วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2558

5 นาที ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อ และมีรูปร่างที่ดี

ผู้เชี่ยวชาญจากเฮอร์บาไลฟ์ ให้คำแนะนำว่าการเริ่มต้นไลฟ์สไตล์แบบแอ็กทีฟ และมีสุขภาพดี ทำได้ง่าย ๆ เพียงแค่เปลี่ยนแปลงบางสิ่งในชีวิตประจำวันเล็ก ๆ น้อย ๆ ซึ่งรวมถึงการออกกำลังกายที่สามารถทำเองได้ภายใน 5 หรือ 10 นาที เพื่อกระตุ้นให้กล้ามเนื้อทำงานและมีรูปร่างที่ดี โดยอาศัยพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้นเองด้วยค่ะ


ท่า Plank Walk Out เริ่มต้นด้วยท่ายืน โน้มตัวลงไปข้างหน้า ค่อย ๆ ลดตัวลงสู่ท่าแพลงก์และ ลุกขึ้นยืน กลับสู่ท่ายืนปกติลดตัวลงสู่ท่าแพลงก์อีกครั้ง ค้างไว้ยกขาข้างหนึ่งก้าวมาสู่ข้อศอกด้านเดียวกัน จากนั้น ยกขาอีกข้างหนึ่งก้าวตามมา กลับสู่ท่ายืน
ท่า Opposite Leg Lifts เริ่มต้นด้วยการ ตั้งท่าแบบวิดพื้น หัวไหล่ สะโพก และหัวเข่า ตั้งอยู่ใน ระนาบเดียวกัน หากคุณต้องการแผ่นหลังที่แข็งแรง สิ่งที่ คุณต้องทำคือ ยืดแขนและขาด้านตรงข้ามกัน เหยียดตรง ออกไปค้างไว้
ท่า Tricep Dip เริ่มต้นจากท่านั่งที่พื้น เท้าทั้ง 2 ข้างห่างกันเท่าช่วงหัวไหล่ ฝ่าเท้าแนบกับพื้น มือทั้งสองวางไว้ด้านหลัง จากนั้นใช้ฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง ยันตัวขึ้น คุณสามารถทำท่านี้โดยใช้ม้านั่งออกกำลังกาย แต่ถ้าคุณอยู่นอกบ้าน หรือนอกยิม ท่านี้ก็เหมาะที่สุด เพราะไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใด ๆ เลย

บีบีซีไทยรายงานชีวิตเล็กๆ เมื่อ “เจ้าเสือ” แมวขาประจำกลับมาที่ศาลพระพรหมเอราวัณ

บีบีซีไทยรายงานชีวิตเล็กๆ เมื่อ "เจ้าเสือ" แมวขาประจำกลับมาที่ศาลพระพรหมเอราวัณ
เมื่อวันที่ 20 ส.ค. เฟซบุ๊กเพจ บีบีซี ไทย รายงานเรื่องราวของแมวที่อาศัยอยู่บริเวณศาลพระพรหมเอราวัณ ในฐานะเป็นสิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ มีใจความดังนี้

"เหตุระเบิดที่นำความสูญเสียมาสู่หลายชีวิตในช่วงเย็นวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้บรรยากาศโดยรอบศาลพระพรหมที่เคยคึกคักไปด้วยผู้ค้าพวงมาลัยและเครื่อง ไหว้เงียบเชียบลงฉับพลัน
สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ที่อาศัยอยู่บริเวณนั้นเป็นอีกส่วนหนึ่งของผู้ได้รับผลกระทบ รวมถึงเจ้าแมวหง่าวตัวนี้ด้วย
"เสือ" เป็นแมวจรที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว มันได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อค้าแม่ค้าขายพวงมาลัยและเครื่องบูชาพระพรหม หลังจากเกิดระเบิดบรรดาผู้มีอุปการะคุณของมันหายหน้ากันไปถึง 2 วันเต็มๆ วันนี้พอกลับมาอีกครั้ง แม้ว่าจะเต็มไปด้วยความเศร้าเพราะความสูญเสีย แต่สิ่งเล็กๆที่ทำให้หลายคนรู้สึกดีใจและโล่งใจก็คือพวกเขาพบว่าเจ้าแมวจร หน้าตามอมแมมตัวนี้ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่ที่เดิม แต่ว่าหน้าตาดูอิดโรย
แม่ค้าขายพวงมาลัยรายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าเสืออาจจะไม่ได้กินอะไร เลยในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เธอบอกว่าอาการที่มันเที่ยวทักทายผู้คนไปทั่วด้วยการเอาตัวเข้าถูไถจนน่า กลัวว่าขนจะหลุดหมดนั้น อาจเป็นเครื่องแสดงว่าข้อสังเกตนั้นเป็นจริงไม่น้อย หรือไม่เช่นนั้นก็อาจเป็นเพราะมันต้องการความอบอุ่นมากกว่าปกติจาก ประสบการณ์สะเทือนขวัญ แต่จะเป็นอย่างไหนก็สุดจะรู้ได้
แม่ค้าคนเดิมบอกว่าเสือโชคดีมากที่ไม่เป็นอะไรเลย ที่ไม่รู้ก็คือว่าเพื่อนๆ ของมันบางส่วนที่มักจะพักผ่อนอยู่ในบริเวณศาลพระพรหมจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะไม่มีใครเห็นพวกมันหลังจากที่เกิดเหตุ
"บางตัวก็ชอบข้ามมาจากฝั่งโน้น" เธอชี้ไปฝั่งห้างเกษรพลาซ่า "แต่ไม่รู้ว่าวันนั้นพวกมันข้ามมาหรือเปล่า" ว่าแล้วก็หันไปควักเงินยื่นให้เพื่อนผู้ค้าพวงมาลัยที่ยืนฟังอยู่ข้างๆ สมทบค่าอาหารให้เจ้าเสือ
สองวันที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าแมวหง่าวต้วนี้นอนตรงไหนและได้กินอะไรหรือไม่ การได้เห็นมันอีกครั้งทำให้พวกเขารู้สึกว่าอย่างน้อยมีอะไรบางอย่างที่ยัง เหมือนเดิม ความดีใจของผู้คนรอบตัวทำให้มันได้ลาภสองชั้น ได้กินปลาทูนึ่ง 2 ตัว กับปลากระป๋องอีก 1 กระป๋อง

นับเป็นอาหารชุดใหญ่ พร้อมกับบรรดาคนคุ้นหน้าที่กลับมาให้มันได้เดินทักทายอีกครั้ง"

หลักการใช้ชีวิตคู่ให้มั่นคงและยืนยาว

เมื่อคนสองคนตัดสินใจมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน หรือตัดสินใจแต่งงานกัน จุดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตครอบครัว ซึ่งจุดหมายปลายทางของแต่ละครอบครัวจะเป็นแบบใดนั้น คงไม่สามารถคาดการณ์หรือบอกได้ว่า คุณสองคนจะเดินทางไปด้วยกันจนถึงจุดหมายปลายทางดังที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้อวยพร ไว้ในวันสมรสว่า“ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบอง ยอดเพชร” ได้หรือไม่เพราะการที่คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ในช่วงระยะข้าวใหม่ปลามันอะไรๆ เราก็พอจะยอมได้ แต่เมื่อชีวิตคู่เดินทางไปซักระยะหนึ่ง ความเป็นตัวตน นิสัยที่แท้จริงของแต่ละคนก็จะแสดงออกมา การจะให้เรามีนิสัยที่ถูกใจ ดีพร้อมสำหรับอีกคนคงเป็นเรื่องที่ยาก
ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้คนสองคนที่มาจากต่างครอบครัว ต่างการเลี้ยงดูสามารถมีชีวิตคู่ที่มีความสุข หวานชื่นได้อย่างยืนยาวได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายที่จะเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน หลักสำคัญที่จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ให้เข้มแข็งและมั่นคงยาวนาน คือ

