบริษัทในสหรัฐฯที่มีชื่อเสียง อาทิ Pedigree และ Whiskas แต่ในจีน บริษัท Mars Inc เป็นหัวขบวนในตลาดนี้ของประเทศจีนในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาโดยมีส่วนแบ่งที่ 2 ใน 3
ส่วนบริษัท Nestle มาเป็นอันดับสอง ที่ส่วนแบ่งราว 16 เปอร์เซ็นต์ ตามมาด้วยบริษัทของจีน Nory Pet (Shanghai) Co. Ltd ที่มีส่วนแบ่งตลาดเกือบ 7 เปอร์เซ็นต์
"มีความต้องการมากสำหรับตลาดอาหารสัตว์เลี้ยงจากที่เจ้าของให้สุนัขกิน ข้าว หรือเนื้อ ก็เปลี่ยนมาให้กินอาหารสัตว์ที่เหมาะสม" Chen Xiuqiang ผู้จัดการฝ่ายขายของ Guangzhou Mudi Trading Co. Ltd บริษัทนำเข้าและจัดจำหน่ายอาหารสัตว์ในจีนกล่าว และว่า ชาวจีนนิยมที่จะซื้ออาหารสัตว์คุณภาพดีให้คู่ควรกับสายพันธุ์สุนัขระดับมีใบ เพ็ดดีกรี (ใบรับรองพันธุ์ประวัติ) รวมถึงการซื้อสิ่งของและบริการที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์เลี้ยงของตน

(Photo Reuters)
"ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้คนจำนวนมากรู้สึกว้าเหว่และดูแลสัตว์เลี้ยง ราวกับคนในครอบครัวเดียวกันดังนั้นพวกเขาจึงยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อสัตว์ เลี้ยงพอๆกับที่ใช้จ่ายเงินให้กับพ่อแม่ของเขาเช่นกัน"ZhaoHuanhuan ผู้เลี้ยงสัตว์เลี้ยงกล่าว
ขณะที่ธุรกิจถ่ายภาพสัตว์เลี้ยงในปักกิ่งก็มีการต่อยอดมีการเสนอแพคเก็จ ให้ลูกค้าตั้งแต่ชุดเสื้อผ้าและการออกแบบสไตลิสต์ให้กับสัตว์เลี้ยงมีราคา ตั้งแต่388-8,888 หยวน หรือตั้งแต่63-1,430 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ธุรกิจคอร์สฝึกสุนัขมีค่าใช้จ่ายที่ราว 5,000 หยวนต่อเดือน
หรือบรรดาร้านค้าปลีกแนวหรูหราเกี่ยวเนื่องกับสุนัขสามารถทำรายได้ได้ เป็นกอบเป็นกำ อาทิ บริษัทของสหรัฐอเมริกา Chrome Bones ซึ่งเปิดแฟรนไซส์แรกที่เซี่ยงไฮ้เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว (2557) ระบุว่าสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 40 ต่อเดือน
แม้กระทั่งแบรนด์ดังเชี่ยวชาญคริสตัลอย่าง Swarovski ก็ถูกสั่งทำปลอกคอคริสตัลให้สัตว์เลี้ยง ที่ราคา 260 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนปลอกคอหนังงูราคาจะเริ่มที่ 3,800 เหรียญสหรัฐ งยังรวมไปถึงบรรดาโซฟาหนัง ที่นอน และจานอาหารหรูหราของสุนัขก็เช่นกัน ซึ่งเหล่านี้ถูกมองว่าเป็นโอกาสที่ดีมากของธุรกิจที่เกี่ยวข้องจากการนิยม เลี้ยงสัตว์เลี้ยงของชาวจีนในเมือง

ขณะเดียวกันในด้านธุรกิจสร้างความผ่อนคลายให้สัตว์เลี้ยงยังกลายมาเป็น ธุรกิจขนาดใหญ่ ColeZhang เจ้าของร้าน BlueBone ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นจุดที่เป็นแหล่งช้อปปิ้งแหล่งบันเทิงที่เรียกกันว่า The Bundมีธุรกิจให้บริการหรูหราแก่สุนัข และสัตว์เลี้ยง เช่น มีโชเฟอร์ที่จะให้บริการขับรถรับส่งสัตว์เลี้ยงบนรถซุปเปอร์คาร์ทั้งเฟอรา รี่ มาเซราติ โดยมีค่าใช้จ่าย 500 หยวนต่อหนึ่งกิโลเมตร ซึ่งเจ้าของร้านบอกว่ามีการจองเข้ามาใช้บริการอยู่บ่อยๆด้วย
"โดยเฉลี่ยแล้วเรามีลูกค้าติดต่อเข้ามามากกว่า100 คน ต่อสัปดาห์ และต้องทำงานล่วงเวลาและในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะดูแลสุนัขเขาเป็นอย่างดีและยินดีจะใช้จ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อดูแลสุนัขของพวกเขา"เจ้าของธุรกิจกล่าวสรุปให้เห็นภาพรวมของความนิยม นี้
อย่างไรก็ตามแม้จะมีความนิยมเลี้ยงสุนัขในเมืองแต่ด้านหนึ่งยังคงมี เทศกาลกินเนื้อสุนัขที่เมืองหยูหลินเขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วงประเทศจีนซึ่ง จัดขึ้นในช่วงหน้าร้อนของทุกปี


3 ปัญหาตา พาคนแห่ศัลยกรรม

คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ โดย พ.ญ.พิณนภางค์ ศรีพหล
3 ปัญหาตา พาคนแห่ศัลยกรรม
คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ
พ.ญ.พิณนภางค์ ศรีพหล
email:doctorpin111@gmail.com
"ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ" คำกล่าวติดปากที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอวัยวะบนใบหน้า ที่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกได้แบบตรงไปตรงมาที่สุด คนส่วนใหญ่คงเห็นพ้องต้องกันกับความสำคัญดังกล่าว ดวงตาจึงมักถูกขับเน้นเพ่งเล็งเป็นพิเศษว่าจะต้องดี ต้องเด่น ต้องสวย ไม่น่าแปลกใจเลยที่อวัยวะคู่นี้ติดท็อปทรีของอวัยวะที่คนนิยมแห่ไปศัลยกรรม มากที่สุด

พ.ญ.คัมภีราภรณ์ สิริภคพันธ์ หรือ หมอรวงข้าว จักษุแพทย์เจ้าของ Lovely Eye Clinic by Dr.Roungkaw เล่าว่า "สาเหตุ ที่ทำให้คนเข้ารับการศัลยกรรมรอบดวงตามีอยู่ 2 สาเหตุใหญ่ ๆ คือ เพื่อแต่งเติมความสวยงามและเพื่อการรักษา ในประเด็นแรกเป็นเรื่องของความพึงพอใจของแต่ละบุคคล แต่สำหรับประเด็นหลังจะมีเรื่องการแก้ไขปัญหาทางกายภาพและสุขภาพเข้ามาร่วมด้วย"
หมอรวงข้าวยังได้เผยต่อไปว่า 3 เคสหลักที่ทำให้คนไทยมาแก้ไขความบกพร่อง ได้แก่ ปัญหาหนังตาบนหย่อนลงมา (Dermatochalasis) ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง (Ptosis) และปัญหาการมีเนื้อโค้งปิดหัวตา (Epicanthal Folds) โดยสาเหตุอาจเกิดได้ทั้งจากพันธุกรรม อายุที่มากขึ้น หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวัน !
จึงถือเป็นเรื่องน่าสะพรึง เมื่อได้ทราบจากจักษุแพทย์ว่า ไลฟ์สไตล์ในสังคมนิยมรูปลักษณ์ยุคปัจจุบัน ส่งผลให้ "ความสวยมาพร้อมกับความเสี่ยง" ซึ่งหมอรวงข้าวยกตัวอย่างเช่น ปัญหากล้ามเนื้อตาอ่อนแรง อาจเกิดจากแฟชั่นคอน แท็กต์เลนส์ได้ เมื่อใส่คอนแท็กต์เลนส์เป็นระยะเวลานาน กล้ามเนื้อตาจะมีการยืดตัว ทำให้ออกแรงในการเปิดตาน้อยลง เกิดอาการตาปรือหรือตาง่วงนอนจนอาจทำให้เห็นลูกตาดำ 2 ข้างไม่เท่ากันได้, การเมกอัพรอบดวงตาแบบสมัยนิยม หากล้างไม่สะอาดก็จะส่งผลให้ติดค้างอยู่ด้านใน ก่อให้เกิดความระคายเคือง บางรายหนักข้อถึงขนาดกระตุ้นอาการภูมิแพ้ หรือแม้แต่การศัลยกรรมตาก็เช่นกัน การฝังปมไหมไว้ใต้เปลือกตา หากไหมไม่ละลายนอกจากจะเสี่ยงต่ออาการแพ้แล้ว ยังอาจก่อให้เกิดพังผืดเป็นตุ่มไตใต้ผิวหนังเป็นต้น

การแก้ไขที่นอกเหนือจากจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมแล้วการเข้าพบแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญเฉพาะทางถือเป็นสิ่งที่เหมาะสมโดยในรายที่ต้องได้รับการศัลยกรรม เข้าช่วย แพทย์ก็จะช่วยประเมินได้อย่างถูกต้อง
ทั้งนี้ หมอรวงข้าวยังอธิบายเพิ่มเติมว่า "สำหรับในกรณีรายที่พบปัญหาอันเกิดจากพันธุกรรม อาทิ ผู้มีเนื้อส่วนเกินโค้งปิดหัวตา ทำให้ตาดูตี่เล็ก ถ้ามีเนื้อปิดลงมามากอาจทำให้ดูเหมือนตาเขเข้าหากัน ซึ่งปัญหานี้ที่พบมากในหมู่คนไทย ปัจจุบันจึงนิยมการศัลยกรรมเปิดหัวตา (Epicanthoplasty) เข้ามาช่วยแก้ปัญหาแบบตรงจุด เพื่อให้ดวงตาทั้งสองข้างไม่ดูห่างกันเกินไป เห็นตาขาวบริเวณหัวตามากยิ่งขึ้น จึงเห็นตาดำอยู่กึ่งกลางของดวงตา"
ยอมเสี่ยงที่จะสวยทั้งที สิ่งที่ได้รับกลับคืนมานอกเหนือจากความมั่นใจก็คือ ความปลอดภัยนี่แหละที่สำคัญ

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

5 ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวที่คุณอาจไม่เคยรู้

เขียนโดย เชิญตะวัน สุวรรณพานิช

1. ช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันมีปัญหาเรื่องความอ้วนและไขมันส่วนเกินใช่ไหม ใช้น้ำมันมะพร้าวให้ เป็นประโยชน์สิคะ ไขมันอีกชนิดในน้ำมันมะพร้าวจะช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันในส่วนท้องของคุณ จากผลการศึกษาพบว่าการทานน้ำมันมะพร้าวประมาณ 30 มิลลิลิตรต่อวันจะช่วยลดชั้นไขมันได้
2. ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง
กรดไขมันสายกลาง (medium chain fatty acid) ในน้ำมันมะพร้าวช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและกระบวนการรับรู้ของมนุษย์ นอกจากนี้ผลการศึกษายังบอกด้วยว่ากรดไขมันสายกลาง ในน้ำมันมะพร้าวยังช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์ด้วย
3. ช่วยให้กระดูกแข็งแรง
ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของ น้ำมันมะพร้าวคือ ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กระดูก การทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำเป็นการเพิ่มแคลเซียมและแมกนีเซียมให้กับ กระดูก ทำให้กระดูกเจริญเติบโตได้ดีและแข็งแรง
4. ช่วยให้ผมสวย
ลองชโลมน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 – 15 นาที แล้วค่อยสระผมล้างออก จะช่วยให้ผมของคุณมีน้ำหนักเงางามขึ้น
5. ช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง
ผลการศึกษามาก มายพบว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น โรคเรื้อน สิว โรคสะกิดเงิน นอกจากนี้หากใช้เป็นประจำน้ำมันมะพร้าวยังช่วยสมานแผลต่างๆ ด้วย

7 เรื่องแปลกที่ตอนตั้งครรภ์ทำได้ไงเนี่ย!