1. การยอมรับกันและกัน เป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้นของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เพราะการที่คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันตลอดชีวิต ต้อเห็นหน้ากันทุกวัน ต้องมีกิจกรรมทุกวันร่วมกัน ต้องปรึกษาหารือกันทุกวัน แก้ปัญหาร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การยอมรับกันในทุกแง่มุมจะช่วยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันโดยไม่ขัดแย้งทางความ คิดและอารมณ์ ไม่รำคาญกัน ไม่เบื่อกัน ไม่ดูถูกกัน ไม่เกลียดกัน ลักษณะการยอมรับกันและกันได้ มีเครื่องบ่งบอกต่างๆ เช่น การมองอีกฝ่ายในแง่ดี พอใจในคู่ชีวิตทั้งรูปร่างหน้าตา สติปัญญา ความคิดเห็นและจิตใจ จะช่วยทำให้ทั้งคู่สื่อสารกันได้อย่างราบรื่น แม้ต่อการตอบสนองทางเพศสัมพันธ์ที่คู่สมรสมอบหมายให้ ยอมรับในตัวตนรวมไปถึงค่านิยมต่างๆ ของอีกฝ่ายหนึ่ง
2. อย่าคาดหวังว่า “คู่ครองของคุณ” จะสมบูรณ์แบบ เพราะไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด แม้แต่ตัวของเราเองยังมีทั้งจุดที่ดีและไม่ดี การมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจำเป็นต้องเรียนรู้ ที่จะพึงพอใจกับข้อดีของกันและกัน ยอมรับข้อเสียของกันและกัน เราไม่สามารถคาดหวังว่าเราจะเข้ากันได้กับคู่ครองของเราทุกๆ เรื่อง หรือ จะไปคาดหวังให้เขาทำในสิ่งที่เราต้องการ แต่ต้องอาศัยวิธี “การปรับตัว” เข้าหากัน ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองและ/หรือปรับตัวให้ยอมรับสิ่งที่อีก ฝ่ายเป็นบ้างเพื่อให้อยู่กับเขาอย่างไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะนิสัยบางอย่างไม่สามารถปรับกันได้ จึงอย่าคาดหวังให้มองส่วนที่ดีซึ่งกันและกัน
3. รู้จักที่จะสื่อสารกัน ในทางจิตวิทยาถือว่าเป็นการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่งของชีวิตคู่ เพราะการสื่อสารเป็นการใช้ภาษาเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจความคิด ความรู้สึก และความต้องการของกันและกัน แต่ในความเป็นจริงที่พบในชีวิตคู่ ยิ่งอยู่กันนานคู่สามีภรรยาก็ยิ่งจะสื่อสารกันน้อยลงและคิดเอาเองว่าอยู่กัน มาตั้งนานน่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดและต้องการอะไร ซึ่งถ้ามาองแล้วเข้าใจถูกก็ดีไปถ้าแปลความหมายผิดก็อาจทำให้ครอบครัวมีปัญหา ได้ ทางที่ดีควรเรียนรู้ที่จะพูดและแสดงออกว่าคุณรู้สึกอย่างไร เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าคุณกำลังรู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร
4. การรู้จักขออภัยจากกัน หากคู้สมรสยอมรับซึ่งกันและกันเท่าทีสามารถยอมรับกันได้และพยายามปรับตัวให้ มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังมีเรื่องที่คู่ของเราทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียใจขึ้นในความ สัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งคู่ควรรู้จักให้อภัย ไม่เก็บความโกรธแค้นขุ่นเคืองไว้ใจ สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีมากในชีวิตสมรส
5. การมีเวลาอยู่ร่วมกัน หลังแต่งานคู่สมรสควรมีเวลาให้กัน เพื่อใช้เวลาในการอยู่ร่วมกัน สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่ เพราะการมีเวลาอยู่ร่วมกันยอมรับทำให้คุณสามารถสื่อสารกับคู่ได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ต่างคนต่างต้องทำงานนอกบ้าน เวลามีให้กันอาจจะไม่มากนัก แต่คุณทั้งสองสามารถทำให้เวลาที่มีอยู่ในแต่ละวันมีคุณภาพอย่างแท้จริง โดยการทำกิจกรรมที่พอใจและมีความสุขร่วมกัน ตลอดจนคุณควรให้ความสนใจต่อสิ่งที่คุณชอบด้วยเช่น อย่างไรก็ตามการมีช่องว่างในความสัมพันธ์ระหว่างกันบ้างย่อมเป็นเรื่อง ธรรมดาและอาจเป็นสีสันในการใช้ชีวิตคู่
6. เพศสัมพันธ์ในชีวิตคู่ การสร้างความสมดุลในเรื่องเพศสัมพันธ์ ย่อมนำมาซึ่งความพึงพอใจของคู่สมรส และถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นและเป็นสุข คู่สมรสจำเป็นต้องเรียนรู้ความต้องการของกันและกัน รู้ว่าคู่ของเราชอบหรือไม่ชอบอะไร แบบไหนกันที่ทำให้คู่ของเรามีความสุข เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงความสัมพันธ์ทางเพศให้พึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
7. เรียนรู้และทำความเข้าใจธรรมชาติความแตกต่าง ระหว่างเพศชายเพศหญิง เพราะความแตกต่างระหว่างเพศส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมต่างกัน ธรรมชาติผู้ชายจะชอบใช้เหตุผล ไม่สนใจเรื่องความรู้สึกมีความสุขุมนิ่งและแข็งแรงมากกว่า ต้องการความเป็นส่วนตัว กลัวการขาดอิสระ แต่ต้องการดูแลเอาใจใส่ ถืออำนาจ เกียรติและศักดิ์ศรี ต้องการเป็นผู้นำ ไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ ไม่ชอบการถูกตำหนิ การบ่น ในขณะที่ผู้หญิงจะ มีลักษณะตรงกันข้าม แต่หากมองว่านี่คือธรรมชาติที่แตกต่างกัน และพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากันได้และรู้จักใช้ส่วนดีของแต่ละฝ่ายที่ ธรรมชาติสร้างมา เมื่อนั้นชีวิตคู่จะมีความสุข
8. รู้จักภาระหน้าที่ในครอบครัวและช่วยเหลือกัน สามี ภรรยาจะมีบทบาทและหน้าที่ของตนเอง โดยทั่วไปทั้งคู้จะมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเป็นสามีภรรยา การหาเลี้ยงชีพ ทำงานบ้าน และเลี้ยงลูก ดังนั้นจึงควรคุยกันว่าแต่ละฝ่ายมีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวมากน้อยเพียงใดและ อย่างไร
9. การจัดการกับความขัดแย้ง ความขัดแย้งถือเป็นเรื่องปกติของการใช้ชีวิตคู่ ดังนั้นเมื่อเกิดความขัดแย้ง การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะจะนำไปสู่การหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน จุดสำคัญในการพูดคุย ไม่ควรพูดคุยกันในขณะที่อารมณ์โกรธ เพราะจะนำไปสู่การโต้ถียงกันมากกว่า ควรรอให้ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นแล้วมาพูดคุยปรับความเข้าใจและร่วมกันแก้ไข ปัญหาที่เกิดขึ้น
10. เสริมความรักให้เติบโต เมื่อคู่สมรสต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ทั้งสองต่างก็ต้องการความรัก ความเข้าใจ การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ดังนั้นการแสดงออกว่ารัก และเห็นคุณค่าของกันและกันอย่างสม่ำเสมอถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะเป็นสิ่งที่จะช่วยในการหล่อเลี้ยงจิตใจของทั้งสองฝ่าย
11. บริหารจัดการเรื่องการเงิน เพราะปัญหาเรื่องการเงินมักเป็นปัญหาใหญ่กับคู่สมรสใหม่เนื่องจากกำลังอยู่ ในช่วงสร้างครอบครัว และมีภาระที่ต้องใช้จ่ายมากกว่าชีวิตโสด ดังนั้น คู่สมรสไม่ควรปิดบังกันในเรื่องการเงิน ต้องการวางแผนร่วมกันเกี่ยวกันการใช้จ่ายเพื่อครอบครัว โดยควรประหยัดและใช้เป็นเรื่องจำเป็น ส่วนหนึ่งต้องกันไว้เป็นเงินออมสำหรับสมาชิกในอนาคต ไม่ควรให้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นสาเหตุของปัญหาอื่น ๆ ที่จะสร้างความขัดแย้งให้ชีวิตไม่มีความสุข
12. มีชีวิตที่เป็นของตนเองด้วย เพราะถึงแม้ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้น จึงไม่ควรรักหรือใส่ใจคนรอบข้างจะละเลยตนเองไปให้ระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีใครอยากรักหรือผูกผันกับคนที่ไม่รักแม้แต่ตนเอง ไม่ดูแลตนเองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากท่านรู้จักดูแลตนเอง ท่านก็จะมีความพร้อมที่จะดูแลคนรักได้ดีเช่นกัน