สำหรับคุณแม่ที่มีประสบการณ์มาแล้ว จะรู้เลยว่าระยะเวลาตั้งแต่เริ่มตั้งตั้งครรภ์จน ถึงคลอดลูกนั้น แต่ละเดือนมีบททดสอบให้อึดและทรหดมากขนาดไหน กว่าจะได้มาเป็นคุณแม่ที่รักลูกยิ่งชีพทุกวันนี้ โดยเฉพาะช่วงตั้งท้องใหม่ๆ ที่ต้องเจอเรื่องแปลกๆ ที่ไม่คิดว่าตอนท้องจะทำไปได้ไงเนี่ย!



อยากกินถั่วฝักยาวลวกจิ้มซอสมะเขือเทศ
ท้องแล้วอยาก กินอะไรแปลกได้หมด เอาถั่วฟักยาวมาจิ้มซอสมะเขือเทศแทนจิ้มกะปิก็อร่อยไปอีกแบบนะ แถมถั่วฟักยาวยังช่วยแก้อาการท้องอืด แน่นท้อง ได้ด้วย
อยากกินนกเป็ด
รายนี้มาแปลกจริงๆ แค่อยากกินนกธรรมดาก็ว่าแปลกแล้ว แต่นี่ถึงขนาดอยากกินนกเป็ด! … ไม่รู้ว่าจะได้กินจริงๆ หรือเปล่านะ
ชอบดมกลิ่นที่มันอยู่ในสายยางรดน้ำอะคะ หรือกลิ่นอับๆชื้นที่อยู่ในตู้
เชื่อ เขาไหมละขนาดตอนยังไม่ท้องจะให้หยิบสายยางหรือไปยืนหน้าตู้เสื้อผ้าเพื่อสูด ดมกลิ่นอับยังไม่คิดจะทำเลย แต่ตอนท้องนี่กลิ่นแบบนี้ทำไมรู้สึกหอม..ก็ไม่รู้สินะ
ชอบดมกลิ่นไบก้อนหรือหอมกลิ่นเท้า หอมกลิ่นของที่เหม็นๆ
คุณ แม่ท้องส่วนใหญ่จะมีปฏิกิริยาที่ตรงกันข้ามกับชีวิตจริงมาก เรื่องชอบของเหม็นตอนท้องเห็นจะเข้าวินกันหลายคน ส่วนของอย่างเช่น น้ำหอม ก็รู้สึกเหม็นพะอืดพะอมกันเลยทีเดียว แต่ทั้งนี้การดมของเหม็นอย่างพวกสารเคมีที่กลิ่นแรงๆ อาจไม่ส่งผลดีต่อลูกในท้องมากนัก ต้องหักห้ามใจเอาไว้
กินแต่ผักกาดขาวสด แช่เย็นๆ ทุกวันเป็นเดือน
เรื่อง แพ้แล้วกินผักมาก น่าจะเป็นผลดีต่อร่างกายนะคะ คุณค่าของผักกาดขาวมีแคลเซียมและวิตามินซีในปริมาณสูงที่ช่วยเสริมสร้าง กระดูก ซึ่งในช่วงท้องการกินสารอาหารที่ให้แคลเซียมจะช่วยบำรุงกระดูกได้อย่างดี
กินเผ็ดๆ มากๆ ทั้งที่ไม่เคยกินเผ็ด
บางทีตอนท้องก็ ทำให้เราได้รู้จักกับรสชาติใหม่ๆ หรืออะไรที่ไม่เคยได้กินจริงๆ แต่เรื่องกินเผ็ด การกินอาหารรสจัด ระหว่างตั้งท้องเป็นข้อควรงด เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์นะคะ
เกลียดหน้าสามี
อาการนี้อาจเกิดจากอารมณ์ที่แปรปรวน ขณะตั้งครรภ์ เกิดขึ้นจากฮฮร์โมนในร่างกายอยู่ในภาวะไม่สมดุล ทำให้มีอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ได้ ข้อนี้สามีต้องเข้าใจนะคะ

เค้กข้าวโอ๊ตกล้วยหอม เมนูง่ายๆ เพื่อสุขภาพ

           เมนูขนมเค้กนั้นถือได้ว่าเป็นเมนูที่สาวๆ อย่างเราๆ ชอบเป็นอย่างมาก รู้ทั้งรู้นะว่า หวานอ่ะ มีแป้งด้วยอ่ะ แต่ก็อร่อยอ่ะ ห้ามใจไม่ได้จริงๆ  วันนี้ Sanook! Women เลยมีเมนูเค้กกล้วยหอม แต่เป็นเค้กกล้วยหอมเพื่อสุขภาพนะ วิธีทำก็ง่ายมากๆ จะมีส่วนผสมอะไรบ้างนั้นมาดูกันค่ะ
วิธีทำ
-  เทข้าวโอ๊ตใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ (ควรเป็นถ้วยที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้)
-  นำกล้วยหอมมาบดแล้วนำไปผสมรวมกับข้าวโอ๊ตที่เตรียมไว้
-  ผสมนมสดข้าวกับโอ๊ตและกล้วยที่เตรียมไว้ คนให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
-  นำเข้าไมโครเวฟ ใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที (ระยะเวลาขึ้นอยู่กับปริมาณของส่วนผสมทั้งหมด)
-  นำออกจากถ้วยและราดหน้าด้วยน้ำผึ้ง พร้อมตกแต่งหน้าของเค้กตามความชอบ (ผลไม้ต่างๆ หรือลูกเกดก็ได้)
 
เป็นยังไงค่ะสาวๆ ง่ายมากเลยใช่ไหมละคะ ไม่ต้องมีเตาอบให้ยุ่งยาก ส่วนเรื่องรสชาติก็ดีเลยทีเดียวคล้ายกับทานเค้กกล้วยหอมที่มีส่วนผสมของแป้ง และความหวานจากน้ำตาล แต่เมนูนี้จะใช้ความหวานจากหอมกล้วยและน้ำผึ้งจากธรรมชาติแทน วัตถุก็หาซื้อได้ง่าย นำมาผสมๆ กันเข้าไมโครเวฟ ติ๊ง! เสร็จแล้วละค่ะ 

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ล้วงลึก บาร์โฮสต์ เพราะเหตุใด ผู้หญิงจึงเที่ยว

ล้วงลึก"บาร์โฮสต์" เพราะเหตุใด "ผู้หญิงจึงเที่ยว"
คุณเคยได้ยินคำว่า "บาร์โฮสต์" หรือไม่ แล้วแวบแรกที่ได้ยินคำคำนี้ คุณคิดถึงอะไร
สถานที่นี้อาจดูเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทย แต่หากพูดถึงญี่ปุ่น หรือประเทศอื่นๆ แล้ว เรียกว่าเป็นธุรกิจที่เห็นกันได้ตามสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ และปัจจุบันปรากฏการณ์นี้กำลังเข้ามาที่ไทยกันแล้ว
ทำให้นิสิตชั้นปีที่ 4 วิทยาลัยนวัตกรรมการสื่อสารสังคม มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) สาขาภาพยนตร์ 5 คน ชมพูนุท บุญจันทร์, วุฒิพงษ์ ภูศรี, ฟ้าใส ภวภูตานนท์, นิภาพร นารถเหนือ และ ยุพเรศ โภชนสมบูรณ์ เกิดความสนใจในเรื่องนี้ ลุกขึ้นมาทำหนังสารคดีสะท้อนเรื่อง "ผู้หญิงในบาร์โฮสต์" เมื่อผู้หญิงไทยนิยมเที่ยวบาร์ที่มีผู้ชายให้บริการขึ้นในเรื่อง "วันไนท์ อิน บาร์โฮสต์" โดยเปิดพื้นที่แสดงผลงานให้บุคคลทั่วไปได้ชม ณ อาคารนวัตกรรมสาโรชบัวศรี มศว

คณะผู้สร้างหนัง
ฟ้าใส ภวภูตานนท์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้ เล่าถึงเรื่องราวที่เธอลงไปเก็บข้อมูลในสถานที่จริงว่า ตอนเริ่มคิดว่าจะทำเรื่องนี้ค่อนข้างกังวล เพราะเป็นประเด็นที่อ่อนไหวของสังคม เลยพยายามมองมุมว่า "ผู้หญิงที่ไปเที่ยวเขาคิดอะไร" เมื่อไปเก็บข้อมูลก็รู้ว่า "เขาไปหาความสุขกัน" ทำให้อยากเสนอภาพ "ความสุขของผู้หญิงที่ไปเที่ยว"
ฟ้าใสเผยว่า เฉพาะในกรุงเทพฯนี้มีร้านโฮสต์อยู่ประมาณ 10 แห่ง ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น รัชดา เหม่งจ๋าย อโศก เปิดบริการมานานกว่า 20 ปี
"ร้านตกแต่งเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป มีเวทีที่จัดแสดงโชว์ของโฮสต์ตามแต่เทศกาล เช่น ลอยกระทง ฮัลโลวีน ขณะที่ร้านก็จะแบ่งเป็นโซฟาซอยๆ กันไป โดยพีอาร์จะนำโฮสต์มาให้เลือกเป็นชุดๆ ชอบใจคนไหนก็เลือก ไม่ชอบใจก็นำชุดใหม่มาให้เลือกมาบริการคนละ 1-2 คน โฮสต์เหล่านี้แต่งตัวดี หน้าตาดี เมื่อมาแล้วเขาจะดูแลหลากหลาย เช่น ป้อนผลไม้ ชวนดริงก์ เล่นเกม ดูแลอย่างดี พาไปห้องน้ำ พูดคุยปรับทุกข์ หรือแม้กระทั่งเรื่องอื่นๆ อย่างคุยเรื่องเพลง ภาพยนตร์ ทำให้ผู้หญิงรู้สึกว่าเป็นคนสำคัญ"
ส่วนค่าบริการนั้น ฟ้าใสบอกว่า หากไปกันสองคนสามคน ให้ประหยัดสุดสุดก็ต้องมีประมาณหนึ่งหมื่นบาท ทั้งค่าดริงก์ครั้งละ 300-400 บาท หรือค่าทิป อย่างผู้หญิงบางคนที่ฟ้าใสได้พูดคุยด้วยบอกว่า เที่ยวบาร์โฮสต์ใน 2-3 ปีหลังนี้ จ่ายเงินไปกว่า 3 ล้านบาท
สำหรับผู้หญิงที่มาเที่ยวบาร์โฮสต์ ฟ้าใสเล่าว่า มีทั่วๆ ไป ทุกอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นพริตตี้ หรือคนที่ได้รับเงินมาง่ายๆ ก็จะกล้าใช้เงิน
"ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เข้าไปต้องการความสุขและความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคน สำคัญบางคนมีแฟนแล้วก็ไปเหมือนสังคมที่กำลังเปิดขึ้นเท่าเทียมผู้หญิง
ก็สามารถซื้อความสุขได้แบบผู้ชาย บางคนอยากเข้ามาผ่อนคลายเพื่อความสบายใจ ก็เข้าไปเที่ยวสถานที่แบบนี้ แต่ทุกคนรู้ว่าต้องยอมจ่ายเพราะราคาค่อนข้างสูง"
ส่วนภาพความคิดว่า โฮสต์ก็คือ "ผู้ชายขายตัว" นั้น ฟ้าใสบอกว่า จากการพูดคุยกับคนรู้จักที่ทำอาชีพนี้ วงการนี้ค่อนข้างแคบ ทุกคนจะรู้กันว่าคนไหนทำงานเป็นโฮสต์บ้าง หากขายบริการทางเพศทุกคนในแวดวงจะรู้ทันที จึงไม่มีใครทำงานแบบนี้ แต่ถ้ามีก็คงเป็นเรื่องที่โฮสต์และผู้หญิงที่ไปเที่ยวจะไปตกลงกันเองนอกรอบ
"ผู้ชายส่วนใหญ่จะทำงานเก็บเงินสัก2-3ปีรายได้ต่อเดือนหากได้ดริงก์มากๆ ก็มีเงินเก็บเป็นแสนต่อเดือนได้ แต่บางคนก็ทำยาว 10 ปีก็มี และก็มีทั้งคนที่ทำเป็นงานประจำ เป็นนายแบบ ดาราตัวประกอบ และก็เป็นพนักงานออฟฟิศมารับจ๊อบก็มี แต่อาชีพแบบนี้ก็ต้องดูแลตัวเอง ให้หล่อและหุ่นดีตลอดเวลา" ปิดท้าย ฟ้าใสกล่าวว่า การนำเรื่องนี้มาทำเป็นสารคดีเพราะต้องการเปิดมุมมองใหม่ในสังคมมากขึ้น
"ให้เห็นว่าทุกวันนี้มีธุรกิจประเภทนี้อยู่ด้วยในสังคมไทย"