รู้ไว้ไม่พลาด! ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการคุมกำเนิด

คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ โดย พ.ญ.พิณนภางค์ ศรีพหล
ความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับการคุมกำเนิด
คอลัมน์ คุยกับหมอพิณ
พ.ญ.พิณนภางค์ ศรีพหล
email:doctorpin111@gmail.com
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาคุยกันถึงเรื่อง "ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการคุมกำเนิด" กันนะคะ
หลายๆ ครั้งเวลาเจอคุณแม่ (วัยกระเตาะ วัยใส วัยมัธยม) มาฝากครรภ์ น้อยคนค่ะที่ตั้งใจจะมีบุตร ส่วนใหญ่ คือ "พลาด" ไม่ได้คุมกำเนิดกันทั้งนั้น บ้างก็ว่า "คุมกำเนิดแล้วนะคะ แต่ทำไมถึงท้องก็ไม่รู้" หลายๆ ครั้งอีกเช่นกัน ที่หมอแอบถามด้วยความอยากรู้ว่า "แล้วหนู ๆ คุมกำเนิดกันวิธีไหนคะ"
คำตอบที่ได้มา ก็ทำให้หายสงสัยเลยค่ะ ว่าทำไมท้อง ก็เพราะว่า สิ่งที่หนูๆ คิดว่า มันคือ "การคุมกำเนิด"
จริงๆ แล้ว มันไม่ได้ป้องกันการตั้งครรภ์เลย ไงคะ ก่อนหน้านี้ที่หนูไม่ได้ท้อง ก็อาจจะแปลว่าโชคดี ไม่ได้โป๊ะเชะกันในวันที่ไข่ตก แต่ถ้าวันที่ไข่หนูตกขึ้นมา ....ก็ท้องนะคะหนู

วิธียอดฮิต กับความเชื่อผิด ๆ ที่พลาดกันประจำ ได้แก่
-การหลั่งข้างนอกค่ะ เป็นวิธีที่ไม่ใช้อุปกรณ์ แต่ใช้ทักษะของฝ่ายชาย ซึ่งแม้คุณผู้ชายจะมั่นใจว่า กลั้นได้ครับ ขมิบทันแน่นอนครับ
แต่อย่าลืมนะคะ ว่าก่อนที่จะหลั่ง จะมีน้ำนำร่องที่ไหลปิ๊ดออกมาก่อน ซึ่งน้ำดังกล่าว อาจจะมีอสุจิผสมปนอยู่ก็ได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นคุณผู้ชายหลายน้ำ (เป็นปฏิบัติการซ้ำซ้อน เกิน 1 รอบขึ้นไป) ดังนั้น ต่อให้ขมิบกองทัพใหญ่ได้ทัน แต่กองทัพแนวหน้าที่มากับน้ำนำร่อง ที่ว่องไวกว่าหน่วยสวาท ก็ได้เดินทางไปถึงไหนต่อไหนแล้วนะคะ ขมิบแม่นยังไง ก็ไม่ทันนะคะ
ดังนั้น ถ้ายังไม่พร้อมจะเป็นพ่อแม่คน หมอขอ (กราบเบา ๆ)เถอะค่ะ เลิกใช้วิธีนี้กันเถอะนะคะ
-วิธีต่อมา คือการนับวันค่ะ สาว ๆ ทั้งหลายที่คิดจะหน้า 7 หลัง 7 ควรจะมีรอบเดือนที่มาสม่ำเสมอทุกเดือน แม่นยำขนาดคาดเดาได้เป๊ะ และไม่ได้มีเลือดออกกะปริดกะปรอย หรือนับแล้วงง ๆ ว่า เอ๊ะ นี่ประจำเดือน หรือเลือดกะปริดกะปรอยกันนะ เพราะการมีเลือดออกทางช่องคลอด ไม่ได้แปลว่าคือประจำเดือนทุกครั้งไปนะคะ นอกจากประจำเดือนที่สม่ำเสมอ ติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน ยังจะต้อง "นับให้ถูก" ด้วยนะคะ
เพราะหมอเคยเจอ คุณแม่ (แปลว่า น้องเขาท้องไปแล้ว) ที่นับหน้า 7 หลัง 7 แต่หลัง 7 น้องเขาดันไปนับ วันหลังหมดประจำเดือนเป็นวันที่ 1 ซึ่ง "ผิด" นะคะ
ต้องนับประจำเดือนที่มา "วันแรก" เป็นวันที่ 1 ดังนั้น "หลัง 7" มันจะรวมช่วงไฟแดงด้วยนะคะ
-สวนล้างช่องคลอดทันที หลังมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะน้ำส้มสายชูเอย น้ำอุ่น น้ำร้อน น้ำแร่ น้ำวิเศษอะไรก็ตาม คือถ้าคุณผู้ชายเขาหลั่งไปแล้ว กองทัพอสุจิที่ว่ายน้ำเร็ว ก็ว่ายเข้าไปหาไข่กันเรียบร้อยแล้วค่ะ จะล้าง หรือจะกระโดดให้อสุจิมันหล่นออกมาตามแรงโน้มถ่วงโลก ก็ไม่ทันซะแล้วนะคะ

ทีนี้มาดูความเชื่อผิด ๆ แบบใช้อุปกรณ์เสริมกันบ้างนะคะ
-กลัวถุงยางแตกรั่ว ต้องใส่ถุงยาง 2 ชั้น : สำหรับคุณผู้ชายที่น่าจะได้ไอเดียมาจากเวลาไปห้างสรรพสินค้าซื้อขวดน้ำปลา กับซีอิ๊ว แล้วแคชเชียร์ใส่ถุงให้ 2 ชั้น เพื่อกันถุงขาดรั่ว ไอเดียนี้ใช้ไม่ได้กับถุงยางอนามัยนะคะ
เพราะการใส่ 2 ชั้น จะยิ่งทำให้เกิดการเสียดสีของถุงยางมากขึ้น เกิดถุงยางแตกรั่วได้ง่ายกว่าชั้นเดียวอีกค่ะ ดังนั้นจงเชื่อมั่นในถุงยางอนามัย (ที่ไม่หมดอายุและอยู่ในสภาพดี) นะคะ
-การกินยาคุมฉุกเฉิน : กินเมื่อไหร่ก็ได้ เป็นอาทิตย์ก็ยังทัน ผิดนะคะ ตามชื่อก็บอกนะคะว่า "ฉุกเฉิน" นั่นแปลว่า คุณมีเวลารวบรวมความกล้า ในการบากหน้าเข้าไปซื้อยาคุมฉุกเฉินกับเภสัชกร หรืออาม่าร้านขายยา ได้ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) หลังเสร็จสิ้นภารกิจเท่านั้น (อนุโลม แบบไม่รับประกันเปรี๊ยะ ๆ ภายใน 5 วันได้) แต่เกิน 5 วัน หมอแนะนำให้เดินเข้าร้านขายยา ไปซื้อที่ตรวจครรภ์มารอไว้ดีกว่านะคะ
ดังนั้น กล้าทำ ต้องกล้าซื้อนะคะ เพราะไม่งั้น สุดท้าย ต้องกล้าไปบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า "หนูท้อง"
การคุมกำเนิดที่พลาด ๆ ส่วนใหญ่เกิดจากความมักง่ายและละเลยค่ะ
"ไม่อยากใส่ถุงเพราะมันไม่ได้ฟีลลิ่ง", "ไม่ได้เอาถุงมา" "ไม่กล้าไปซื้อยา", "ได้แหละ วันนี้วันปลอดภัย (มั้ง)", "ไม่ท้องหรอกมั้ง" และอื่น ๆ อีกมากมาย
แต่ผลที่ตามมา มันคือ "อีกหนึ่งชีวิต" นะคะ
ชีวิต ที่เรียกว่า "ลูก" ไม่ว่าเขาจะเกิดจากความรักหรือไม่ ในวันที่คุณพร้อมหรือไม่
แต่เขาเกิดจากการกระทำของคุณทั้ง 2 คนนะคะ
ดังนั้น ถ้ายังไม่พร้อมจะรับกับผลที่ตามมา อย่าลืม ดึงสติ ลากสติ ให้ชนะอารมณ์ ณ ขณะนั้นกันด้วยนะคะ มองโลกในแง่ร้ายกันไว้ก่อน เช่น ท่องไว้ว่า ท้องแน่ ท้องแน่ ท้องแน่
ป้องกัน (ให้ถูกต้อง) ยังไงก็ดีกว่าแก้ปัญหาแน่ ๆ จริงไหมคะ สวัสดีค่ะ

สาวๆ ที่อยากสูง รู้ไหม..เล่นกีฬาช่วยได้นะ

          ความสูงของ สาวไทยอย่างเราๆ นั้น โดยเฉลี่ยแล้วก็จะไม่ได้สูงมากนัก แต่! ถ้าเราอยากเพิ่มส่วนสูงละ กินวิตามินก็แล้ว หาข้อมูลลองทำดูก็ยังไม่รู้สึกสูงขึ้นเท่าไร วันนี้มีอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะสามารถเพิ่มความสูงได้ หากทำแบบมีวินัยและต่อเนื่อง นั้นก็คือการออกกำลังกายนั้นเองค่ะ แต่จะมีกีฬาประเภทไหนบ้างนั้น ไปดูกันค่ะ

โยคะ

    การเล่นโยคะนั้นถือเป็นการเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับรูปร่าง ทำให้มีสรีระ กระชับได้สัดส่วน รูปร่างสวยงามมากยิ่งขึ้น โดยการเพิ่มความสูงก็จะมีท่าในการเล่นที่แตกต่างกันไปค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.popsugar.com/
ว่ายน้ำ
    การว่ายน้ำจะช่วยทำให้ร่างกายมีการยืดและเหยียด ส่งผลให้รูปร่างขยายและค่อยๆ สูงขึ้น

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.ucreative.com/
พิลาทีส
    การเล่นพิลาทีส จะเป็นการช่วยในการเหยียดกระดูกและเพิ่มส่วนสูงได้ดีค่ะ แถมยังช่วยสร้างกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ด้วยนะคะ

ขอบคุณภาพประกอบ : http://irinav.hubpages.com/
กระโดดเชือก
     การกระโดดเชือกถือเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อขาได้ดีค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบ : http://la.eonline.com/
บาสเกตบอล
     เคยได้ยินมาเสมอค่ะ สำหรับการออกกำลังด้วยบาสเกตบอลแล้วจะทำให้สูงขึ้น เพราะการเล่นบาสจะมีการกระโดดที่จะช่วยยืดร่างกาย แถมการโหนบาร์แป้นบาสก็ถือเป็นการออกกำลังกายที่จะช่วยยืดให้สูงขึ้นได้ค่ะ

ขอบคุณภาพประกอบ : http://oneeyeland.com/
           การใช้เวลาว่างส่วนหนึ่งไปออกกำลังกาย นอกจากจะทำให้ส่วนสูงเพิ่มมากขึ้น ยังทำให้เรามีสุขภาพที่ดี แข็งแรง แต่ที่สำคัญที่สุดต้องมีวินัย และทำอย่างสม่ำเสมอด้วยนะคะ

อาหารอะไรบ้างนะ ที่ยิ่งกินยิ่งแก่เร็ว!

          ถึงอายุจะมากขึ้น แต่เชื่อได้ว่าความในใจของสาวๆ หลายๆ คน ก็คงอยากที่จะหยุดเวลาไว้ในช่วงวัยที่ดูสดใส ดูเด็ก ไม่แก่ แล้วสาวๆ รู้ไหมคะว่า ส่วนหนึ่งที่ทำให้แก่ก่อนวันนั้นมาจากการเลือกรับประทานอาหารนั้นเอง วันนี้จะมาบอกประเภทอาหารที่ทำให้แก่เร็ว จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูกันค่ะ
อาหารที่ทอดด้วยน้ำมันที่ใช้ซ้ำๆ
          การเลือกรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันซ้ำๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็น กล้วยทอด ปาท่องโก๋ ลูกชิ้นทอด ฯลฯ นอกจากการใช้น้ำมันซ้ำๆ จะทำให้เราแก่เร็วแล้ว ยังทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งอีกด้วยค่ะ


ขอบคุณภาพประกอบ : http://thewondertwins.blogspot.com/
อาหารหมักดอง
         อาหารหมักดองจำพวก ผักดอง ผลไม้ดอง นั้น เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยงค่ะ เพราะการรับประทานอาหารหมักดองนั้นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แก่ก่อนวัย และเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งอีกด้วย


ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.realsimple.com/
อาหารปิ้ง ย่าง
         การรับประทานอาหารปิ้ง ย่าง ที่ไหม้เกรียมๆ นอกจากที่เรารู้ๆ กันแล้วว่าเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง นอกจากนั้น การรับประทานอาหารปิ้ง ย่างยังทำให้ร่างกายดูโทรมอีกด้วยค่ะ


ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.buzzfeed.com/
อาหารที่มีไขมันสูง
        อาหารที่มีไขมันสูงๆ นั้นจะยิ่งเราเลือกรับประทานเข้าไปจะทำให้ร่างกายของเราได้รับสารอนุมูลอิสระที่เพิ่มมากขึ้น จนทำให้ร่างกายแก่ก่อนวัยอันควรค่ะ


ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.food.com/
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
        ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟต่างๆ ที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน ยิ่งถ้ารับประทานบ่อยๆ จะทำให้ร่างกายของเราลดการดูดซึมวิตามินบีและแคลเซียมในร่างกาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระค่ะ


ขอบคุณภาพประกอบ : http://indulgy.com/
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
         การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ นั้นจะลดการดูดซึมของแคลเซียม วิตามินบีและวิตามันซี ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และนอกจากนั้นแล้ว การดื่มเครื่องดื่มที่แอลกอฮอล์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงเป็นไขมันได้อีกด้วย เรียกได้ว่าทั้งทำให้แก่เร็วและยังทำให้มีไขมันเพิ่มในร่างกายอีกด้วยนะคะ


ขอบคุณภาพประกอบ : http://mugenstyle.tumblr.com/
           การมีวินัยในการเลือกรับประทานอาหารนั้น นอกจากจะช่วยให้ชะลอการแก่ก่อนวัยแล้ว ยังช่วยให้เรามีสุขภาพที่ดีด้วยนะคะ

ซูมชัดๆ ชุดแต่งงาน นุ่น ศิรพันธ์ เก๋ เก่า เรียบง่าย แต่ลงตัวอ่ะ

ผ่านไปแล้ว สำหรับงานแต่งงานสุดเก๋ไม่เหมือนใครของ "คู่รัก รักษ์โลก" อย่าง "นุ่น ศิรพันธ์" และ "ท็อป พิพัฒน์" ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแลนด์มาร์ค กรุงเทพฯ
งานแต่งงาน นุ่น ท็อป
โดยช่วงเช้ามีพิธีหมั้นแบบไทย ผูกข้อมือตามประเพณีทางภาคเหนือ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเจ้าสาว ส่วนเจ้าบ่าว นำขบวนขันหมากหอบสินสอดทองหมั้น มามอบให้แก่ครอบครัวเจ้าสาว ประกอบด้วยแหวนเพชร 3 กะรัต เงินสด 1 ล้าน 5 แสนบาท ทอง 30 บาท โฉนดที่ดิน 1 แปลง เครื่องเพชร 3 ชุด เป็นการจัดงานเน้นที่ความพอเพียงเรียบง่าย แต่ดูดี ไม่มีที่ติมากๆ ค่ะ
ชุดแต่งงาน นุ่น ศิรพันธ์
ช่วงเช้านี้เจ้าสาว "นุ่น ศิรพันธ์" มาในชุดไทยสไบเฉียงสีทอง สวยสง่า งดงามอร่ามตา แบบเรียบแต่ดูหรูหรา ขับสีผิวให้ดูผ่องมากๆ และด้วยเนื้อผ้าที่มันวาว จับแสง โดยเฉพาะเวลาถ่ายรูป ทำให้เจ้าสาวดูงดงามจับตามากยิ่งขึ้นค่ะ
โทนการแต่งหน้า "นุ่น" มากับโทนสีนู้ดชมพูเบาๆ ส่วนทรงผม เรียบง่ายแต่ดูดีไม่แพ้กัน ด้วยการแสกกลางที่ด้านหน้า ด้านหลังรวบตึง ประดับผมด้วยดอกไม้ไทย