รู้จักกับ วอลลี่ กระต่ายแสนน่ารัก ที่กำลังดังในอินสตาแกรม

รู้จักกับ "วอลลี่" กระต่ายแสนน่ารัก ที่กำลังดังในอินสตาแกรม

นั่นตัวอะไร! เป็นคำถามที่ มอลลี่ พร็อตทาส หญิงสาววัย 30 ปี บอกว่าเธอได้ยินบ่อยๆ เมื่อใครก็ตามที่ได้เห็น "วอลลี่" เจ้ากระต่ายพันธุ์แองโกล่าวัย 10 เดือนของเธอครั้งแรก ด้วยขนาดตัวที่ใหญ่ขนยาวนุ่ม และจุดเด่นที่หูของเจ้าวอลลี่กางราวกับปีก และหางยังยาวอีกด้วย ทำให้ใครๆเห็นแล้วก็รู้สึกหลงรักในความน่าเอ็นดูของมัน
"วอลลี่เป็นกระต่ายพันธุ์แองโกล่าที่มีเอกลักษณ์ชัดมาก" มอลลี่ให้สัมภาษณ์กับสื่อ "มีกระต่ายน่ารักมากมายแชร์ภาพบนอินตาแกรม แต่ก็ไม่มีตัวไหนมีเอกลักษณ์เท่าวอลลี่"
วอลลี่ถูกนำมาเลี้ยงเมื่อปีก่อน ซึ่งเจ้าของก็บอกว่าไม่เคยรู้เรื่องกระต่ายสายพันธุ์นี้มาก่อน แต่พบว่ามันน่าทึ่งมาก ซึ่งวอลลี่เป็นกระต่ายพันธุ์ แองโกล่า โดยสายพันธุ์นี้เป็นกระต่ายขนยาวที่สุดในโลก ขนมีลักษณะอ่อนนุ่ม เป็นกระต่ายสายพันธุ์เก่าแก่ มีต้นกำเนิดมาจาก เมืองแองโกล่า
ความที่เจ้าวอลลี่นั้นก็มีแฟนคลับจำนวนหนึ่งในอินสตาแกรม ซึ่งตัวเจ้าของเองนั้นบอกว่า เธอไม่ได้เป็นสาวโซเชียลมีเดีย แต่การที่มาแชร์ภาพวอลลี่ลงอินสตาแกรมได้ไม่กี่เดือนมานี้ เพราะมีเด็กนักเรียนมัธยมที่เธอได้ทำงานด้วยแนะนำให้เธอสมัครอินสตาแกรมและ แบ่งปันภาพเจ้าวอลลี่ออกไป
"ฉันเพิ่งหัดเรียนรู้การใช้อินสตาแกรมและแฮลแท็คเมื่อไม่กี่ เดือนมานี้ซึ่งนักเรียนมัธยมที่ไปทำงานด้วยช่วยแนะนำให้ และสอนการใช้แฮชแท็กต่างๆ ซึ่งก็ตลกดีที่ในที่สุดวอลลี่ก็เป็นที่สนใจและดังขึ้นมาในโซเชียลมีเดีย"
ใครอยากรู้จักเจ้าวอลลี่ไปติดตามกันได้ที่ อินสตาแกรม @wally_and_molly

สเปรย์น้ำแร่ ตัวช่วยเรื่องผิวของสาวๆ

ถ้าพูดถึง สเปรย์น้ำแร่ เชื่อได้ว่าต้องเป็นที่คุ้นหูสำหรับสาวๆ แน่ๆ เพราะเราจะเคยได้ยินอยู่เสมอว่า ถ้าฉีดสเปรย์น้ำแร่แล้วจะทำให้เครื่องสำอางติดทนนาน แต่สาวๆ รู้ไหมค่ะ เจ้าสเปรย์น้ำแร่นั้นมีคุณสมบัติและมีประโยชน์ที่จะช่วยในการบำรุงผิวพรรณบน ใบหน้าด้วยนะ แต่จะมีอะไรบ้างนั้น  วันนี้ Sanook! Women มีเคล็ดไม่ลับมาบอกกันค่ะ
 "สาวๆ รู้ไหมคะว่าสเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้านั้นสามารถใช้เพิ่มความชุ่มชื้นและช่วยบรรเทาอาการระเคืองต่อผิวได้ด้วยนะ แต่! เมือฉีดน้ำแร่ลงบนหน้าแล้ว เราไม่ควรปล่อยน้ำแร่ให้ซึมเข้าสู่ผิวหนังเอง เพราะจะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้นกว่าเดิมที่ควรจะได้รับความชุ่มชื้นแบบ เต็มๆ"
ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.agirlsgottaspa.com/2012/11/diy-face-spritzermakeup-refresher/
ส่วนประกอบของสเปรย์น้ำแร่ ฉีดหน้าหลักๆ นั้นจะเป็นน้ำแร่จากน้ำพุร้อนธรรมชาติ ซึ่งอุดมไปด้วยสารที่สามารถช่วยในการระงับการเติบโตของเชื้อโรค เช่น สารแอนตี้ออกซิแดนท์ และยังมีแร่ธาตุอย่างโพแทสเซียม คอปเปอร์ ซิงค์ ฟูลออไรด์ ซิลเวอร์ เซเลเนียม และแมกนีเซียม ซึ่งทำหน้าที่เสมือนเป็นฟิล์มบางๆ เคลือบผิวเอาไว้ค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบ :  http://www.sheknows.com/beauty-and-style/articles/1009385/5-do-it-yourself-facial-mists-for-softer-skin
ซึ่งคุณประโยชน์หลักๆ นั้น สเปรย์ฉีดน้ำแร่จะช่วยเพิ่มความชุ่ม ชื้นลดการระคายเคืองต่อผิวหน้า ช่วยลดริ้วรอยชะลอความแก่ของผิวหนัง ช่วยให้ผิวมีความผ่อนคลาย ช่วยกระชับรูขุมขน และถ้าหากใช้หลังจากล้างหน้าเสร็จยังจะช่วยเก็บรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว ถือเป็นการทำความสะอาดผิวได้อย่างล้ำลึกเลยทีเดียวค่ะ
การใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า นั้น ควรฉีดน้ำแร่ให้ห่างจากใบหน้าราวๆ ประมาณ 1 ฟุต ฉีดให้ทั่วใบหน้า หลังจากฉีดพ่นสเปรย์น้ำแร่ลงบนใบหน้าแล้ว ปล่อยทิ้งเอาไว้ประมาณ 30 วินาที แล้วควรใช้กระดาษเช็ดหน้าซับเอาน้ำแร่บนใบหน้าออก ไม่ปล่อยให้น้ำซึมเองตามธรรมชาติ เพราะถ้าหากปล่อยเอาไว้ให้ซึมเข้าผิวหน้าเอง น้ำส่วนเกินที่เกิดขึ้นมาบนใบหน้าก็จะพาเอาความชุ่มชื้นจากใบหน้าไปด้วย
ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.alyssaandcarla.com/2014/08/14/diy-refreshing-face-mist/
เป็นยังไงกันบ้างคะ สาวๆ คุณประโยชน์ของน้ำแร่นั้นมีมากกว่าการช่วยให้เครื่องสำอางติดทนนานอีกใช่ไหม ละคะ รอช้าไม่ได้แล้วละ ต้องไปหาซื้อมาพกติดกระเป๋าไว้ซักกระป๋องแล้วละค่ะ

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ลา โรช-โพเซย์ เอฟฟาคลาร์ ดูโอ [+] มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว

ลา โรช-โพเซย์ เอฟฟาคลาร์ ดูโอ [+] มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ช่วยลดปัญหาการอุดตันรูขุม พร้อมลดปัญหาผิวและลดรอยที่เกิดจากการเป็นสิว

ข้อแนะนำ: เหมาะสำหรับผิวมันที่มีปัญหาสิวอุดตันและความมันส่วนเกิน ดูแลและเสริมประสิทธิภาพการดูแลผิว เพื่อให้ผิวเรียบเนียนขึ้นและลดปัญหาสิวอุดตัน และผสาน ProceradTM ช่วยลดปัญหาการเกิดรอยดำและรอยแดงที่เกิดจากสิว
นวัตกรรมใหม่ ลดรอยดำและรอยแดงจากสิวด้วยส่วนผสมประสิทธิภาพ ProceradTM ช่วยลดปัญหา การเกิดการเกิดรอยดำและรอยแดงจากสิว
หลังการใช้ 24 ชั่วโมงรอยแดงจากสิวดูลดเลือนลง
หลังการใช้ 8 วัน รอยจากสิวลดลง
หลังการใช้ 4 สัปดาห์ การอุดตันรูขุมขนดูลดลง ผิวดูเรียบเนียนสวย และช่วยควบคุมความมันส่วนเกินบนใบหน้า**

วิธีใช้:
ทาให้ทั่วใบหน้า เช้า และ/หรือ เย็น หลังการทำความสะอาดผิวด้วยเอฟฟาคลาร์ คลีนซิ่ง เจล
คำเตือน : ห้ามใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี
ราคา ปริมาณสุทธิ 40 มล. 990 บาท