ชุดแต่งงาน นุ่น ศิรพันธ์
จากนั้นเวลา 17.00 น. ในวันเดียวกัน "นุ่น ท็อป" ได้ควงแขนกันออกมาแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชน ท่ามกลางความซึ้งและชื่นมื่นเบาๆ ก่อนจะเข้าร่วมพิธีฉลองมงคลสมรส ในรูปแบบการจัดงานยังคงเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือ ธีมงานแต่งงาน "แนวรักษ์โลก Eco Wedding" ตามสไตล์ของทั้งคู่ เชื่อว่างานนี้อินดี้ไม่เหมือนใครแน่นอน
ช่วงค่ำของงานฉลองมงคลสมรส "นุ่น" ไม่ได้มากับชุดเจ้าสาวที่อิมพอร์ตมาจากเมืองนอกราคาแพงเวอร์ เธอมาในชุดเจ้าสาวสุดอินดี้ ที่ดูดี๊ ดูดี เป็นมือสอง เพื่อเข้ากับคอนเซ็ปต์ลดการใช้วัสดุตัดเย็บชุดใหม่ บอกเลย แม้จะดูเรียบๆ แต่เริ่ดมากๆ ค่ะ
ส่วนเจ้าบ่าว "ท็อป พิพัฒน์" ก็น่ารัก รักษ์โลกไม่แพ้กัน มากับชุดหล่อๆ ที่ตัดขึ้นใหม่ในแบบคลาสสิก แต่สามารถใส่ออกงานอื่นๆ ในอนาคตได้อีกหลายครั้งเลยค่ะ
เรียกว่าเป็นคู่รัก ที่น่าเป็นแบบอย่างมากๆ การจัดงานแต่งงาน ไม่จำต้องเวอร์วัง สิ้นเปลืองอะไรมาก ขอแค่พอดี อยู่ในขอบเขตข เพราะสิ่งสำคัญที่สุด คือ ความรัก ที่ทั้งคู่มอบให้แก่กันเนอะ

ย้อนเส้นทางความรักมาราธอน
“ท็อปเป็นฝ่ายโทรมาหา นุ่น เพิ่งรู้ทีหลังว่าไปขอเบอร์มาจากโอปอลล์ เพราะเราเคยร่วมงานกันในหนังเรื่อง 'เพื่อนสนิท' แล้วท็อปกับโอปอลล์มีโอกาสได้ทำงานร่วมกัน นุ่นก็รู้จักเบื้องหลังท็อปว่าเขาเป็นนักแสดงเพราะเราเคยดูผลงาน แต่ก็รู้ว่าเขาเป็นเหมือนดีไซเนอร์ เรียนเกี่ยวกับศิลปะมาด้วย และนุ่นชอบงานศิลปะอยู่แล้ว เพราะตัวเองเรียนวิศวะเราก็อยากได้คนมาช่วยบาลานซ์ พอได้พูดคุยกันก็พบว่าชอบอะไรคล้ายๆ กันจึงตัดสินใจคบกันแรกๆ ก็มีความแตกต่างกันเยอะ เคยบอกว่าเราอย่าเพิ่งเริ่มต้นความสัมพันธ์ เป็นเพื่อนนี่แหละดีแล้วเขาคิดว่าอยากลองดูก็เลยพยายาม จนมาถึงทุกวันนี้ก็ 8 ปีแล้วค่ะ”
เคล็ดลับความรักยืนยาว
"เคล็ดลับของเราคือยอมรับการ เป็นตัวของตัวเอง นุ่นไม่ได้ยอมรับในพาร์ตดีของเขานะ เพราะเราเห็นตั้งแต่แรก แต่นุ่นยอมรับอารมณ์ของเขาได้แล้วเขาก็ยอมรับอารมณ์ที่ไม่ดีของนุ่นได้ เหมือนกัน ต่างคนก็ต่างรับได้ พอลงตัวก็มีความสุข เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้เราอยู่ด้วยกันได้นาน"

แฟชั่นเรียบง่าย สบายๆ ในสไตล์ “โบวี่ อัฐมา”

          หลายคนอาจจะสงสัยว่าเหล่าบรรดา คนในวงการบันเทิงบ้านเรานั้น ปกติแล้วเขาจะชอบแต่งตัวสไตล์ไหนกันบ้างนะ! เพราะที่เราเห็นในจอทีวีหรือตามงานต่างๆ แต่ละคนก็ทั้งสวยจัดเต็มกันทั้งนั้น ในวันนี้ ได้เจอสาว "โบวี่ อัฐมา" เลยขอสัมภาษณ์อัพเดทแฟชั่นในชีวิตประจำวันของเธอกัน จะเป็นอย่างไรบ้างนั้น มาดูกันค่ะ

สไตล์การแต่งตัว
           "ชีวิตจริงกับการทำงานจริงๆ แล้วไม่เหมือนกันเลยค่ะ ชีวิตจริงโบจะชอบแต่งแนว Street กางเกงยีนส์ ชุดเอี่ยมยีนส์ รองเท้าทรง Oxford  บางทีก็จะใส่เสื้อตัวใหญ่ๆ กางเกงขาสั้น หรือถ้าอีกลุคจะเป็นสไตล์หวานๆ พวกเดรส Maxi หลักๆ จะชอบชุดที่ใส่สบายๆ"


สถานที่ที่ชอบไป Shopping
           "ถ้าเสื้อผ้าจะไม่ค่อยยึดติดกับแบรนด์ค่ะ Shopping หลากหลายมาก ร้านใน Instargram ก็ชอบค่ะ เพราะเขาดีไซน์เอง ทำเอง ดูไม่ซ้ำแบบดี เวลาไปต่างประเทศก็จะเลือกซื้อกลับมาด้วย แต่ราคาไม่ได้แพง ตามแหล่ง Shopping ทั่วไปที่วัยรุ่นชอบค่ะ ถ้าเจอที่ชอบใจก็ซื้อเลย"

ขอบคุณภาพประกอบ : IG @bowie_atthama

             และในวันนี้โบวี่ได้นำชุดที่ชอบมาให้สาวๆ ได้ดูกันด้วยนะ ซึ่งชุดนี้ โบวี่บอกว่าราคาไม่ถึง 1,000 บาท และซื้อตามตลาดนัดในเมืองไทยเลย


               เห็นไหมค่ะสาวๆ การเลือกซื้อเสื้อผ้านั้น ไม่จำเป็นต้องมีราคาแพง เพียงแค่เราลองจับมามิกซ์แอนด์ แมทช์ให้เข้ากัน ก็เพิ่มความมั่นใจให้กับสาวๆ ได้แล้วละค่าาา ^^ ตอนนี้เราไปดูแฟชั่นการแต่งตัวของสาวโบวี่ กันดีกว่าค่ะสาวๆ

แฟชั่นชุดขาว ดำ แต่งง่ายๆ สไตล์ Minimal

        ถือเป็นเทรนด์แฟชั่นที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปีนี้ก็ว่าได้ค่ะ กับการแต่งตัวเรียบ ง่าย แต่ชิคเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตัวคุมโทน การมิกซ์แอนด์แมทช์จับคู่ระหว่างเสื้อกับกระโปรง,กางเกง โดยที่ไม่เน้นการแต่งตัวที่ดูมากจนเกินไป วันนี้มีไอเดียการแต่งตัวสไตล์ Minimal ที่ใช้โทนสีขาวและสีดำเป็นหลักมาฝาก จะเป็นอย่างไรบ้างนั้นมาดูกันค่ะ
           การจับคู่กันระหว่างเสื้อครอป กับกระโปรงเอวสูงที่มีโทนสีเดียวกัน โชว์เอวเล็กน้อย นอกจากจะดูลงตัวเข้ากันได้ดีแล้ว ยังดูเซ็กซี่มีลูกเล่นอีกด้วยนะคะสาวๆ
 