ร่วมพิสูจน์ เอฟฟาคลาร์ ดูโอ [+]
มอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิว ช่วยลดปัญหาการอุดตันรูขุมขน รักษาสิวอักเสบ ได้แล้ววันนี้
ที่ ร้านบูท, วัตสัน, เคาน์เตอร์ ลา โรช-โพเซย์ ณ โรงพยาบาลต่างๆและร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ
หรือ http://www.lazada.co.th/la-roche-posay-thailand ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกได้ที่ www.larocheposay-th.com

EFFACLAR K (+)
ลา โรช-โพเซย์ ขอแนะนำ เอฟฟาคลาร์ เคพลัส
เจลฟลูอิดบำรุงผิว สูตรใหม่ พร้อมช่วยลดการอุดตันของรูขุมขน
สูตรปรับปรุงใหม่ของผลิตภัณฑ์เพื่อลดความมันส่วนเกินและควบคุมความชื้นบนใบหน้าได้ยาวนาน

ทีมวิจัย ลา โรช-โพเซย์ ได้ค้นคว้าวิจัย และแสดงให้เห็นว่า สภาวะแวดล้อมภายนอก (มลภาวะ, ฝุ่นละออง) มีผลทำให้ผิวมันและเกิดสิว เนื่องมาจากเกิดการออกซิเดชั่น กระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันส่วนเกิน, การเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วของแบคทีเรีย และการผลิตเคราตินที่มากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดความบกพร่องบนผิวและการเกิดสิวใหม่ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ เอฟฟาคลาร์ เค(+) จาก ลา โรช-โพเซย์ ผลิตภัณฑ์เพื่อการดูแลผิวประจำวัน ได้ผสาน LHA กับ แอร์ลิเซียมTM และ สารแอนตี้-ออกซิแดนท์ เพื่อประสิทธิภาพการลดความมันส่วนเกินและลดความชื้นบนใบหน้า

ข้อแนะนำ: เหมาะสำหรับผิวผสมและผิวมัน ที่มีปัญหาสิวอุดตัน ผิวที่ไม่สม่ำเสมอ มีความมันส่วนเกิน หรือผิวที่รู้สึกสกปรกระหว่างวัน

ผลหลังการใช้

เพียงครั้งแรกที่ใช้: รู้สึกผิวสะอาด สดชื่น เสมือนผิวได้รับการดีท๊อกซ์

หลังการใช้ 1 เดือน:
ผิวแลดูเรียบเนียนสดใส รูขุมขนกระชับและการอุดตันลดลง ลดปัญหาการเกิดซ้ำ*ของสิวอุดตัน ไม่ทิ้งร่องรอยบกพร่องบนผิว

เนื้อผลิตภัณฑ์ เนื้อฟลูอิดซึมซาบเร็ว ให้ความสดชื่น ไม่มัน ให้ความชุ่มชื่นสบายผิวยาวนานตลอดวัน

วิธีใช้ ทาทั่วใบหน้าทุกเช้า และ/หรือเย็น เป็น Make-up baseได้อย่างดีเยี่ยม สูตร Non-Comedogenic

ราคา: ปริมาณสุทธิ 30 มล. 990 บาท

ร่วมพิสูจน์ เอฟฟาคลาร์ เค (+)
เจลฟลูอิดบำรุงผิวพร้อมช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ลดการอุดตันของรูขุมขน ได้แล้ววันนี้
ที่ ร้านบูท, วัตสัน, เคาน์เตอร์ ลา โรช-โพเซย์ ณ โรงพยาบาลต่างๆและร้านขายยาชั้นนำทั่วประเทศ
หรือ http://www.lazada.co.th/la-roche-posay-thailand ข้อมูลเพิ่มเติมสามารถคลิกได้ที่ www.larocheposay-th.com

น้องสาวจะหดหรือฝืดไปมั้ยถ้าไม่ได้ใช้งานนาน?

ในชีวิตจริงการทำกิจกรรมใดๆอย่างต่อเนื่องถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เช่นการออกกำลังกายบ่อยก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ถ้ามองมาที่ประเด็นเกี่ยวกับเซ็กส์แล้ว โฟกัสมาที่น้องสาวของผู้หญิงหากไม่ได้ถูกใช้งาน จะหดหรือฝืดไปหรือไม่ ChicMinistry จะพาไปหาคำตอบครับ

Jennifer Wider ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของ ผู้หญิงบอกว่าผู้คนมักคิดกันไปเองว่าผู้หญิงที่ไม่ได้มีเซ็กส์เป็นเวลานาน หรือมีเซ็กส์น้อยครั้ง น้องสาวจะฝืดหรือไม่สมูธเท่าที่ควรเมื่อเวลามีเซ็กส์ จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันนะครับ
เหตุผลก็คือกล้ามเนื้อบริเวณน้องสาวสามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งโดยปกติการเปลี่ยนแปลงของน้องสาวนั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะสองเหตุการณ์เท่า นั้นคือหลังจากคลอด และจะใช้เวลา 6 เดือนเพื่อกลับมาเป็นปกติ อย่างที่สองคือเมื่ออายุเยอะขึ้น ระดับฮอร์โมนก็จะลดลงและทำให้ความยืดหยุ่นลดลงไปด้วย แต่เราสามารถบรรเทาได้โดยการออกกำลังกายแบบ Kegel หรือออกกำลังกายระบบทางเดินปัสสาวะ
สรุปแล้วการที่น้องสาวของคุณหดตัวหรือฝืดเวลามีเซ็กซ์ไม่ได้เกิดผลเสีย แต่อย่างใด เพื่อให้การสอดใส่ไหลลื่นขึ้น ควรมีการเล้าโลมก่อนมีเซ็กซ์เพื่อช่วยให้น้องสาวขยายตัวและยืดหยุ่นกว่าเดิม ครับ

ทำไมผู้ชายชอบเคารพธงชาติในตอนเช้า?

สำหรับคุณผู้หญิงที่ยังสงสัยว่าทำไมเจ้าหนูของแฟนหนุ่มชอบลุกขึ้นเคารพธงชาติในตอนเช้า ChicMinistry เลยมาอธิบายให้ฟังว่า การแข็งตัวของอวัยวะเพศชายในตอนเช้านั้นเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย ในทางวิทยาศาสตร์เรียกว่า Morning Erection ซึงจะเกี่ยวกับระดับฮอร์โมนเพศชายในร่างกายที่เรียกว่าเทสโทนเตอโรน (Testosterone) ส่วนการสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนนั้นจะได้รับการควบคุมโดยต่อมใต้สมองที่มี ชื่อว่า FSH (Follicle-stimulating Hormone) ไปกระตุ้นอีกที

โดยปกติแล้วในช่วงเวลาประมาณตี 4 ถึง 7 โมงเช้า ผู้ชายทุกคนจะมีการแข็งตัวขององคชาติตามวงจรการนอน หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Sleep Cycle คืนหนึ่งจะมีการแข็งตัวประมาณ 3-5 ครั้ง แต่ละครั้งจะกินเวลา 25-35 นาที โดยเฉพาะช่วงตี 5 ถึงสายๆ เพราะ FSH จะสั่งให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมากขึ้น ยิ่งส่งเสริมให้มีการแข็งตัวเพิ่มขึ้น อีกอย่างการที่กระเพาะปัสสาวะเต็ม ทำให้เกิดอาการคั่ง และแข็งตัวตามลำดับด้วย
ส่วนใหญ่แล้วการแข็งตัวในตอนเช้าจะไม่เกี่ยวกับความต้องการทางเพศแต่ อย่างใด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสิ่งยั่วยุรอบข้างด้วย ถ้าเป็นผู้ชายที่กำลังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ หรือข้างกายมีแฟนสาวนอนอยู่ ก็อาจจะโดนยั่วยุได้
ถ้าบอกว่าการแข็งตัวเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย แล้วคนที่องคชาติไม่แข็งตัวล่ะ จะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับอายุและสุขภาพของคนๆนั้นด้วยนะครับ เด็กหนุ่มจะแข็งตัวบ่อยกว่าคนที่มีอายุแล้ว
พอไขข้อข้องใจได้แล้วใช่มั้ยครับ เอาไว้มีเรื่องใต้สะดืออะไรที่สงสัยกันบ่อยๆ ChicMinistry จะกลับมาเล่าให้ฟังใหม่เนาะ

5 สิ่งที่ต้องทำยามเพื่อนรักอกหัก!

อาจเป็นเพราะในอดตีผู้้ขียนเองอกหักจนช่ำชอง เลยมีเพื่อนสาวมาถามวิธีคลายความเศร้าจากอาการอกหักอยู่เรื่อยๆ และล่าสุดมีเพื่อนรักคนหนึ่งมาถามว่า มีเพื่อนสาวอกหักควรพาไปไหนดี ก็ได้แนะนำกันไปตามประสบการณ์ตรง พอแนะนำไปก็มีความคิดอยากจะมาแนะนำสาวๆ หรือใครก็ตามที่มีเพื่อนอกหักอยู่ เผื่อจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง ด้วย 5 วิธีง่ายๆแต่ใช้ได้จริงดังต่อไปนี้!
mending-a-broken-heart_19-140143
พานางไปสถานที่ใหม่ๆ
ยิ่งเพื่อนรักเพิ่งอกหักมาหมาดๆ ยังเป็นแผลสด ควรพาไปเปิดหูเปิดตาในสถานที่ใหม่ๆที่นางไม่เคยสัมผัส พานางไปเห็นโลกกว้างบ้าง อย่าพาไปในที่ที่เคยมีความหลังครั้งเก่ากับคนรักของนางเด็ดขาด การพบเจอสิ่งใหม่ๆโดยที่เราชวนคุยเรื่องเบาสมอง หรือชวนทำกิจกรรมในสถานที่นั้นๆจะช่วยลดความฟุ้งซ่านในมโนสำนึกของนางได้
พาไปทำบุญบ้านเด็กกำพร้า หรือบ้านพักคนชรา
การพาไปทำบุญในสองสถานที่นี้ นางจะได้เห็นว่ามีคนที่น่าสงสาร เฝ้ารอความรักอยู่มากมาย อย่างเด็กกำพร้า เขาเหล่านี้ไม่รู้แม้กระทั่งว่าใครคือผู้ให้กำเนิด แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ คนชราก็เช่นกัน ท่านมีชีวิตอยู่เพื่อเฝ้ารอลูกหลานให้กลับมาหา การที่พาเธอไปในสถานที่เหล่านี้จะทำให้นางรู้ว่า นางแค่อกหัก แต่นางไม่ได้สิ้นไร้คนรักรอบกาย นางโชคดีที่ยังได้อาศัยในบ้านส่วนตัว ไม่ถูกจำกัดอิสรภาพ และยังมีพ่อแม่ และเพื่อนพ้องมอบความรักให้ ทำให้นางเห็นความโชคดีตรงนี้แล้วนางจะมีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น
พาไปทำบุญบริจาคโลงศพ หรือพาไปดูการทำงานของกู้ภัย
ข้อนี้ควรพาไปอย่างยิ่ง ถ้าไปทำบุญบริจาคโลงศพ ต้องไปในที่ที่จะมีภาพการทำงานของมูลนิธิหรือหน่วยกู้ภัยตั้งวางไว้ด้วย เพราะในนั้นจะมีภาพศพ การเก็บศพ (หรือจะพาไปดูการทำงานของกู้ภัยจริงๆเลยยิ่งดี) ให้นางเห็นภาพชัดๆเลยนะคะ แล้วบอกนางด้วยว่า ท้ายที่สุดของชีวิตคนเราจะชั่วดีมีจนยังไงก็ต้องเป็นศพด้วยกันทุกคน ขนาดร่างกายเรา เรายังยื้อเอาไว้ไม่ได้ แล้วทำไมถึงจะไปยึดว่าคนรักจะต้องเป็นของเรา อยู่กับเราตลอดไปล่ะ การสอนแบบมีภาพประกอบแบบนี้จะทำให้นางเข้าใจสัจธรรมชีวิตมากขึ้น และทุเลาจากอาการยึดมั่นถือมั่นในตัวคนรักได้
พานางไปทำกิจกรรมจิตอาสา
การที่พานางไปทำอะไรเพื่อคนอื่นบ้าง ฝึกการเป็นผู้ให้โดยไม่หวังอะไรตอบแทน การทำกิจกรรมเพื่อคนอื่นแบบนี้จะทำให้นางรู้สึกมีคุณค่า และรักตัวเองมากขึ้น ส่วนใหญ่ที่คนอกหักรู้สึกแย่ เป็นเพราะรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า และไม่ค่อยรักตัวเองเท่าที่ควร ดังนั้นกิจกรรมนี้จะช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจพวกนางให้ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ส่งลิงก์ในยูทูปที่พระท่านเทศนาเรื่องการปล่อยวาง
หลังจากทำ 4 ข้อข้างต้นแล้ว ปิดท้ายด้วยการส่งลิงก์ในยูทูปที่พระหลายๆรูปท่านได้เทศนาไว้มากมายเรื่อง การปล่อยวาง และถ้ากลัวนางไม่ฟังแอบขู่นางนิดหน่อยก็ได้ว่า “ถ้ายังเห็นแก่มิตรภาพของคำว่าเพื่อน ช่วยฟังลิงก์ที่เราส่งไปด้วยนะ” ถ้านางยอมฟัง นางจะคลายความเสียใจจากอาการอกหักลงไปได้มากโขเลยค่ะ แถมคุณเองยังได้บุญอีกด้วยที่ได้ส่งต่อธรรมะให้คนที่กำลังเป็นทุกข์
               ในวันที่เพื่อนแย่ แต่เพื่อนแท้จะไม่ทิ้งเพื่อนไปไหน หวังว่า 5 ข้อนี้จะช่วยให้คุณดึงเพื่อนรักออกจากความเศร้าได้โดยเร็วนะคะ:)

วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อันตรายมั้ย? มารู้จัก-ป้องกัน ไวรัสเมอร์ส โรคที่กำลังระบาด

เพจเฟซบุ๊ก สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) EMIT_1669 ได้เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ "ไวรัสเมอร์ส" ที่กำลังระบาดอยู่ในเกาหลีใต้ขณะนี้ โดยระบุว่า ไวรัสเมอร์ยังมีการใช้ยาต้านไวรัสค่อนข้างจำกัด และยังไม่มียาต้านไวรัสจำเพาะต่อเชื้อนี้ในการรักษา จึงทำได้เพียงให้การรักษาตามอาการ ผู้ป่วยมักมีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส มีอาการไอหอบ หายใจลำบาก ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจมีอาการในระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลันอย่างรุนแรง
โดยสเตตัสดังกล่าว ระบุไว้ดังนี้
ในรอบหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายคนก็คงจะได้ยินชื่อโรคแปลก ๆ อยู่โรคหนึ่ง นั่นคือ “โรค MERS-CoV
(เมอร์ส-คอ ฟ) โรคที่หลายคนก็คงจะสงสัยว่าเป็นโรคอะไร มีอันตรายอย่างไรต่อคน และเราสามารถหลีกเลี่ยงการรับเชื้อได้อย่างไรกันบ้าง วันนี้เรามีสาระความรู้เรื่องนี้มาฝากค่ะ
โรค MERS-CoV (เมอร์ส-คอฟ) ย่อมาจากคำว่า Middle East Respiratory Syndrome หรือกลุ่มอาการโรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง เกิดจากการติดเชื้อในกลุ่ม โคโรน่าไวรัส (Coronavirus: CoV) ทำให้ชื่อย่อของเชื้อโรคนี้ในภาษาอังกฤษ จึงใช้คำว่า MERS-CoV นั่นเอง
โคโรน่าไวรัสเป็น RNA ไวรัส ที่สามารถก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจและระบบทางเดินอาหาร (ซึ่งส่วนมากแล้วอาการน้อยและบางครั้งอาจรุนแรงมาก) หากยังจำกันได้ เมื่อปี ค.ศ. 2002-2003 ขณะนั้นมีโรคซาร์ส โคโรน่าไวรัส (SARS Coronavirus) เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ขอบคุณภาพประกอบจาก โรงพยาบาลสมิติเวช
แต่การติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่ล่าสุด พบว่ามีการรายงานครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2555 ที่ประเทศซาอุดีอาระเบีย ต่อมาเชื้อได้แพร่กระจายไปยังประเทศใกล้เคียง ได้แก่ การ์ตา จอร์แดน ฝรั่งเศส อิตาลี และ ตูนิเซีย เดิมทีเราเรียกไวรัสชนิดนี้ว่า “โนเวล โคโรน่า ไวรัส: Novel Corona virus) แต่ในปัจจุบัน องค์การอนามัยโลกได้ใช้ชื่อเรียกใหม่ว่า Middle East Respiratory Syndrome Coronavirus หรือ โรค MERS-CoV (เมอร์ส-คอฟ) ที่สามารถพบการติดเชื้อได้ในทุกกลุ่มอายุ ซึ่งส่วนใหญ่มักพบในผู้ใหญ่ และมีอัตราการเสียชีวิตราวร้อยละ30 (ข้อมูล ณ วันที่ 24 เมษายน 2557) ความสำคัญของการพบโรคนี้ก็คือ นอกจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงแล้ว ยังพบการแพร่กระจายจากคนสู่คน โดยเฉพาะบุคคลที่อาศัยภายในบ้านเดียวกันนั่นเอง
อาการที่สังเกตได้ คือ มักพบได้ตั้งแต่ไม่มีอาการจนถึงมีอาการรุนแรงแล้ว ซึ่งผู้ป่วยมักมีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส มีอาการไอหอบ หายใจลำบาก ในรายที่อาการรุนแรงพบว่าผู้ป่วยจะมีอาการแย่ลงอย่างรวดเร็วภายใน 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ผู้ป่วยอาจมีลักษณะของกลุ่มอาการในระบบทางเดินหายใจล้มเหลวเฉียบพลันอย่าง รุนแรง คือมีอาการหอบเหนื่อยตามความรุนแรงของภาวะขาดออกซิเจน
แนวทางการรักษา เนื่องด้วยโรคนี้เป็นโรคอุบัติใหม่ ทำให้ข้อมูลการใช้ยาต้านไวรัสค่อนข้างจำกัด และยังไม่มียาต้านไวรัสจำเพาะต่อเชื้อนี้ในการรักษา จึงทำได้เพียงให้การรักษาตามอาการและการรักษาแบบประคับประคอง จนกว่าการอักเสบในระบบทางเดินหายใจจะลดน้อยลงจนหายเป็นปกติดี
สำหรับการป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อ ถือว่ามีความสำคัญมากที่สุด เพราะเรายังไม่มียาที่ใช้ทำลายเชื้อนี้ได้ ดังนั้น เมื่อมีอาการไข้สูง ไอ หอบ หายใจเร็ว ก็ควรให้ผู้ป่วยสวมผ้าปิดปาก-จมูก และมาพบแพทย์พร้อมแจ้งเจ้าหน้าที่หากมีประวัติเดินทางไปประเทศที่มีการระบาด ของเชื้อ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย การ์ตา จอร์แดน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อังกฤษ ฝรั่งเศส ตูนิเซีย เยอรมนี อิตาลี โอมาน คูเวต มาเลเซีย กรีซ และฟิลิปปินส์ ส่วนผู้ที่อยู่ใกล้ชิด ก็ให้สวมหน้ากากอนามัย และหมั่นรักษาความสะอาดมือ ทั้งผู้ป่วยเองและคนรอบข้างกันด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก : ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์กำธร มาลาธรรม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี และอาจารย์ประจำภาควิชา อายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ขอบคุณภาพประกอบจาก : โรงพยาบาลสมิติเวชค่ะ

คอเคเซียนเชพเพิร์ด นี่หมา หรือหมี

“คอเคเซียนเชพเพิร์ด" นี่หมา หรือหมี ! หนักร้อยกว่า ราคาล้านเศษ มาให้สัมผัสตัวเป็นๆ
ถ้าเริ่มด้วยคำถามว่า ในชีวิตนี้เคยเจอสุนัขตัวใหญ่ที่สุด ใหญ่แค่ไหน? หนักกี่กิโลกรัม ?
และถ้าจะบอกว่า มีสุนัขตัวใหญ่ หนักกว่า 100 กิโลกรัม มาให้เล่น ตัวเป็นๆ ล่ะ น่าสนใจมั้ย?
นี่เลย…. สุนัข 3 สายพันธุ์ยักษ์

คอเคเซียนเชพเพิร์ด" เป็นสุนัขสูงใหญ่โตเต็มวัยน้ำหนักกว่า100กิโลกรัมกล้ามเนื้อและกระดูกแข็ง แรงขนหนา นิสัยของสุนัขพันธุ์นี้ฉลาดสุขุมไหวพริบดีตาหูไว กล้าหาญ ซื่อสัตย์ ไม่อืดอาด กินไม่จุ รัก และหวงเจ้าของ ราคาโตเต็มวัยราว 1 ล้านบาท


ส่วนตัวนี้ “ทิเบตันแมสติฟฟ์” เป็นสุนัขพันธุ์เก่าแก่มีถิ่นกำเนิดในทิเบตแต่ก่อนมีความเชื่อด้วยว่าเป็นสัตว์ที่ศักดิ์สิทธิ์ชาวบ้านใช้เฝ้าฝูงแกะฝูงจามรีบนภูเขามีความซื่อสัตย์จงรักภักดีต่อเจ้าของมากราคาหลายแสนถึงล้านบาท

และสุดท้าย "ซามอยด์" มีถิ่นกำเนิดในแถบไซบีเรีย ประเทศรัสเซีย แรกเริ่มนั้นเป็นหมาป่านิสัยเปลี่ยนไปเมื่อเริ่มมาเป็นสัตว์เลี้ยง เป็นมิตรกับทุกคนปัจจุบันมีสีขาวสีเดียว ราคาเริ่มต้นหลักแสน
สุนัขทั้ง3สายพันธุ์นี้ จะมา รวมตัวกัน ให้จับให้ลูบเล่นตัวเป็น ๆ ในงาน “ซุปตาร์ 4 ขา น้องหมาทำเงิน” ที่จัดขึ้นในวันพฤหัสบดี ที่ 4 มิถุนายน 2558 ที่มติชนอคาเดมี่ ประชานิเวศน์ 1 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
นอกจากโชว์สุนัขยักษ์ใหญ่ใจดี ทั้ง 3 สายพันธุ์แล้ว ยังมีงานเสวนา น่ารู้ ธุรกิจน้องหมา ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจบริการลิมูซีน เพื่อสัตว์เลี้ยง // อาหารน้องหมาที่รังสรรค์โดยฟู้ดส์สไตลิสต์ ที่จะมาสาธิตการทำอาหารน้องหมาที่น่าทึ่งสุดๆ //รวมทั้ง การพูดคุยกับ เจ้าของสารพัดธุรกิจสัตว์เลี้ยง

น้องสาวจะหดหรือฝืดไปมั้ยถ้าไม่ได้ใช้งานนาน?