ขอบคุณภาพประกอบ : https://www.bloglovin.com/
           การเลือกชุดเดรสสีขาวหรือสีดำ ดีไซน์ธรรมดาทั่วไป อาจจะ เว้าส่วนเอวหรือลูกเล่นต่างๆ เล็กน้อย ก็สามารถนำมาใส่ในวันสบายๆ ชิวๆ ได้ค่ะ
 ขอบคุณภาพประกอบ : https://www.bloglovin.com/
            การแต่งตัวในสไตล์ Minimal ก็แต่งตัวแถวเซ็กซี่ได้นะ แต่ดูแล้วเซ็กซี่แต่ดูชิวๆ สบายๆ นะด้วยโทนสี และลักษณะเนื้อผ้า ทำให้สามารถใส่ได้แบบชิคๆ ค่ะ
 ขอบคุณภาพประกอบ : https://www.bloglovin.com/
           นอกจากการแต่งตัวโทนสีเดียวกัน เราสามารถเลือกใส่แบบส่วนบนหนึ่งสี ส่วนล่างหนึ่งสีก็ได้ค่ะ
ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.dahong.co.kr/
           และอีกลุคหนึ่งที่ดูเท่ แต่เรียบง่าย เพียงแค่หยิบเสื้อสูทมาใส่ทับซักหนึ่งตัว จะแต่งตัวใส่สายเดียวแล้วใส่สูทก็ดูดีไปอีกแบบค่ะสาวๆ
 
ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.hellofashionblog.com/
        สำหรับสาวๆ คนไหนที่อยากลองเปลี่ยนลุคเปลี่ยนสไตล์เป็นสาว Minimal อย่ารอช้าค่ะ เปิดตู้เสื้อผ้า จับมามิกซ์แอนด์แมทช์ง่ายๆ เรียบๆ แต่ชิคสุดๆ กันเลยยย ^^

5 เทคนิคมิกซ์แอนด์แมตช์แบบสบายกระเป๋า

        ปฏิเสธไม่ได้ว่าการแต่งกายที่ดูดี เหมาะสมกับบุคลิกของตัวเอง ช่วยเสริมบุคลิกและความมั่นใจให้กับเราได้มาก...แต่บางครั้งการแต่งตัวก็อาจต้องใช้งบประมาณเยอะไม่ใช่เล่น เพื่อเป็นตัวช่วยให้กับสาวๆ

          ‘อัมรินทร์ เบสท์ แบรนเด็ด เอาท์เล็ท อินทาวน์’ จึงเชิญ 2 สไตลิสท์ระดับประเทศอย่าง คุณอาร์ต - อารยาอินทรา และ คุณเก๋ - วริยาพงศ์ขจรมาบอกเล่าถึงกระแสแฟชั่นรวมถึงเทคนิคมิกซ์แอนด์แมตช์แบบมืออาชีพที่สําคัญสบายกระเป๋าด้วยค่ะ


1.รู้จุดด้อย เสริมจุดเด่น แต่งร้อยครั้ง สวยร้อยครั้ง
         การจะคอมพลีทลุคสักลุคหนึ่งการทราบถึงข้อดีและข้อด้อยในรูปร่างของตนเองช่วย การันตี ‘ความเกิด’ ของลุคได้มากกว่าครึ่งอาทิหากคุณสาวๆ มีขาที่เรียวงามก็อาจใส่กระโปรงแหวกสูงเพื่อเผยให้เห็นเรียวขาที่สง่างาม
         และทําให้ช่วงขาดูยาวมากยิ่งขึ้นด้วยหรืออาจเลือกเสื้อเปิดไหล่สําหรับสาวๆ ที่อยากโชว์ช่วงไหล่และไหปลาร้าของตัวเองเป็นต้นแต่ต้องระวังอย่าให้เปิดมากจนดูโป๊เกินไป

ขอบคุณภาพประกอบ : https://www.bloglovin.com/

2.เรียบ...แต่หรูและดูดี
          อีกหนึ่งหัวใจหลักสําหรับแฟชั่นเกิร์ลหน้าใหม่ในการเลือกเสื้อผ้าคือ‘ความ เรียบง่าย’ โดยอาจเน้นที่เสื้อผ้าสีพื้นและสีแนวธรรมชาติหรือเอิร์ธโทนอาทิสีน้ําตาลสี เบจเพราะสีเหล่านี้มีความคลาสสิกในตัวเองและสามารถจับคู่ได้กับทุกเฉดสีจึง ช่วยให้แฟชั่นนิสต้าทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่คอมพลีทลุคสุดเก๋ได้เหมาะสมกับทุก สถานการณ์

          นอกจากเรื่องสีแล้วลายกราฟิกบนเนื้อผ้าก็มีความสําคัญเพราะเพียงเติม ลายกราฟิกง่ายๆ ที่เป็นที่รู้จักอย่างลายสก็อตลายตารางหรือลายเส้นต่างๆ ก็จะช่วยครีเอทลุคที่มีความแตกต่างและดูน่าสนใจได้อย่างไม่น่าเชื่ออีกหนึ่ง ตัวแปรสําคัญที่เปรียบเสมือนไฮไลท์ของ

ขอบคุณภาพประกอบ : http://wachabuy.com/

การแต่งกายก็คือ ‘ความมั่นใจ’เพราะเมื่อมั่นใจแล้วการแสดงออกจะสอดคล้องและเหมาะสมไปกับความงามของชุดที่เราสวมใส่และช่วยคอมพลีทลุคทั้งหมดให้โดดเด่นและดูดีอย่างไม่น่าเชื่อ

3.เลือกชิ้นเด่น แมตช์ชิ้นเสริม เริ่มด้วยสี
          งานปาร์ตี้หลายๆงานมักจะมีธีมการแต่งกายให้ผู้ร่วมงานได้สนุกกับการแต่งตัว ซึ่งการแมตช์ลุคให้เข้ากับธีมงานนั้นมีเทคนิคง่ายๆที่ช่วยให้ทุกคนเฉิดฉาย คือเริ่มต้นด้วยการเลือกคีย์ไอเท็มของลุคเสียก่อนโดยคํานึงถึงบุคลิกภาพและ ธีมของงานนั้นๆ เป็นหลัก

          เช่นหากจะร่วมงานที่กําหนดธีมลายดอกไม้ก็อาจเลือกหยิบเสื้อเชิ้ตลายดอกไม้ ที่มีสีสันเข้ากับตัวตนและช่วยขับผิวให้ดูสว่างขึ้นมาสักตัวก่อนจะลองแมตช์ เสื้อผ้าและเครื่องประดับชิ้นอื่นๆให้เข้ากับเสื้อเชิ้ตตัวนั้นสําหรับมือ ใหม่แนะนําให้เริ่มแมตช์จากเสื้อผ้าสีพื้นๆ เป็นหลักแต่สําหรับแฟชั่นนิสต้ามือเก๋าสามารถเลือกแมตช์สีในสไตล์ของตัวเอง ได้เต็มที่เช่นคัลเลอร์บล็อกเพื่อสร้างลุคที่โดดเด่นไม่ซ้ํากับใคร

ขอบคุณภาพประกอบ : https://www.etsy.com/

4.เดรสดํา รองเท้าส้นสูง 2 ไอเท็มจัดเต็มทุกงาน
        เรียกได้ว่าเป็น‘Must-HaveItem’ที่เหล่าสไตลิสท์ยอมรับกันมานานกับ‘Little Black Dress’และ‘High Heels’คู่ชุดเดรสสั้นสีดําและรองเท้าส้นสูงคุณภาพดีที่นอกจากจะมีความเป็น สากลสูงแล้วยังสามารถการันตีได้เลยว่าไม่ว่าจะงานไหนก็แจ้งเกิดได้ทุกงานโดย สาวๆ ไม่จําเป็นต้องเลือกเดรสที่ราคาสูงลิบเพียงแต่ต้องมีความยาวที่พอดีกับความ สูงและเลือกรูปทรงที่เข้ากับรูปร่างของตัวเอง