ในชีวิตจริงการทำกิจกรรมใดๆอย่างต่อเนื่องถือว่าเป็นสิ่งที่ดี เช่นการออกกำลังกายบ่อยก็ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ถ้ามองมาที่ประเด็นเกี่ยวกับเซ็กส์แล้ว โฟกัสมาที่น้องสาวของผู้หญิงหากไม่ได้ถูกใช้งาน จะหดหรือฝืดไปหรือไม่ ChicMinistry จะพาไปหาคำตอบครับ

Jennifer Wider ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพของ ผู้หญิงบอกว่าผู้คนมักคิดกันไปเองว่าผู้หญิงที่ไม่ได้มีเซ็กส์เป็นเวลานาน หรือมีเซ็กส์น้อยครั้ง น้องสาวจะฝืดหรือไม่สมูธเท่าที่ควรเมื่อเวลามีเซ็กส์ จริงๆแล้วเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันนะครับ
เหตุผลก็คือกล้ามเนื้อบริเวณน้องสาวสามารถยืดหยุ่นได้ ซึ่งโดยปกติการเปลี่ยนแปลงของน้องสาวนั้นจะเกิดขึ้นเฉพาะสองเหตุการณ์เท่า นั้นคือหลังจากคลอด และจะใช้เวลา 6 เดือนเพื่อกลับมาเป็นปกติ อย่างที่สองคือเมื่ออายุเยอะขึ้น ระดับฮอร์โมนก็จะลดลงและทำให้ความยืดหยุ่นลดลงไปด้วย แต่เราสามารถบรรเทาได้โดยการออกกำลังกายแบบ Kegel หรือออกกำลังกายระบบทางเดินปัสสาวะ
สรุปแล้วการที่น้องสาวของคุณหดตัวหรือฝืดเวลามีเซ็กซ์ไม่ได้เกิดผลเสีย แต่อย่างใด เพื่อให้การสอดใส่ไหลลื่นขึ้น ควรมีการเล้าโลมก่อนมีเซ็กซ์เพื่อช่วยให้น้องสาวขยายตัวและยืดหยุ่นกว่าเดิม ครับ

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

เตือนภัย!!! หญิงอ้วนเข้าสู่วัยทองสุ่มเสี่ยงเกิดมะเร็งเต้านม

เตือนภัย!!! หญิงอ้วนเข้าสู่วัยทองสุ่มเสี่ยงเกิดมะเร็งเต้านม
"มะเร็งเต้านม" ถือว่าเป็นภัยเงียบสำหรับผู้หญิงที่ คร่าชีวิตไปแล้วเป็นจำนวนมาก และยังถือว่าเป็นโรคร้ายแรงในอันดับต้นๆ ของการสูญเสียชีวิตในผู้หญิงทั่วโลกอีกด้วย มะเร็งเต้านมจะเกิดที่ต่อมน้ำนมหรือท่อน้ำนม นอกจากนี้แล้วความเป็นอยู่การใช้ชีวิตประจำวัน หรือการรับประทานอาหารก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการเกิดโรคดังกล่าวได้ ด้วยเช่นกัน

ผศ.พญ.เยาวนุช คงด่าน ผู้อำนวยการศูนย์ Breast Center โรงพยาบาลเวชธานี ได้แนะนำวิธีการดูแลตัวเองอย่างไรให้ห่างไกลจากมะเร็งเต้านมว่า เรื่องรับประทานอาหารถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เพราะถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมัน และเนื้อเป็นจำนวนมาก จะมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน หากเราเลือกรับประทานที่มีความหลากหลาย โดยเฉพาะปลา รวมถึงการออกกำลังกายที่สม่ำเสมอก็จะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงได้ นอกจากนี้แล้วคนที่มีรูปร่างอ้วน ก็จะเป็นอีกปัจจัยหนึ่งของความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมด้วยเหมือน กัน โดยเฉพาะคนอ้วนที่กำลังเข้าสู่วัยทองจะมีความเสี่ยงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
คนอ้วนที่กำลังเข้าสู่วัยทองต้องเริ่มดูแลตัวเองและเข้ารับการตรวจมะเร็ง เต้านมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้มีการลุกลามไปในระยะที่ร้ายแรง ขณะเดียวกันคนผอมก็สามารถเป็นได้แต่จะมีความเสี่ยงน้อยกว่าคนอ้วนเท่านั้น เอง ถ้าเราไม่ควบคุมอาหารก็จะทำให้เกิดเป็นโรคดังกล่าวได้
ทั้งนี้สาเหตุของการเกิดมะเร็งเต้านมโดยหลัก ๆ เกิดจากเซลล์จากตัวน้ำนมหรือต่อมน้ำนม ท่อน้ำนมที่มันแบ่งตัวผิดปกติ ประมาณสัก 5% เกิดจากกรรมพันธุ์ ถ่ายทอดจาก พ่อ แม่ มาสู่ลูก ส่วนอีก 90% นี้เกิดจากเซลล์ในตัวเราที่มีการเปลี่ยนแปลงอาจจะด้วยปัจจัย สิ่งแวดล้อม มลพิษ สารพิษ จากอาหารจากอะไรที่เราทานเข้าไป หรือจากฮอร์โมน ที่เราใช้เป็นระยะเวลานาน ๆ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวเอง ซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวเหมือนตัววัดความเจริญของประเทศ ถ้าประเทศเราเจริญ กินดี อยู่ดีมะเร็งเต้านมก็จะเยอะขึ้นไปด้วย
ในปัจจุบันการผ่าตัดมะเร็งเต้านม แพทย์จะนำเทคนิคของศัลยกรรมตกแต่งเข้ามาช่วย เพราะหลังจากตัวตัวมะเร็งร้ายออกไปแล้ว เต้านมอาจผิดรูป หรือเหลือเนื้อเต้านมนิดเดียว แพทย์จะพยายามนำเทคนิคของศัลยกรรมตกแต่ง โดยการขยับไขมันข้าง ๆ เข้ามาเติมเต็มส่วนที่เนื้อเต้านมบุ๋มลงไป ทำให้เต้านมเหมือนเดิม และมีความสวยงามขึ้นด้วย ถ้าเป็นมะเร็งเต้านมระยะเบื้องต้น แพทย์จะทำการผ่าตัดแบบเก็บเต้านม ชึ่งต้องมีการฉายแสงร่วมด้วยเสมอ การฉายแสงไม่น่ากลัวเหมือนสมัยก่อน ในสัยก่อนถ้าคนไข้โดนฉายแสงจะรู้สึกกลัว สิ้นหวัง ต่างจากปัจจุบันที่เราใช้ในการรักษาผู้ป่วยระยะต้นเพื่อป้องกันการกลับเป็น ซ้ำ
นอกจากการผ่าตัดแล้วยังมีการรักษาด้วยยาเคมี ฮอร์โมนหรือตัวยาเฉพาะเจาะจงกับชนิดมะเร็ง หลังจากการผ่าตัดแล้ว การดูแลรักษาต้องพักผ่อนให้เต็มที่ ออกกำลังให้สม่ำเสมอ กินอาหารที่ดีมีประโยชน์ให้หลากหลาย ทำจิตใจให้สดใส แค่นี้ก็จะสามารถทำให้เราใช้ชีวิตกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว
ทั้งนี้การปรับไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวันของตัวเอง ในเรื่องของอาหารการกินที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย ทำจิตใจให้แจ่มใสแค่นี้ก็สามารถห่างไกลจากมะเร็งร้ายได้ และที่สำคัญถ้าเป็นแล้วโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือมีเครื่องมือที่ครบ รวมถึงทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็จะทำให้เรามั่นใจในการผ่าตัดได้ในระดับหนึ่ง

ดร.ตุ๊ก วิมลเรขา เส้นทางชีวิตนางเอก ทนาย และครูในหุบเขา

หลายๆ คนอาจคุ้นกับชื่อนี้ แต่หลายคนอาจจำไม่ได้แล้วว่าเธอคืออดีตนางเอกละครคนหนึ่งของวงการบันเทิงบ้านเรา
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ "ตุ๊ก วิมลเรขา ศิริชัยราวรรณ" เลือกที่จะทิ้งวงการบันเทิงที่ใครต่อใครใฝ่ฝัน และอยากเข้ามาเป็นสมาชิก และเลือกที่จะใช้ชีวิตบนเส้นทางของการเป็นผู้ให้ โดยไม่แยแสสิ่งล่อใจในรูปชื่อเสียงเงินทอง  

เริ่มเข้าสู่วงการบันเทิง
ตุ๊ก วิมลเรขา เข้า สู่วงการเมื่อปี 2538 โดยในช่วงนั้นอดีตนางเอกเพิ่งจบปริญญาตรี คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสอบตั๋วทนายผ่าน สามารถเป็นทนายเต็มตัวได้แล้ว แต่ยังไม่มีใครทราบ ในช่วงเดียวกันก็มีโอกาสได้พาเพื่อนไป Casting คัดนักแสดง แต่จับพลัดจับผลู กลายเป็นตัวเองที่ได้งาน โดยประเดิมละครเรื่องแรกคือ "ขุนศึก" ละครฟอร์มยักษ์ในยุคนั้น
เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอต่อจากนั้น ตุ๊ก วิมลเรขา มีโอกาสสัมผัสกับ งานพิธีกร อาทิ รายการบ้านเลขที่ 5, พากินพาเที่ยว, ท้าเที่ยวไทย, ลุ้นข้ามโลก ฯลฯ ได้มีโอกาสเห็นและสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ได้ไปดูสถานที่ Unseen Thailand ทั่วประเทศไทย หลังจากนั้นได้กลับมาเรียนต่อเนติบัณฑิต ต่อด้วยปริญญาโทและปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยเดิม จนจบเป็นด็อกเตอร์ ในปัจจุบัน