        ในขณะที่รองเท้าส้นสูงก็ต้องแมตช์กับชุดสีอาจเลือกเป็นสีดําคู่กันหรือดี ไซน์และคัทติ้งที่เข้ากับตัวตนรวมถึงวัสดุต้องทนทานใส่สบายแต่ถ้าอยากเพิ่ม ความแซ่บเข้าไปอีกนิดแนะนําให้เลือกชุดเดรสเลื่อมที่คอนเฟิร์มเลยว่าเรียก ทุกสายตาได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ขอบคุณภาพประกอบ : http://www.popsugar.com/

5. เติมความเป๊ะกับเครื่องประดับชิ้นเก๋
       เครื่องประดับสามารถปรับลุคทั้งหมดให้ดูหรูหราหรือสนุกมากขึ้นได้โดยต้อง เลือกเครื่องประดับที่มีดีไซน์และสีที่แมตช์กับเสื้อผ้าที่สวมใส่เช่นเลือก ตุ้มหูระย้าแมตช์กับชุดเดรสเปิดไหล่จะช่วยเสริมความหรูหราให้กับการแต่งกาย โดยรวมหรือลองถือกระเป๋าคลัตช์ใบเล็กๆ ที่ช่วยเสริมลุคให้ดูเฟมินีนมากขึ้น
       หรืออาจเพิ่มความเก๋ด้วยการแมตช์เครื่องประดับหลายๆชิ้นเข้าด้วยกันแต่ต้อง ระวังอย่าประโคมเครื่องประดับมากเกินไปเพราะจะแย่งความน่าสนใจของเสื้อผ้า ส่วนอื่นๆ ไปหมด   

ใครจะได้เป็น idol คนใหม่ของ her world Idol 2015 9 ก.ย. ห้ามพลาด

พบกับสาวสวยวัยใสทั้ง 20 คน ใครกันจะได้เป็น idol คนใหม่ของ her world Idol 2015 การประกวดรอบตัดสินวันพุธที่ 9 ก.ย. 58 ณ ชั้น M Terminal 21 พร้อมมินิคอนเสิร์ตจากรุจ ศุภรุจ, แอมป์ ภูริกูลกฤษฎ์ และกันอชิ อชิรวิทย์
และร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการค้นหาสาว her world popular vote 2015 ได้แล้ว ด้วยขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้

1. กด *569* ตามด้วยหมายเลขผู้สมัคร# โทรออก เช่น *569*23# โดย 1 Vote ได้ 1 คะแนน (เพียงครั้งละ 6 บาท) เฉพาะเครือข่าย AIS เท่านั้น

2. ส่ง SMS พิมพ์ HW ตามด้วยหมายเลขผู้เข้าประกวด มาที่ 4642789 เช่น พิมพ์ HW1 ส่ง SMS มาที่ 4642789 โดย Big vote ได้ 5 คะแนน (เพียงครั้งละ 30 บาท) ส่งได้ทุกเครือข่าย

โหวตได้ตั้งแต่วันนี้ – 9 กันยายน 2558


สำหรับ ผู้ที่โหวตจำนวนมากที่สุดผ่าน AIS ให้กับผู้ที่ได้ตำแหน่ง her world popular vote 2015 ลุ้นรับ! Sumsung GALAXY TAB 9.7” มูลค่า 14,900 บาท (จำนวน 1 รางวัล) และผู้ที่โหวตสูงสุดอันดับ 2 และอันดับ 3 รับรางวัล AIS Bookstore Buffet Unlimited Magazine มูลค่า 2,790 บาท

กว่าจะสวย ไม่ใช่เรื่องง่าย แชร์ประสบการณ์จาก ด.ช. กลายเป็น น.ส.

ผู้ชายอยากสวย ผู้หญิงอยาก หล่อ ในยุคนี้ถือเป็นเรื่องปกติมากๆ ด้วยความที่สังคมยุคใหม่เปิดกว้างมากขึ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ดังเช่นเรื่องราวของ "เขา" หรือ "เธอ" คนนี้ "คุณเอ็ม" สมาชิกจาก กระทู้ฮอต Pantip.com ที่มาแชร์เรื่องราวประสบการณ์จริงบนโลกออนไลน์ เปลี่ยนแปลงตัวเองจาก "ผู้ชาย" กลายเป็น "ผู้หญิง"

มันไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด เพราะต้องผ่านอะไรมากมาย ประสบการณ์ของเธอจะเป็นอย่างไร ตามมาติดตามเลยค่ะ
ผู้หญิงอย่าหยุดสวย! แชร์ประสบการณ์จาก ด.ช. กลายเป็น น.ส.
แนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อ เอ็ม ตอนนี้อายุ 24 ปีค่ะ เคยได้อ่านประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเพื่อนๆ หลายๆ คนก็เลยแอบมานึกถึงตัวเองว่าตัวเราเองก็เป็นอีกคนนึงที่ผลักดัน อยากเปลี่ยนแปลงตัวเองมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน.
วันนี้ก็เลยขอยืม id เพื่อนเพื่อมาแชร์ประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยตรงที่เกิดขึ้นกับตัวเอ็มเองค่ะ
เริ่มเลยละกันเนอะ จะได้ไม่เสียเวลาเพื่อนๆ >>>
ต้องบอกก่อนเลยว่า เราเคยเป็นเด็กผู้ชายตัวดำๆ เหมี่ยงๆ เกิดที่โคราช มาโตที่ปากช่อง มักจะถูกเพื่อนล้อเรื่องสีผิวมาโดยตลอด ว่าดำบ้างละ ขาเรืองแสงบ้าง (เพราะมันดำบวกกับการทาครีมหนัก) แล้วบวกกับที่ว่าสังคมตอนนั้นยังไม่ยอมรับเพศที่สามได้มากขนาดนี้ด้วย เราเลยได้รับอิทธิพลการดูถูกจากคนรอบๆ ข้างมาเยอะพอสมควร งั้นเราจะให้ดูรูปตอนเด็กๆ ไปพรางๆ พร้อมพัฒนาการการเปลี่ยนแปลงตัวเองของเราไปละกันเนอะ>>>

นี่สมัยยังเด็กมากๆ คงยังดูไม่ออก 555+ >>>>

อ่ะ.... โตขึ้นมาอีกหน่อย (คงไม่ต้องบอกก็รู้เนอะว่าคนใหน) 555+ ตอนนั้นก็ยังไม่รู้ตัวเอง รู้แค่ว่าชอบของสวยๆ งามๆ แค่นั้น ยังไม่มีความรู้สึกว่าชอบผู้ชาย
อ่ะต่อนะคะ>>>> เรามารู้ตัวว่าเราไม่ใช่ผู้ชายละตอน ป.6 ตอนนั้นเพื่อนทุกคนอึ้งมากเพราะตอนเข้ามาเรียนนางแอ๊บแมนจ้า 555+ หลังจากนั้นก็เริ่มมีการเปิดตัวเอง ด้วยอาการหลายๆ อย่างที่เพื่อนๆ ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า "อินี่ตุ๊ดละ" 555+

จนเวลาก็เดินทางมาจนถึง ม.3 ตอนนั้นรู้ละว่ายังงัยเราก็อยากเป็นผู้หญิง เลยตัดสินใจเปิดใจคุยกับทางบ้าน และโชคดีมากที่ทางบ้านเรารับได้ แต่มีกฏตายระหว่างเอ็มกับแม่คือ แม่ขอเลยว่าถ้ารักที่จะเป็นผู้หญิง ก็ต้องทำตัวให้เป็นผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นกริยาท่าทางรวมไปถึงการใช้ชีวิต มารยาท เราก็ตอบตกลงเลยทันที แต่ตอนนั้นงงมากว่าจะสวยได้ยังไง >>>