ความเป็นมาของฉายา “ทนายดารา”
“ผู้ใหญ่ในวงการสื่อ พี่ต้อย-แอคเน่อร์ เป็นคนตั้งฉายาสะกิดหูนี้ให้ค่ะ คงเพราะเราเป็นดาราด้วย เป็นทนายด้วย แล้วแปลกกว่าดาราท่านอื่นในรุ่นนั้น ตรงที่ได้มีโอกาสผสมผสานงานกฎหมายและงานบันเทิงเข้าด้วยกัน ในช่วงที่กลับมาเรียนปริญญาโท และ ปริญญาเอก ก็ทำงานสื่อไปด้วย ทำรายการเป็นพิธีกรเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นรายการ ผู้หญิงถึง ผู้หญิง, เช้านี้ที่เมืองไทย, ช่วยคิดช่วยทำ, ศิราณี ฯลฯ ล้วนเป็นรายการที่มีเนื้อหาอิงกฎหมายทั้งสิ้น การที่เราใช้ศิลปะในการแสดงทำให้ถ่ายทอดกฎหมายได้ง่ายขึ้น คนเข้าใจมากขึ้น เราจะพูดกฎหมายด้วยภาษาบ้านๆ ไม่ใช้ศัพท์วิชาการสูง ไม่ต้องปีนบันไดขึ้นไปฟัง
ตรงนี้คือจุดที่เอามารวมกันระหว่าง 2 ศาสตร์ เป็นข้อดี ทำให้เราได้ทำรายการเกี่ยวกับกฎหมาย แล้วได้ประโยชน์กับชาวบ้าน รวมทั้งได้จัดรายการวิทยุ ยามบ่ายกับทนายดาราด้วย เป็นรายการวิทยุของไทยทีวีสีช่อง 3 ซึ่งตอนท เรทติ้งถล่มทลาย เป็นรายการเดียวที่ไม่ต้องมีหน้าม้า และทุกครั้งที่จัดแม้ว่าจบเวลาออกอากาศแล้ว ก็ยังมีสายเข้ามาขอปรึกษา ยาวออกไปอีกเป็นชั่วโมงๆ แต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว ให้ทีมทนายที่เราสร้างมารับช่วงต่อ เพราะตัวตุ๊กเองมาอยู่ที่จังหวัดพะเยา”

เคยว่าความคดีดาราอะไรบ้าง
“ส่วนใหญ่เป็นที่ปรึกษา กฎหมาย แต่จะมีทีมทนายรุ่นพี่รุ่นน้องช่วยดำเนินการ เราเหมือนเป็น Head Office คดีส่วนใหญ่ ก็เป็นคดีที่ดารามีปัญหา ตั้งแต่คดีศิลปินทำให้ผู้หญิงท้อง มีการปฏิเสธความเป็นพ่อลูกกัน และมีการพิสูจน์ DNA , คดีบรรณาธิการหนังสือพิมพ์โดนเรื่องของการหมิ่นประมาทดารา ก็ไปช่วยไกล่เกลี่ยให้ คดีดาราล้มละลาย, คดีบรรณาธิการคนดังถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศ น.ศ.ฝึกงาน , คดีดาราหย่ากันมีปัญหาในเรื่องการเป็นผู้ปกครองลูก ต้องช่วยเคลียร์ให้เข้าใจ”
“ ทุกๆ เรื่องมี Behind the scene ทั้งนั้น ต้องบอกว่า...โดยปกติแล้ว ตุ๊กไม่เป็นคนที่ไม่ค่อยได้ดูข่าวกอสซิปดารามากนัก เพราะว่าเดี๋ยวสักพักนึงก็จะมีเรื่องจริงมาเล่าให้ฟัง เลยไม่ต้องตามข่าว คนบันเทิงบางคนเขาเจอมรสุมชีวิต โดนกลั่นแกล้ง จะขึ้นตำแหน่งหน้าที่การงานดีๆ โดนวางกับดักจากคู่แข่ง ทำให้พลาดจากตำแหน่งสูงๆ ที่วาดหวังไว้ง่ายๆ เลย ล่าสุดคดีศิลปินนักร้องชื่อดังจากต่างประเทศ มีปัญหาว่าโดนเบี้ยวค่าตัวจากบริษัทผู้จ้างไทย เราได้ส่งทีมทนายไปช่วยแนะนำการไกล่เกลี่ยให้บริษัทที่มีปัญหากับศิลปินนัก ร้อง ทุกเรื่องเราจะฟังความข้างเดียวไม่ได้ แต่วิธีบริหารจัดการของเราก็ต้องรักษาชื่อเสียงของส่วนรวมก็คือประเทศไทย ด้วย
เราไม่ปล่อยให้มีการเคลียร์กันแล้วกล่าวหากันไปมา โดยที่ไม่ได้ช่วยแนะนำ สิ่งที่เป็นหลักซึ่งตุ๊กบอกทีมเสมอในการทำหน้าที่ของเรา คือ การสร้างความเข้าใจมากกว่า จะช่วยหาทางออกโดยไกล่เกลี่ยหรือประนีประนอมให้จบกันด้วยดี และสามารถเดินไปต่อในอนาคตข้างหน้าได้ ทนายในแนวทางของตุ๊ก จะเป็นทนายที่สร้างความสันติสุขมากกว่าความร้าวฉาน ”

เครียดไหมกับบทบาททนาย
“ช่วงแรกๆ จะเครียดมากเพราะต้องมาแบกรับปัญหาที่เราไม่ได้ก่อ แต่ต้องหาทางออกที่ดีให้กับคนอื่น พอทำไปสักพักเริ่มรู้จักวิธีการบริหารจัดการ เราอย่าทำตัวเป็นตัวละครเอง เราเป็นคนกลาง ช่วยหาทางออกให้ เราเป็นคนนอก ถ้าเมื่อไหร่ที่เราทำตัวเป็นตัวละครเอง เราจะกินไม่ได้นอนไม่หลับ จะเป็นทุกข์ เป็นการทำงานที่ไม่ถูกทาง ซึ่งช่วงแรกๆ ตุ๊กเป็นแบบนั้น (หัวเราะ) ”
“แต่การเรียนนิติศาสตร์ เราถูกฝึกให้รับมือกับปัญหาหนักๆ เพราะเรียนจบออกไปต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน ยิ่งการอยู่สองวงการ ทำให้มีข้อดี โดยเฉพาะเมื่อเราเริ่มนำมาหาจุดเชื่อม ใช้การเข้าถึงประชาชนด้วยการเป็นดารา ไปไหนคนก็จะยินดีต้อนรับ ทำให้วันนึงที่เราทำหน้าที่ทนายเต็มตัว ก็ได้รับการตอบรับที่ดีมาก คนที่เป็นลูกความไว้ใจ เพราะว่าเคยเห็นหน้าเราในทีวีและคุ้นเคย รู้สึกเชื่อใจเรา โดยที่เราไม่ต้องใช้ความพยายามมากในการปรับตัวเข้าหากัน ระหว่างทนายกับลูกความด้วยความที่เป็นคนของสาธารณะ ”

ทำไมถึงผันตัวเองมาเป็น อาจารย์
“หลังเรียนจบ ด็อกเตอร์ก็ได้รับการชักชวนจากท่านคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยพะเยา ท่านเป็นนักเรียนปริญญาเอกรุ่นเดียวกัน จบมาพร้อมกัน ท่านชวนให้มาเป็นคุณครูที่หุบเขาในจังหวัดพะเยา มาเป็นแม่พิมพ์สอนกฎหมาย สร้างเด็กกฎหมายรุ่นใหม่ๆ เพราะด็อกเตอร์ในเมืองไทยทางด้านกฎหมายหายากมาก เป็นช่วงของการขาดแคลน ที่มีอยู่ก็มักอยู่ในสายการเมือง อยู่ในองค์กรต่างๆ เช่นศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง หรืออัยการ ซึ่งท่านเหล่านี้ ไม่ได้มาเป็นครูที่อยู่ประจำ ดูการพัฒนาการของเด็ก ส่วนใหญ่ท่านผู้ใหญ่จะเป็นครูพิเศษบินมาสอนในบางช่วงเวลาเท่านั้น ไม่ได้มาคลุกคลีแบบนี้ สิ่งที่มหาวิทยาลัยขาดคือต้องการมีครูที่อยู่กับเด็กมาสร้างนักกฎหมายรุ่น ใหม่ ที่จะออกไปทำให้บ้านเมืองนี้เดินต่อไปอย่างสงบสุข

"ตอนแรกตุ๊ กไม่เคยคิดว่าจะมาได้ เพราะยังติดงานวงการบันเทิงอยู่ แต่คงเป็นเพราะชะตาฟ้าลิขิต ไหนๆ เรียนมาทางด้านนี้แล้วก็ต่อไปให้ถึงปลายสุดเลย เพราะยังไม่มีดาราที่จบปริญญาเอกทางด้านกฎหมายในตอนนั้น เปลี่ยนหน้าที่ในการรับผิดชอบพยายามทำให้ดีที่สุดแบบที่จะเป็นได้ในวิชาชีพ นั้น ไม่ว่าจะเป็นดาราก็ตั้งใจ เป็นทนายก็ตั้งใจ มาเป็นครูก็ตั้งใจ พยายามหาจุดที่มันเป็นความสุขให้ได้

"อีกจุดที่ทำให้เปลี่ยนมาอยู่ ต่างจังหวัดในหุบเขา คือเริ่มเบื่อเมืองหลวง เป็นยุคที่มีคนรู้เยอะมาก แต่ว่าเรากำลังใช้กฎหมายที่เข้าข้างตนเอง เข้าข้างพรรคพวกของเราในการตีความในเชิงที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ประชาชนเกิดความไม่เชื่อมั่น เป็นยุคของโซเชียลมีเดียที่ทำให้ มีความไม่เชื่ออย่างรุนแรง เลยคิดว่าในรอบนอกที่เค้าจะต้องพัฒนาตนเอง ควรที่จะต้องมีต้นแบบในวงการนี้ที่จะเติบโตขึ้นมา เป็นผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเรา ควรต้องเซทอัพตั้งแต่แรก จึงคิดว่าเป็นจุดนึงของชีวิตที่จะได้ทำและท้าทาย
"ขึ้นมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ มา 8 เดือนแล้ว ที่มหาวิทยาลัยพะเยา อยู่ในหุบเขา ซึ่งมีธรรมชาติที่สวยงามมาก ถือว่าเป็นช่วงที่พักผ่อนและสร้างคนให้กับสังคม บางทีก็มีลูกศิษย์แซว เงินเดือนอาจารย์ ดูท่าจะไม่พอค่าเครื่องสำอาง (หัวเราะ) เค้าก็สงสัยกันว่าทำไมไม่ไปเลือกอยู่เมืองหลวง เพราะค่าตอบแทนคุณครูในหุบเขาก็ไม่ได้มีค่าตอบแทนอะไรมากมาย เพื่อนวงการบันเทิงถามว่าเป็นครูบ้านนอกแล้วจะพอกินหรอ เค้าสงสัยว่าติดลบทุกเดือนแต่ทำไมถึงอยู่ได้ เราก็บอกว่าก็ไม่ต้องดูบัญชีทำลืมๆไป (หัวเราะ) อาศัยที่เรามีความตั้งใจที่เข้มแข็ง ”