ป๊าด... ทางม้าลายชัดๆ ร้องไห้
ดูสิ มันจะสวยยังไงได้ (ตอนนั้นมีแต่คนชมว่าหล่อ คม อย่าเป็นเลยไม่รุ่งหลอก) แต่ในใจนี่คือแบบ.... ฆ่าฉันๆ ให้ตายดีกว่า 555+
ต่อคะ>>> จนจบ ม.3 จากปากช่อง ก็ได้มีโอกาศมาเรียนต่อที่อเมริกา ตอนนั้นรู้สึกอย่างเดียวเลยว่าดีใจมาก เนี่ยแหละหนทางความสวยของช้าน 555+ มาอยู่อเมริกาก็ทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย ลำบากคะ แต่ก็สนุกดีนะ คิดอย่างเดียวว่าเราจะต้องดูดีขึ้น ต้องสวยขึ้น เพราะวันที่เรากลับไปเมืองไทย ทุกคนต้องตะลึง (คิดแบบนี้จริงๆ) >>>


นี่คือปีแรกที่ได้มาเรียนอเมริกา และนางก็เป็นนักกีฬาโรงเรียนจ้า (ผมเริ่มยาวละจ้า)

ผู้ชายถามว่า เอ็มยูเป็นเกย์ป่ะ? ไอนี่ตอบเลยว่า.... โนวๆๆ แอ็มนอทเกย์นะ (แต่ก็ไม่ใช่ผู้ชายนะ) 55+

ก็ ใช้ชีวิตในการเป็นนักเรียน high school จนถึงอายุ 18 ปี ตอนนั้นผมเริ่มยาวละ ก็เลยเริ่มปรึกษากับแม่อีกสเต็ปนึงว่าเราต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่เปลี่ยนใจละ คืออยากเป็นผู้หญิงแบบเต็มตัว แม่บอกคิดให้ดีก่อนดีมั้ย เป็นแบบไม่ออกได้มั้ย คือมันเป็นเรื่องใหญ่นะ กลับไปคิดให้มากๆ อีกซักนิดจะดีกว่านะ เรานี่แบบ.... แป้วเลยละตอนนั้น เศร้า

ก็ เลยกลับมาคิดใหม่ คิดๆๆ คิดทบทวนอีกทีว่ามันคือสิ่งที่เรารู้สึกและอยากจะเปลี่ยนจริงๆ ใช่มั้ย คำตอบก็ออกมาเป็นแบบเดิมนั่นคือ เราอยากเป็นผู้หญิง เราอยากสวย เราไม่ได้อยากเป็นเกย์ เราอยากเป็นเหมือนแม่ แม่ทั้งสวยและเก่ง ใช้เวลาคิดศึกษาหาข้อมูลอยู่เป็นเวลา 1 ปี จนอายุ 19-20 ปี เลยคุยกับแม่ใหม่อีกรอบ โดยรอบนี้มีน้องชายมาร่วมนั่งคุยด้วย เราก็เลยบอกแม่ไปเลยว่า
แม่.... หนูคิดดีแล้วนะ และหนูก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจแน่นอน ถ้าการตัดสินใจของหนูมันจะส่งผลดีหรือผลเสียยังไงหนูก็รับได้คะ แม่ก็เลยถามว่าอยากจะทำอะไร? เราก็เลยบอกแม่ว่าอยากแปลงเพศก่อน แล้วแม่ก็นิ่งๆ ไป คือเราก็รู้แหละแกคงไม่ค่อยเห็นด้วย บวกกับน้องซึ่งเป็นผู้ชาย เราก็แอบกังวลนิดนึงว่าน้องเราละ จะยังไง เพื่อนน้องจะล้อมั้ยว่ามีพี่เป็นแบบนี้ แต่น้องชายบอกว่าโอเค เพราะยังไงเราก็เปลี่ยนไม่ได้แม่แกเลยปล่อย
แต่!!! ประเด็นตอนนั้นมันคือ เราต้องหาเงินทำเองนะ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เราเลยตั้งใจทำงานเก็บเงินด้วยตัวเราเอง จนทำได้สำเร็จ เราแปลงเพศตอนอายุ 20 ปี นั้นคืออย่างแรก >>> อย่างที่สอง เราก็ทำงานเก็บเงินทำจมูก >>> และอย่างที่สามเราก็มีโอกาศได้ทำหน้าอกตอนอายุ 22 ปี ทุกอย่างเป็นเงินของเราหมด โดยเราไม่ต้องแบมือขอเงินแม่เลยซักบาทเดียว คือมันเป็นความภุมิใจอีกอย่างนึงนะสำหรับเรา เราทำงานหาเงินเองตั้งแต่เด็ก ค่าใช้จ่ายส่วนตัวมันคือเงินของเราเองหมด แม่เลยไม่ว่าอะไร
>>> และความภูมิใจอีกอย่างเมื่อไม่นานมานี้เองทุกคน เราได้เป็นพลเมืองของคนอเมริกาอย่างเต็มตัวเป็นที่เรียบร้อย และทางกฏหมายที่นี่ก็เปลี่ยนคำนำหน้าจากนายเป็นนางสาวโดยที่เราจะได้รับ สิทธิการเป็นผู้หญิงเท่าเทียมกับผู้หญิงคนอื่น (ดีใจมากกกกกกก) เพราะจะมีซักกี่คนที่รู้ว่ามันสำคัญในการใช้ชีวิตกับเรามากขนาดใหน
>>> หลังจากนั้นก็พัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ คะ ทั้งหน้าตา รูปร่าง ผิวพรรณ แต่ด้วยความที่เราเป็นคนคล้ำมาแต่เด็กก็อาจจะไม่ได้ขาวจั้วหลอกคะ

จำ คำแม่ขึ้นใจเสมอว่าการที่เราเป็นแบบนี้ จะทำให้คนยอมรับได้นั้น สิ่งสำคัญเลยคือการวางตัว คนจะยอบรับไม่ยอมรับเราได้นั้น ขึ้นอยู่กับการวางตัวของเราเป็นหลัก เราต้องขอบคุณการเลี้ยงดูของทางบ้าน แม่ ป๊า ที่เข้มงวดเรื่องวินัย การพูดจา ทุกอย่างที่ทุกคนสอนมันทำให้เราโตขึ้นมาเป็นคนแบบนี้จริงๆ
>>> เล่าตั้งนาน มาดูพัฒนาการช่วงหลังๆดีกว่า ติชมได้เลยน้า เราจะได้เอาไปพัฒนาตัวเอง

นี่แหละคุณแม่ผู้เข้มงวดเรื่องการวางตัวมาก ตอนนั้นยังหน้าเบี้ยวเพราะจัดฟันคะ 555+

และนี่ก็คือในวันที่มีหน้าอกหน้าใจเจ้าคะ 55+

ขยับมาอีกนิดกับพัฒนาการคะ แต่เหล็กยังคงอยู่

ผมยาวมากช่วงนั้น
>>> และสุดท้ายก็เป็นช่วง 1-2 ปีหลังมานี้คะ


ตอนนั้นทรายสีเพลิงกำลังดัง นี่ก็ตามรอยซะหน่อย ซานฟรานซิสโก

ก็ยังคงอยู่ที่ซานฟราน


>>> และล่างนี้ ก็ปีนี้คะ 2015


>>> เนี่ยแหละทุกคนคะ แรงดูถูกจากใครหลายๆคนในวันนั้น ทำให้เราฮึดอยากที่จะสวย เราเลยอยากจะเป็นอีกหนึ่งแรงบรรดาลใจให้กับใครหลายๆ คนที่กำลังหมดหวัง เชื่อเราเถอะ คนเรามันพัฒนาได้ อยู่ที่ว่าคุณจะมีความพยายามมากน้อยขนาดใหน ศึกษาหาข้อมูลให้ดี

เอาคำกดดัน คำดูถูกทั้งหมดมาเป็นแรงบวก แล้วพัฒนาตัวเอง ยังไงคนเราก็ชอบมองของสวยๆ งามๆ คะ
>>>> ยังไงก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ ชอบไม่ชอบยังไงก็สามารถติชมมาได้ค่ะ แล้วเดี๋ยวมีอะไรจะมาอัพเดทให้ชมเรื่อยๆ นะคะ
>> หรือเข้าไปตามใน ig / facebook ได้นะค้า ig: m.paopao และ facebook: https://www.facebook.com/yoranda.kittipraphaphong
>>>> สู้ๆคะ เราเป็นกำลังใจให้