สิ่งที่ทำให้ภาคภูมิใจในบทบาทของครู
“ ได้เห็นผลงานของนักศึกษาทำให้มีกำลังใจที่เดินสายนี้ต่อ เมื่อปลายปีที่แล้วส่งนักศึกษาไปแข่งขันตอบปัญหากฎหมายระดับประเทศที่ธรรม ศาสตร์ ปรากฏว่าเด็กพะเยาได้ที่ 1 ระดับประเทศ ชนะมหาวิทยาลัยชั้นนำต่างๆ แสดงว่าศักยภาพความเชี่ยวชาญของคนไม่ได้อยู่ที่พื้นที่มากนัก เป็นข้อพิสูจน์และเป็นแรงที่ทำให้เดินต่อไปได้ ช่วยให้นักศึกษาเกิดความรักในวิชากฎหมาย ตอนนี้ทิ้งงานทุกอย่างในกรุงเทพฯ ทั้งหมด ในวันข้างหน้าอาจจะต้องบริหารจัดการให้ดีขึ้น และต้องทำในสิ่งที่เราควรที่จะต้องทำต่อไปได้ทั้ง 2 ทาง อาจจะเป็นความท้าทายในโหมดต่อไป ”
จุดมุ่งหมายในชีวิต และแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต
“จุด มุ่งหมายในแต่ละขั้นของชีวิต อาจจะมีเปลี่ยนไปบ้าง บางครั้งก็ไม่ได้ตั้งใจว่าเราจะทำได้ให้ถึงในจุดๆ นั้น เหมือนกับเราไม่ยอมแพ้ในอุปสรรคต่างๆ อาจจะช้ากว่าคนอื่น จึงทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ ไม่ได้มีเป้าหมายที่สูงสุดในชีวิตอะไรมาก คือเป็นอะไรก็ได้แล้วมีความสุขกับมัน และทำให้ดีที่สุดค่ะ
"สมัยก่อนเคยคิดว่าอยากเป็นผู้พิพากษา อยากเป็นตัวกลางที่จะทำให้เกิดความยุติธรรม แต่พอโตมาก็ทราบว่า เป็นอย่างอื่นก็สามารถผดุงความยุติธรรมได้ และดูแลตัวเองได้เป็นประโยชน์ต่อคนรอบข้างพ่อแม่พี่น้อง และกลับคืนสู่สังคมได้ มีต้นแบบความอดทนจากคุณพ่อ เพราะท่านเป็นนักสู้และเชื่อมั่นในตัวเองสูงมาก เป็นผู้นำ คุณแม่ก็เป็นคนที่อดทนมาก จึงไม่มีคำว่าสายไปสำหรับเรา และวันนี้เข้าใจถึงคำว่าแม่พิมพ์ได้อย่างชัดเจน ”

วิธีแก้ “หน้าแก่ก่อนวัย” SOD โดนใจสาวออฟฟิศ

วิธีแก้ “หน้าแก่ก่อนวัย” SOD โดนใจสาวออฟฟิศ
แม้ใครจะบอกว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” แต่สาวๆ ที่อยากสวยหน้าใสก็ต้องดูแลผิวอย่างสม่ำเสมอ จงถือคติว่า “เกิดเป็นหญิงอย่าหยุดสวย ไม่งั้นผู้ชายจะสวยกว่า” เพราะยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งต้องดูแลผิวเป็นพิเศษ โดยเฉพาะสาวๆ มนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย แค่นั่งจ้องคอมนานๆ ริ้วรอยและความหยาบกร้านก็ถามหา แถมฝ้า กระ ก็ตามมาติดๆ อีก

ปัญหาผิวเหล่านี้แหละ ที่เป็นตัวการทำให้สาวๆแก่เกินวัย จนต้องสรรหาวิตามินหรืออาหารเสริมต่างๆ มาช่วยดูแลอย่างคอลลาเจนหรืออาหารเสริมเพิ่มความขาวอย่างกลูต้า แต่สารเหล่านี้ช่วยสาวๆได้แค่ซ่อมแซมผิวเพียงชั่วคราวเท่านั้น ไม่ได้ช่วยป้องกันผิวแต่อย่างใด ดังนั้นหากเจอแดดหรือทำงานหนักปัญหาเหล่านี้ก็จะกลับมา

แต่สาวๆฟังแล้วอย่าเพิ่งยอมแพ้ เพราะล่าสุดได้ข่าวว่ามีเทคโนโลยีสารสกัดตัวเลือกใหม่อย่าง Superoxide Dismutase หรือเรียกสั้นๆว่า SOD (เอสโอดี) ที่ว่ากันว่าสามารถช่วยย้อนอายุผิวได้รวดเร็วทันใจ เข้ามาในเมืองไทยแล้ว และกำลังได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในวงการไฮโซและดาราทั้งชายและหญิง รวมทั้งเหล่า Beauty Blogger ชื่อดังที่เราคุ้นเคยอย่าง Saypan (สายป่าน) ก็ยังทำรีวิวออกมาคอนเฟิร์มหลังใช้เองแล้วว่าเห็นผลดีกว่าแบรนด์อื่นๆ หลังจากแอบฟังวงในเค้าเมาท์กัน เราไม่รีรอที่จะทำการตรวจตลาด ว่าอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ SOD (เอสโอดี) ที่กำลังฮอตฮิตในขณะนี้มันคืออะไรและดียังไงกันแน่?


หลังจากทำการบ้านและ สอบถามผู้รู้อยู่พักใหญ่ เราก็ค้นพบอาหารเสริมกลุ่ม SOD (เอสโอดี) ที่เราตามหาที่ร้านดังอย่าง Siamdrug (สยามดรัก) ตรงเซ็นทรัลพระราม 3 และร้าน Watsons ในอาหารเสริมที่ชื่อว่า Nutriva W+ ลองเข้าไปสอบถามดู เภสัชให้ข้อมูลว่า “เป็นอาหารเสริมชนิดอัดเม็ดสูตรลิขสิทธิ์จากญี่ปุ่น ที่เพิ่งเข้ามาในเมืองไทยได้ไม่นาน มีส่วนผสมหลักคือ SOD (เอสโอดี) ที่สกัดจากเมล็ดผลไม้ภายใต้ชื่อการค้าว่า Extramel ® Microgranule ซึ่งหาไม่ได้ในอาหารเสริมตัวอื่น ผสมกับสารสกัดระดับ Super Antioxidants 6 ชนิด และยังมีส่วนผสมของ High Advance Collagen Tripeptide (HACP) ซึ่งเป็นคอลลาเจนเกรดพรีเมี่ยมสุดๆมาด้วย เรียกได้ว่าสารอาหารครบถ้วนในหนึ่งเม็ด

พอสอบถามถึงความแตกต่างเมื่อเทียบกับอาหารเสริมชนิดอื่นๆแล้ว ทางเภสัชบอกว่า จากประสบการณ์ที่ดูแลลูกค้ามา ยอมรับว่า SOD (เอสโอดี) สร้างความแตกต่างให้ผิว ได้ดีกว่าการทานเพียงคอลลาเจนและวิตามินซีอย่างชัดเจน ที่ผ่านมาได้แนะนำลูกค้าที่อยากมีผิวแลดูอ่อนกว่าวัย ผิวขาวกระจ่างใส ลูกค้าที่ผิวคล้ำเสียมาจากการเที่ยวทะเล ลูกค้าที่เป็นฝ้า หรือกระ ลองรับประทานแล้ว ปรากฏว่าลูกค้าเห็นผลดีมาก โดยเฉพาะลูกค้าที่ลองทานกลูต้าแล้วไม่เห็นผล พอได้ลองทานตัวนี้แล้วติดใจกันไปเลยจริงๆ
ส่วนลูกค้าที่หน้ามันเกินควบคุมและลูกค้าที่เป็นสิว พบว่าทานแล้วช่วยให้รูขุมขนกระชับ ทำให้หน้ามันน้อยลงจนไม่ต้องใช้กระดาษซับอีกต่อไป นอกจากนี้ยังลดการเกิดสิวอักเสบ หรือสิวอุดตัน และช่วยให้รอยดำจากสิวจางเร็วกว่าปกติ ที่สำคัญคือสารอาหารกลุ่ม SOD (เอสโอดี) นี้ เป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่ไม่มีอันตราย สามารถทานต่อเนื่องได้โดยไม่ก่อให้เกิดการตกค้างสะสมในร่างกาย และตั้งแต่เริ่มจำหน่ายมา ยังไม่พบลูกค้ามีอาการแพ้แต่อย่างใด”

ยอมรับว่าฟังแล้วก็อดใจไม่ไหว เห็นมีโปรอยู่ด้วย เลยสอยมา 2 กล่องกลับบ้านทันที

รวมประโยชน์ระดับเทพของ SOD (เอสโอดี)
- ยับยั้งกระบวนการเกิดอนุมูลอิสระภายในเซลล์ ต้นเหตุของริ้วรอยบนใบหน้า
- ป้องกันทั้ง UVA และ UVB จากแสงแดด ตัวการหลักที่ก่อให้เกิดริ้วรอยและผิวคล้ำเสีย แห้งกร้านก่อนวัยอันควร
- เสริมสร้างและฟื้นฟูผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง เพิ่มความชุ่มชื้น ผิวจึงเด้ง ตึง กระชับ เหมือนเด็กอีกครั้ง
- ฟื้นฟูผิวจากปัญหาหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ลดรอยดำจากสิว ช่วยให้สิวหายเร็วขึ้น
- กระชับรูขุมขน ลดความมันส่วนเกิน บอกลากระดาษซับมันไปเลย
- ฟื้นฟูผิวให้ขาวกระจ่างใส ได้ดีกว่ากลูต้า ถึง 10 เท่า
- มีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระได้ดีกว่าวิตามินซีถึง 3,500 เท่า
- เพิ่มความมั่นใจกับใบหน้า ช่วยลดเลือนและปกป้องการเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำ
- ป้องกันรังสี UV และแสงสว่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และหน้าจอโทรศัพท์
เอาล่ะ รู้แล้วว่าประโยชน์ของ SOD (เอสโอดี) มีอะไรบ้าง คราวนี้ลองมาสำรวจตัวเองกัน ว่า คุณอยู่ในกลุ่มที่ถึงเวลาที่ต้องเริ่มต้นทาน SOD (เอสโอดี) แล้วหรือยัง? ถ้าคุณ....
• เป็นสาวออฟฟิศหรือผู้บริหารที่ต้องทำงานหนักและเผชิญกับความเครียด
• ต้องทำงานกลางแดดหรือเผชิญกับแสงไฟจ้าจากสปอตไลท์ และแฟลชของกล้องถ่ายภาพ รวมถึงหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือด้วย
• โปรดปรานกีฬากลางแจ้ง
• ต้องทำงานในห้องแอร์ตลอดวัน
• ดื่มแอลกอฮอล์หรือต้องออกงานสังสรรค์เป็นประจำ
• ชอบปาร์ตี้ นอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ
• สูบบุหรี่หรือต้องใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่
• หน้ามันจนต้องพกกระดาษซับมันตลอดเวลา
• มีผิวขรุขระ แต่งหน้าแล้วไม่เรียบเนียน ไม่ค่อยติดทนนาน
• วัยรุ่นที่มีสิว หรือกำลังหาวิธีเริ่มต้นดูแลตัวเอง
ถ้าสาววัยทำงานคนไหนเจอกับปัญหาเหล่านี้ ถึงเวลาที่คุณต้องเริ่มหันมาดูแลตัวเองอย่างจริงๆจังๆกันเสียที เพื่อความสวยและสุขภาพผิว ที่ดี และแม้ว่าจะมี SOD (เอสโอดี) ในการช่วยดูแลผิวของเราแล้ว เราต้องอย่าลืมดูแลสุขภาพร่างกายส่วนอื่นๆร่วมด้วยเช่นกัน เพราะวัยสาวๆนี้แหละ จะเป็นวัยที่ต้องการการดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และทานอาหารเสริมบำรุงผิว แค่นี้ว่า “น้องสาว” ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม!