วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

7 ข้อดีของการ “เดิน” กิจวัตรประจำวันที่ทำให้คุณผอมและมีสุขภาพดี


7 ข้อดีของการ “เดิน” กิจวัตรประจำวันที่ทำให้คุณผอมและมีสุขภาพดี

7 ข้อดีของการ “เดิน” กิจวัตรประจำวันที่ทำให้คุณผอมและมีสุขภาพดี

       เป้าหมายที่แท้จริงในการลดความอ้วน ไม่ได้อยู่ที่การลดน้ำหนักตัวแต่เป็นการลดไขมันในร่างกาย ซึ่งการเผาผลาญไขมันในร่างกาย จะเริ่มขึ้นหลังจากเริ่มออกกำลังกายสักระยะการเดินเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ หนัก ทำให้ทำได้นานจึงช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้ดี
1.เริ่มต้นง่ายและประหยัด
       แค่มีรองเท้ากีฬาที่ใส่สบายและเหมาะสมกับเท้าของตัวเอง ก็สามารถเริ่มได้ทันที โดยไม่ต้องซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกายราคาแพง หรือสมัครฟิตเนส ทั้งยังไม่ต้องหาเวลาหรือสถานที่เฉพาะ เพียงแค่ปรับให้การเดินอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น เวลาออกไปข้างนอก ก็เลือกวิธีเดินแทนการขับรถ หรือโดยสารพาหนะ ทั้งยังช่วยประหยัดค่าเดินทางด้วย
2. ข้อเสียน้อย ข้อดีเยอะ
      แรงกระแทกเมื่อเท้าสัมผัสพื้นจะอยู่ที่หนึ่งหรือสองเท่าของน้ำหนักร่างกาย ซึ่งน้อยกว่าการวิ่ง ทั้งที่เป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเหมือนกัน นอกจากนี้ในระยะเท่ากัน อัตราการดึงไขมันในร่างกายมาใช้ก็ใกล้เคียงกัน ผลการวิจัยในสหรัฐอเมริกาพบว่าการเดินออกกำลังกายครั้งละ 45 นาที สัปดาห์ละ 4 ครั้งอย่างต่อเนื่อง ในระยะเวลา 1 ปี จะช่วยลดน้ำหนักตัวได้ 8.2 กิโลกรัม
3.สลายไขมันในร่างกายได้เร็ว
      ไขมันในร่างกายไม่ได้เริ่มเผาผลาญตั้งแต่เริ่มออกกำลังกาย แต่ต้องออกกำลังกายไปสักระยะจึงจะเริ่มเผาผลาญ โดยปกติแล้ว การเดินเร็ว 10 - 20 นาทีจะช่วยสลายไขมัน ซึ่งการเดินในความเร็วที่พอเหมาะจะทำให้ไม่เหนื่อยและทำได้นาน จึงส่งผลดีต่อการสลายไขมันในร่างกาย โดยเฉพาะหากออกกำลังกายแบบแอโรบิกขณะท้องว่าง ร่างกายจะดึงน้ำตาลที่สะสมไว้มาใช้เป็นพลังงาน จึงช่วยลดความอ้วนได้ดี
4.ลดความเครียด
      การเดินช่วยกระตุ้นสมองได้อย่างพอเหมาะ ทำให้เกิดการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินมากขึ้น ส่งผลให้อารมณ์ดีจิตใจแจ่มใส เพราะการควบคุมอาหารในช่วงที่ลดความอ้วนจะทำให้เกิดความเครียดได้ ในช่วงเวลานี้ หากได้เดินออกกำลังกาย ก็จะช่วยบรรเทาความอยากอาหารลง อารมณ์จึงดีขึ้น การเดินจึงถือเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการขจัดความเครียดจนสามารถรักษา อาการซึมเศร้าได้เลย
5.ไม่มีภาวะโยโย่
      เนื่องจากเป็นการออกกำลังกายเบา ๆ ที่ไม่ทำให้เหนื่อยมาก จึงไม่เกิดความรู้สึกหิวโซเหมือนเวลาออกกำลังกายหนัก ทั้งยังช่วยคลายเครียด จึงป้องกันการกินอาหารเยอะเกินไปอย่างฉับพลันด้วย ทั้งนี้เพราะหลังผ่านการออกกำลังกายหนัก หลายคนมักพ่ายต่อความอยากอาหาร จนต้องเผชิญภาวะโยโย่
6.เป็นโภชนบำบัดที่ดี
      หลังจากออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น เดินเร็วแล้วมักรู้สึกอยากดื่มน้ำ หรือกินผลไม้ ทั้งนี้เพราะคาร์โบ-ไฮเดรต (น้ำตาล) ในร่างกายถูกดึงไปใช้ตั้งแต่ช่วงแรกของการออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายต้องการน้ำตาลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งน้ำเพื่อทดแทนของเหลวที่สูญเสียไป การดื่มน้ำและกินผลไม้มาก ๆ จะทำให้กินอาหารอื่นได้น้อยลง จึงช่วยควบคุมอาหารได้
 7.ทำได้นาน
    การออกกำลังกายและการลดความอ้วน เป็นสิ่งที่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไปและทำต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ ตลอดทั้งปี ซึ่งแน่นอนว่าย่อมเห็นผลลัพธ์ที่ดีกว่าการออกกำลังกายทุกวัน แต่ทำได้เพียง 3 เดือน เพราะการทำอย่างต่อเนื่องจะทำให้รูปแบบชีวิตดำเนินไปตามกลไกการปกป้องร่าง กายซึ่งมีอยู่แต่เดิม
    การเดินไม่ได้ทำให้เหนื่อยมากความเครียดจากการลดความอ้วนจึงน้อย ช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟินมากขึ้น ทำให้อารมณ์ดีขึ้นทั้งยังทำได้ในชีวิตประจำวัน จึงเป็นการออกกำลังกายที่ดีในแง่ที่ทำได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน

5 สาเหตุแห่งการหย่าร้าง


5 สาเหตุแห่งการหย่าร้าง

หากความรักของคุณเริ่มต้นอย่างสวยงาม แต่งงานกันอย่างชื่นมื่น แต่กลับกำลังจะจบลง ด้วยการหย่าร้าง .. . จะมีเหตุผลอะไร ที่จะต้องเป็นเช่นนั้น
1.การนอกใจ
เรื่องแรกคงหนีไม่พ้นการนอกใจ การที่คนใดคนนึงปันใจให้คนอื่น แน่นอนเมื่อเป็นเช่นนั้นแปลว่าความรัก ความซื่อสัตย์ น้อยลงหรือแทบจะไม่เหลือ ทำให้ความรักต่อให้สร้างกันมานานแค่ไหนย่อมล่มสลายลงได้ ไม่ว่าจะมีเหตุผลต่อจากการนอกใจนั้นหรือไม่ก็ตาม
2.ความแตกต่างกัน
เริ่มแรกรัก คุณอาจตั้งใจที่จะปรับตัว ปรับสถานะ ปรับทัศนคติให้เหมือนกัน เข้ากัน เพื่อให้ชีวิตคู่ของคุณเข้ากันได้ และลงเอยด้วยกันได้ดี แต่หากการปรับตัวเหล่านั้น เป็นการฝืนตัวเอง ดังนั้นวันนึงตัวตน ความคิดที่เป็นคุณมันต้องกลับคืนมา แล้วตอนนี้เอง ทำให้ไม่ว่าคุณจะต้องคิดเรื่องอะไร เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ มันกลับเป็นเรื่องที่คุณเห็นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
3.เรื่องเงินเรื่องทอง
เพราะเงินทองนั่นหมายถึงการต้องใช้จ่ายดำรงชีวิตประจำวัน ดังนั้นหากเงินเป็นปัญหาของคู่รักของคุณขึ้นมาเมื่อไหร่ คงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้คุณต้องผิดใจกัน อาจจะด้วยเรื่อง ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่หาเงินเพื่อใช้จ่าย ทำให้อีกฝ่ายต้องลำบากขวนขวายหาเงินอยู่ฝ่ายเดียว หรือฝ่ายใดฝ่ายนึงเคยร่ำรวยมาก่อน จวบจนวันที่เงินค่อยๆ หมดลง ก็เหมือนความรักหมดลงไปด้วย นั่นเอง
4.ขาดการสื่อสารกัน
การสื่อสารเป็นกุญแจสำคัญสำหรับความสัมพันธ์ของคู่รัก การขาดการสื่อสารที่เหมาะสมสามารถนำไปสู่ความเสื่อมของความสัมพันธ์รัก ระหว่างคุณทั้งสองและเป็นสาเหตุให้เกิดความเข้าใจผิดได้ คู่รักอาจเริ่มตีตัวออกห่างจากกันและอาจมีการคิดเรื่องของการหย่าร้างขึ้น หากคู่รักนั้นไม่มีการสื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพ
5.เป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกัน
เป้าหมายในชีวิตของคู่สามีภรรยาแตกต่างกัน อาจนำมาซึ่งความขัดแย้งได้ง่าย ภรรยาอยากให้สามีช่วยงานบ้านและ ช่วยเลี้ยงลูก แต่สามีกลับมองว่าสิ่งนั้นเป็นหน้าที่ของภรรยา เมื่อต่างฝ่ายต่างคาดหวังให้อีกฝ่ายปรับตัว หากสุดท้ายไม่มีใครยอมเสียสละ หรือเอาแต่มองว่าอีกฝ่ายเห็นแก่ตัว ก็จะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งได้ง่าย ความสัมพันธ์ก็อาจสั่นคลอนได้
ดังนั้นคู่รักใด ยังคงอยากให้รักสวยงาม ดังที่เคยฝันเอา ไว้ตั้งแต่แรก ก็ขอให้ใช้สติ ใช้ความรัก ให้เหมือนแรกพบ ให้เหมือนวันที่เคยสัญญากัน เพื่อความรักของคุณจะได้ยืนยาว ไม่เกิดการหย่าร้างเป็นจุดจบของคุณทั้งคู่

5 อาหารอัพไซส์ ให้ดูมดูม !

5 อาหารอัพไซส์ ให้ดูมดูม !
สาวๆ หลายคนไม่แฮปปี้กับหน้าอกหน้าใจที่น้อยนิด สรรหาวิธีเพิ่มขนาดหน้าอกของให้ดูใหญ่ขึ้น จะได้สวย อึ๋มแบบคนอื่นเขาบ้าง บางคนก็ใช้วิธีเสริมหน้าอกเอาเลย แต่บางคนก็ขอแค่ใส่ชุดชั้นในที่เสริมฟองน้ำดันให้เข้าทรงสวย อีกวิธีที่เป็นธรรมชาติที่สุดที่เอามาฝากวันนี้ นั่นคือ “การเลือกรับประทาน” ค่ะ
1.ผักและผลไม้สด
การรับประทานผักและผลไม้สดๆ มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ ช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดีขึ้น หน้าอกก็เลยอึ๋มขึ้น อย่างเช่น ผักกาดหอมสด เป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง โดยเฉพาะเรื่องของการไหลเวียนเลือดในร่างกายบริเวณหน้าอก และนอกจากนี้ถ้าเป็นพวก มะเขือเทศ สตรอเบอร์รี เชอร์รี่ ที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิแดนต์ก็จะช่วยให้ผิวนุ่มชุ่มชื่นด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์ด้านความสวยความงามกัน สองต่อเลยทีเดียว สำหรับผลไม้อย่าง มะละกอ เป็นผลไม้รสชาติหวานที่มีประโยชน์หลายๆ ด้าน ทั้งช่วยให้ระบาย ช่วยย่อยโปรตีน ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน และแน่นอน มันมีส่วนช่วยในการบำรุงหน้าอกอีกด้วย
2. ถั่วทุกชนิด
เมล็ดพืชจำพวกถั่วทุกชนิด เช่น อัลมอนด์ ถั่วเหลือง ถั่วเขียว ถั่วลิสง หรือข้าวโพด ล้วนเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินอีและบี ซึ่งมีคุณค่าต่อความสวยความงามมาตั้งแต่สมัยโบราณ และในพืชจำพวกถั่วนี้ ยังมีกรดไลโนเลอิก ช่วยให้หน้าอกเต่งตึง ชะลอการหย่อนคล้อยของหน้าอก และมีส่วนช่วยในการทำให้หน้าอกดูใหญ่ขึ้นอีกด้วย
งาดำ ก็เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินอี ที่ช่วยทั้งการพัฒนารังไข่ในเพศหญิง และการเสริมสร้างการเจริญเติบโตของหน้าอก ทำให้ผู้ที่บริโภคงาดำบ่อยๆ มีหน้าอกใหญ่ขึ้นได้
3. น้ำมะพร้าว
เอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนเพศหญิงที่ยิ่งมีมากหน้าอกก็ยิ่งใหญ่ และถ้ามีน้อยเกินร่างกายก็ยังสร้างฮอร์โมนเทสโทสเทอโรนมายับยั้งการเจริญ เติบโตของหน้าอกเสียอีก สาวๆ ที่อยากอกใหญ่ต้องเพิ่มเอสโตรเจนเข้าไว้ และน้ำมะพร้าวถือเป็นแหล่งเอสโตรเจนชั้นยอดเลยทีเดียว
4. ไข่
ไข่เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินเอ บี และอี โดยเฉพาะไข่แดง ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง แต่คอเลสเตอรอลในไข่นี่แหละที่ช่วยให้หน้าอกอึ๋มขึ้นได้
5. ปีกไก่
ไก่ก็เป็นอีกหนึ่งแหล่งโปรตีนชั้นเยี่ยมที่ดีต่อร่างกายแล้วก็ หน้าอก ของคุณ โดยเฉพาะส่วนปีกยิ่งอุดมไปด้วยคอลลาเจนที่ว่ากันว่า หากรับประทานบ่อยๆ จะทำให้หน้าอกใหญ่ขึ้นได้ แต่ก็ต้องระวังกับข้อสงสัยที่ว่าเพราะสารเร่งโตที่ตกค้างอยู่ในปีกไก่หรือ เปล่า . . เพราะยังไม่มีใครออกมาชี้แจงให้แน่ชัด
นอกจากการเลือกรับประทานอาหารเฉพาะที่จะช่วยเพิ่มขนาดหน้าอกของเราให้ ใหญ่ขึ้นแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเรื่องของการออกกำลังกาย ก็มีส่วนสำคัญเช่นกันนะคะ ไว้ครั้งหน้าจะเอาการออกกำลังกายที่ช่วยทั้งเพิ่มและกระชับหน้าอกเราให้ใหญ่ เต่งตึง สวยงามมาฝากกันค่ะ

ขจัดนิสัยการกินที่ทำให้คุณอ้วน !!

ขจัดนิสัยการกินที่ทำให้คุณอ้วน !!

ขจัดนิสัยการกินที่ทำให้คุณอ้วน !!

      หากออกกำลังกายและกินอาหารน้อยลงกว่าเดิมแล้ว แต่น้ำหนักก็ยังไม่ลด ควรพิจารณานิสัยการกิน เพราะโภชนบำบัดไม่ได้หมายถึงการลดปริมาณอาหารลงอย่างเดียว แม้จะเป็นอาหารประเภทเดียวกัน แต่ก็ให้ผลแตกต่างกันไปตามวิธีกิน
  • อดเอาไว้กินทีเดียว
         ถ้าอดอาหารเอาไว้กินทีเดียว จะทำให้เกิดความเครียดจะสะสม ทำให้การลดน้ำหนักอย่างต่อเนื่องเป็นไปได้ยาก ทั้งยังทำให้เกิดปฏิกิริยาโยโย่ได้ง่ายด้วยการปล่อยให้ร่างกายทนหิวเพื่อกิน ทีเดียว จะทำให้เรามองหาแต่อาหารพลังงานสูงและคารโบไฮเดรตสูง ทั้งยังเกิดความรู้สึกว่าต้องหาอาหารมาชดเชย ทำให้กินเยอะเกินไป
         หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้เรื่อย ๆ แม้จะกินเพียงเล็กน้อย ร่างกายก็จะนำไปเก็บไว้เป็นไขมัน ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพอ้วนง่าย เราควรแบ่งปริมาณที่อดไว้กินทีเดียวเป็น 3 มื้อจะดีกว่า
  • กินจนกว่าจะอิ่ม
         ความอิ่มเป็นสัญญาณที่บอกร่างกายว่า ตอนนี้เราได้รับพลังงานเกินความจำเป็นแล้วพลังงานที่เหลือจะถูกเปลี่ยนเป็น ไขมัน ดังนั้นแม้จะรู้สึกเสียดาย ก็ควรวางช้อนลงฝึกตัวเองให้กินทีละนิดแต่บ่อย ๆ จนเป็นนิสัย
         หากการลดปริมาณอาหารเป็นเรื่องที่ทำยาก ให้ค่อย ๆ เคี้ยวอาหารคำละ 30 ครั้งแล้วค่อยกลืน การเคี้ยวนาน ๆจะช่วยกระตุ้นการส่งสัญญาณอิ่มไปยังสมอง จึงป้องกันการกินเยอะได้
  • กินตามคนอื่น
         หลายคนสามารถควบคุมอาหารได้ดีเวลาอยู่คนเดียว แต่พอออกไปข้างนอกกลับกินเยอะ คนเหล่านี้มักจะอ้างว่า การกินอาหารช้านั้นดูไม่ดี ต้องกินให้เร็วเท่าคนอื่น หรือไม่ก็อ้างว่าความจริงไม่หิว แต่พอเห็นคนอื่นกิน เลยกินด้วยนิสัยการกินเช่นนี้จะทำให้เราไม่รู้ว่า เมื่อไรตัวเองจะหิว และควรกินแค่ไหน จึงทำให้อ้วนง่าย
  • กินจนเกลี้ยง
         แม้ว่าการกินเหลือจะไม่ดี แต่การฝืนกินเข้าไปทั้งที่อิ่มแล้ว ไม่ใช่วิธีกินอาหารที่ฉลาด ทั้งอาหารข้างนอกยังให้ปริมาณเยอะ ทำให้ยิ่งกินเยอะ ถ้าอาหารเยอะควรตักแบ่งออกมากิน
         ไม่ว่าเราจะตั้งใจออกกำลังกายมากเพียงใด แต่ถ้าความสมดุลของโภชนาการไม่ดี ก็ไม่อาจสร้างรูปร่างที่ต้องการได้ ยิ่งออกกำลังกาย ก็ยิ่งต้องกินอาหารอย่างชาญฉลาดและดูแลเรื่องสารอาหาร หากทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ก็จะสามารถลดความอ้วนได้อย่างแน่นอน

6 เคล็ด (ไม่ลับ) สวยมั่นใจ รับวาเลนไทน์

          ใกล้วันแห่งความรักเข้ามาทุกทีๆ ซึ่งเราก็เชื่อว่า คงมีสาวๆ หลายคนที่กำลังเตรียมตัวสำหรับการไปออกเดทในวันแห่งความรักนี้อยู่แน่ๆ มั้ยล่ะ ? ซึ่งถ้านับดูแล้ว…ก็เหลือเวลาเตรียมตัวอยู่แค่ 3 วัน!!! ดังนั้น งานนี้เราคงต้องหาตัวช่วยแบบเร่งด่วนแล้วล่ะ เอาเป็นว่า เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าว่า เคล็ด (ไม่ลับ) สร้างความมั่นใจก่อนไปเดท! จะต้องทำอย่างไรบ้าง O.O



          นวด นวด นวด นวดหน้าให้ผิวเปล่งปลั่งได้ไม่ต้องรอ
          สูตรนี้บอกเลยว่าง่ายมาก!!! เพราะสาวๆ สามารถทำได้เองที่บ้าน โดยใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที แถมไม่ต้องอุปกรณ์ใดๆ ให้ยุ่งยาก แค่ใช้ปลายนิ้วมือนวดวนเป็นวงกลม ให้ทั่วผิวหน้า โดยไล่จากระดับคางขึ้นไปจนถึงหน้าผากอย่างเบามือ (ขีดเส้นใต้คำว่า เบาๆ ไม่งั้นหน้าเหี่ยวไม่รู้ด้วยนะ) ทำช้า ๆ ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 10 ครั้ง หรือ 2 นาที จะช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและผ่อนคลายผิวหน้าดูสดใสขึ้นได้ทันตาเลยล่ะ จ้าสาวๆ >.O



                                             ขอบคุณรูปภาพจาก www.skinsista.com

          ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเป็นตัวช่วยบำรุงผิว
          หลายครั้งที่ความประทับใจของชายหนุ่มที่มีให้สาวๆ อย่างเราเกิดขึ้นจากการได้สัมผัสผิวที่สุขภาพดี หอม น่าสัมผัส ซึ่งในการเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจึงจำเป็นต้องเลือกผลิตภัณฑ์ที่มาจาก ธรรมชาติ ยิ่งออร์แกนิคเท่าไหร่ยิ่งดี Skinsista ครีมบำรุงผิวที่จะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจาก Skinsista มีส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติโดยแท้ นั่นก็คือ “ดอกดงเบก จากเกาะเชจูเกาหลี” ดอกไม้ที่มีคุณสมบัติช่วยให้ผิวของเราขาวอมชมพู กระจ่างใส เท่านั้นยังไม่พอยังควบคุมความมันระหว่างวัน และลดปัญหาสิวชั่วข้ามคืน แถมกลิ่นหอมอ่อนๆน่าจุ๊บเป็นที่สุด มีขายที่ร้าน Watsons ทั่วประเทศ



                                        ขอบคุณภาพจาก www.counterconceptthailand.com
          ทาครีมกันแดดทุกครั้งก่อนแต่งหน้า
          สิ่งสำคัญที่สาวๆไม่ควรละเลย คือการทาครีมกันแดด เพราะนอกจากจะช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดตัวร้าย ยังช่วยในเรื่องความกระจ่างใสให้ผิวด้วย ลองครีมกันแดดเนื้อแมทท์ของ Counter Concept ที่เป็นกึ่งเมคอัพเบส เนื้อบางเบา และควบคุมความมัน ใช้ก่อนลงแป้งจะช่วยให้หน้ากระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาติ แถมปกปิดรูขุมขนและเติมร่องผิวให้เนียบเรียบขึ้นด้วย



                                          ขอบคุณรูปภาพจาก www.sk-ii.co.th

          จัดสูตรมาส์กหน้าแบบเร่งด่วน
          หลังจากทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ให้เลือกใช้มาส์กที่มีส่วนผสมของวิตามินซี วิตามินอี คอลลาเจนสูตรเข้มข้นที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของอีลาสตินใต้ผิวหนัง เพื่อคืนความสดใส เพิ่มความกระจ่างใสให้กับผิวหน้า หรือ ใช้แผ่นมาสก์ผิวหน้าอุดมไปด้วย พิเทร่าTM สูตรเข้มข้น จาก SKII ให้ผิวของคุณได้ดื่มด่ำและดูดซับความชุ่มชื้นได้อย่างเต็มที่ในขั้นตอนเดียว ผลลัพธ์คือผิวที่ดูกระจ่างใสเปล่งประกายอย่างเห็นได้ชัดตั้งแต่ครั้งแรกที่ ใช้


                                          ขอบคุณรูปภาพจาก www.kose-th.com

          สครับผิวให้ปิ๊ง เปล่งปลั่ง
          เพื่อลดรอยหมองคล้ำบนใบหน้าของสาวๆ แบบเร่งด่วน การสครับผิวนับเป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญที่สาวๆ จะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ด้วยการเลือกใช้สครับสีดำ จาก KOSE ที่มาในรูปแบบเจลเนื้ออุ่นชนิดล้างออก ทำความสะอาดรูขุมขน เท่านี้ก็ช่วยทำให้หน้าใสปิ๊งเปล่งปลั่งได้แบบทันที O.<


          นอนให้ไว อย่าให้เกิน 4 ทุ่ม
          อย่าลืมว่าการนอนหลับให้เพียงพอก็เป็นส่วนช่วยให้ผิวสวยได้เช่นกัน เพราะในระหว่างนอนหลับร่างกายจะเข้าสู่กระบวนการซ่อมแซมเซลล์ผิว หากนอนหลับไม่เพียงจะทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำเหี่ยวย่นและมีสิวขึ้นได้อีก ด้วย งานนี้ต้องรีบเข้านอนแต่หัววันแล้วนะคะสาวๆ

10 ไอเดียเพิ่มความสวยด้วย "กิ๊บดำ" มาเสกทรงผมให้กิ๊บเก๋กันเลย

10 ไอเดียเพิ่มความสวยด้วย "กิ๊บดำ" มาเสกทรงผมให้กิ๊บเก๋กันเลย

10 ไอเดียเพิ่มความสวยด้วย "กิ๊บดำ" มาเสกทรงผมให้กิ๊บเก๋กันเลย

สาวๆ เบื่อทรงผมธรรมดาๆ ที่ปล่อยให้ยาวตรงกันรึยังคะ หากเบื่อทรงผมในแบบเดิมๆ แล้ว มีไอเดียเพิ่มความสวยให้กับทรงผม แบบง่ายๆ ด้วย "กิ๊บดำ" มาแนะนำค่ะ
เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้แต่ประโยชน์ของ "กิ๊บดำ" มีเพียบเลยนะ พร้อมแล้ว หยิบ "กิ๊บดำ" แล้วตามเรามาเลย

หันด้านที่มีรอยหยักของกิ๊บดำลง เป็นวิธีการติดที่ถูกต้องนะคะ
แบ่งผมเป็นสองข้าง แล้วบิดไปด้านหลัง จากนั้นติดกิ๊บเข้าไปด้านในของช่อผมที่บิด เผื่อซ่อนกิ๊บดำ ก็จะได้ทรงผมในแบบสาวหวานแล้วค่ะ
ใช้ยาทาเล็บทาลงบนกิ๊บดำ ใช้สีและทำรูปแบบตามใจชอบ แล้วมาติดเรียงกัน ก็จะได้ทรงผมที่เก๋ยิ่งขึ้นค่ะ
สำหรับสาวผมสั้น ก็สามารถเพิ่มลุคเปรี้ยวซ่าได้ด้วย "กิ๊บดำ" นะคะ วิธีการก็ง่ายๆ เพียงแค่ปาดผมมาด้านใดด้านหนึ่งแล้วติดกิ๊บดำ ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนแล้ว
แบ่งผมส่วนหน้าออกมาเล็กน้อย แล้วถักเปียหลวมๆ แบบไม่ตั้งใจ ใช้กิ๊บดำติดเพื่อเพิ่มความพองให้ผม จะช่วยให้ใบหน้าของคุณดูเรียวยาวขึ้นได้ค่ะ
เพิ่มลูกเล่นให้กับทรงผม ด้วยการติดกิ๊บดำเรียงเป็นลายตามใจชอบเลยค่ะ
จับช่อผมเป็นช่อเล็กๆ ทั้งสองข้าง นำมาไขว้กัน แล้วใช้กิ๊บดำติด ทำแบบเดิม สัก 3-4 รอบ เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ทรงผมเก๋ๆ เป็นชั้นที่สวยงามแล้วค่ะ
จัดทรงผมหางม้า ให้สวยเด้ง ด้วยกิ๊บดำค่ะ
ผมด้านหน้าของคุณจะสวยโดดเด้ง ด้วยกิ๊บดำค่ะ เพียงแค่จับผมมาม้วนเข้าด้านในเป็นขด แล้วใช้กิ๊บดำติด ก็สวยมีสไตล์แล้วค่ะ

จับช่อผมเป็นช่อเล็กๆ ทั้งสองข้าง นำมาไขว้กัน แล้วใช้กิ๊บดำติดเป็นรูปสามเหลี่ยม แค่นี้ก็ดูเป็นสาวสนุกมากขึ้นแล้วค่ะ

ลองนำไอเดียง่ายๆ ทำสวยด้วย "กิ๊บดำ" ไปเพิ่มความสวย และสนุกให้กับทรงผมของคุณกันนะคะ วันธรรมดาๆ ของคุณจะไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ^^

ไข 4 ปัญหายอดฮิตที่ทำให้สาวไทย “กลัวการใส่ยีนส์”


ไข 4 ปัญหายอดฮิตที่ทำให้สาวไทย “กลัวการใส่ยีนส์”

ไข 4 ปัญหายอดฮิตที่ทำให้สาวไทย “กลัวการใส่ยีนส์” “แรงเลอร์” ชวนสาวๆ อวดหุ่นสวยรับปี 2016 ไปกับนวัตกรรมล่าสุดจาก “แรงเลอร์ เชปคีพเปอร์”
เพราะเทรนด์การแต่งตัวแบบแคชชวลแวร์ไปทำงานกำลังเป็นนิยมในกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่มากขึ้นเรื่อยๆ “กางเกงยีนส์” จึงถือได้ว่าเป็นไอเท็มสุดคลาสสิคของสาวออฟฟิศที่ชอบความคล่องแคล่ว ปราดเปรียว อีกทั้งสาวๆ ยังสามารถมิกซ์แอนด์ แมชกางเกงยีนส์กับเสื้อได้หลายแบบเพื่อให้เหมาะกับโอกาสต่างๆ แต่ทว่าก็ยังมีผู้หญิงอยู่อีกไม่น้อยที่มีความกังวลเกี่ยวกับกางใส่กางเกงยีนส์ ซึ่งในวันนี้ “แรงเลอร์” แบรนด์เครื่องแต่งกายยีนส์สัญชาติอเมริกัน โดย บริษัท เซ็นทรัล มาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด จะมาเผยถึงสาเหตุว่าเพราะอะไรสาวไทยจึงกลัวการใส่ยีนส์ พร้อมแนะนำเคล็ดลับการเลือกกางเกงยีนส์ให้สาวๆ อวดหุ่นสวยรับปี 2016 มาฝากกัน
ผลการสำรวจเกี่ยวกับปัญหาในการสวมใส่ยีนส์ในมุมมองของสาวๆ ได้รับการเปิดเผยโดย คุณเมสินี วิสิฐนรภัทร ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์แรงเลอร์ ซึ่งได้ทำการสำรวจจากกลุ่มตัวอย่างที่เป็นพนักงานออฟฟิศเพศหญิงในเขตกรุงเทพ มหานคร ที่มีช่วงอายุระหว่าง 23 – 45 ปี จำนวน 200 คน จึงทำให้พบกับ 4 ปัญหายอดฮิตจากมุมมองของสาวไทยยุคใหม่เกี่ยวกับการใส่ยีนส์ ดังต่อไปนี้

อันดับที่ 1: “เอวกลม ขาสั้น” วาระแห่งชาติของสาวไทย
นับ ว่าเป็นวาระแห่งชาติสำหรับสาวไทยอย่างแท้จริง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าสรีระของสาวไทยส่วนใหญ่จะไม่สูงโปร่งมากนัก หากเทียบกับสาวๆ ในฟากยุโรปและอเมริกา และยิ่งไปกว่านั้นสำหรับสาวที่ค่อนข้างเจ้าเนื้อด้วยแล้ว จะยิ่งรู้สึกว่าตนเองเป็นสาวผู้โชคร้ายเสียจริง จึงทำให้การสวมใส่กางเกงยีนส์เป็นเหมือนกับฝันร้ายที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
อันดับที่ 2: นั่งแล้วโป๊ เห็นขอบชั้นใน แบบไม่ตั้งใจโชว์
เป็น ปัญหาที่สาวๆ ทุกคนต้องเคยเจอตอนนั่ง หรือก้มยองๆ เวลาหยิบของ แล้วเผลอไปอวดชั้นใน หรือพื้นที่ลับโดยไม่ตั้งใจ นอกจากจะสูญเสียความมั่นใจ ยังขายหน้าอีกด้วย
อันดับที่ 3: “ขาเรียวสวย” แต่เลือดไม่ไหลเวียน
สาวๆที่อยากดูขาเรียวยาว บางทีถึงกับต้องอดข้าวเพื่อใส่กางเกงยีนส์ตัวเก่งสวย หรือเพราะความอยากแต่งกายตามเทรนด์แฟชั่น ถึงกับต้องพยายามฝืนใส่กางเกงตัวที่ไม่พอดีกับสรีระของตัวเอง ซึ่งสร้างความลำบากตั้งแต่ตอนเริ่มใส่ จนตลอดการใช้ชีวิตทั้งวันในวันนั้น ลุกนั่งไม่สบาย แถมกินอะไรก็ไม่อร่อยอีกด้วย
อันดับที่ 4: กางเกงยีนส์ยิ่งใส่ยิ่งยืด ทรงเสีย ไม่กระชับ
สาวๆ หลายคนหลงใหลกางเกงยีนส์ผ้ายืด เพราะสวมใส่สบาย แต่กางเกงคู่ใจดันไม่เป็นใจยิ่งใส่ยิ่งย้วยไม่เป็นทรง จากตอนแรกที่ฟิตเปรี๊ยะกลายเป็นหลวมไม่สวยเหมือนตอนซื้อมาแรกๆ

คุณเมสินี กล่าวเพิ่มเติมว่า “และเพื่อให้สาวๆ สามารถสวมใส่ยีนส์ได้โดยปราศจากความกังวล แรงเลอร์จึงได้คิดค้นและพัฒนานวัตกรรมกางเกงยีนส์ใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ “แรงเลอร์ เชปคีพเปอร์” (Wrangler Shape Keeper) ที่ชูจุดเด่นในเรื่องของการช่วยโอบอุ้มทุกสัดส่วนได้อย่างเป็นเลิศ ซึ่งเป็นผลมาจากตัดเย็บจากวัตถุดิบชั้นดีอย่างผ้า Lycra® dualFX® ที่ผสานเส้นใย Lycra® สองชนิดไว้ด้วยกัน
จึงทำให้เนื้อผ้าเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ทั้งในแง่ของความยืดหยุ่นอันเป็นเลิศ สวมใส่สบาย และในขณะเดียวกันก็สามารถคืนตัวได้อย่างดีเยี่ยม บอกลาปัญหาความไม่กระชับในการสวมใส่ยีนส์ได้อย่างไร้ที่ติ อีกทั้งคัตติ้งดีไซน์พิเศษ ที่ถูกออกแบบมาล้อไปกับสรีระของสาวๆ ไม่ว่าจะเป็นหุ่นแบบใด เมื่อสวมใส่จะทำให้สาวๆ ดูมีหุ่นเพรียว มีสะโพก และช่วงขาเรียวยาว ช่วยให้สาวๆ มั่นใจได้เกินร้อยในทุกๆ ย่างก้าว ที่มาพร้อมกับตะเข็บสีม่วงพลัม เพิ่มเสน่ห์ความน่าค้นหาในตัวคุณ”

นอกจากนี้ คุณเมสินี ยังแนะนำเพิ่มเติมอีกว่า “สาวเอเชียมักประสบกับปัญหาในการเลือกซื้อกางเกงยีนส์ ด้วยช่วงขาที่สั้นกว่าสาวๆ ในโซนยุโรปและอเมริกา ฉะนั้นควรเลือกยีนส์ทรงสลิมฟิตหรือสกินนี่ฟิตที่มีความยาวปิดข้อเท้าที่จะ ช่วยพรางตาให้คุณดูสูงขึ้น แต่อย่าให้ความยาวเกินไป เพราะแทนที่จะดูสูงโปร่งกลับจะยิ่งตอกย้ำขาที่สั้นขึ้นไปอีก โดยก่อนตัดสินใจซื้อกางเกงยีนส์ทุกครั้ง “การฟิตติ้ง หรือการลองสวมใส่” เป็นสิ่งที่สำคัญมาก ควรซื้อยีนส์ที่ใส่แล้วรู้สึกฟิตแบบพอดี ไม่อึดอัดจนเกินไป
และควรลองนั่งดูเพื่อดูว่านั่งได้สบาย หรือสามารถงอเข่าได้หรือไม่ แต่ถึงกระนั้นก็มีสาวๆ หลายคน ที่ยังใส่ยีนส์ที่ขนาดเล็กกว่าตัวมากๆ ซึ่งไม่เป็นผลดีกับตัวของคุณสาวๆ เลย เพราะนอกจากจะอึดอัด หายใจไม่สะดวกแล้ว ยังจะทำให้ยิ่งดูเตี้ย ตัน เนื้อหน้าท้องปลิ้น ช่วงเข่าปริอีกด้วย และเมื่อได้ยีนส์คู่ใจแล้ว แนะนำว่าสาวๆ ควรเลือกสวมรองเท้าส้นสูง ที่นอกจากจะเพิ่มความปราดเปรียวแล้ว รองเท้าส้นสูงกับกางเกงยีนส์เป็นไอเท็มที่เสริมกันได้อย่างดีเลยทีเดียว”

อาหารรสแซ่บ 4 ภาคของไทยที่อยู่ในใจคุณ

อาหารรสแซ่บ 4 ภาคของไทยที่อยู่ในใจคุณ

อาหารไทยขึ้นชื่อเรื่องของความกลมกล่อม และรสชาติที่ชัดเจน จัดจ้าน เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นและเป็นที่ยอมรับไม่เฉพาะแค่ในเมืองไทยเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงถูกปากถูกใจของบรรดานักชิมทั่วโลก
ความโดดเด่นของอาหารไทยไม่ใช่เพียงแค่ความสด ความหลากหลายของวัตถุดิบและส่วนประกอบ แต่สิ่งที่ทำให้อาหารไทยโดดเด่นนั่นก็คือความเป็นอาหารที่สร้างขึ้นมาจาก วัฒนธรรมความเป็นไทย ที่แต่ละภาคแต่ละท้องถิ่นก็จะมีการสร้างรสชาติที่จัดจ้านด้วยวัตถุดิบ ด้วยลักษณะความเป็นอยู่ ประเพณีวัฒนธรรมท้องถิ่นของแต่ละภาค และนี่คือการรวบรวมสุดยอดอาหารรสเด็ดจากทุกภาคทั่วไทยที่แม้จะเผ็ดร้อนเพียง ใดก็อยู่ในใจคนไทยทุกคน


ภาคกลาง
ขึ้น ชื่อเรื่องความกลมกล่อมและหลากหลายของรสชาติ ที่มีรส เปรี้ยว หวาน มัน เค็มและเผ็ด ผสมผสานกันอย่างลงตัวในทุก ๆ เมนู อาหารไทยได้รับความนิยมไปทั่วโลก ด้วยรสชาติที่ครบรส และถูกปากผู้คนทุกเชื้อชาติ

ต้มยำกุ้ง

เมนูขึ้น ชื่อ เป็นที่รู้จักในฐานะตัวแทนอาหารไทย ด้วยรสชาติเข้มข้นของน้ำซุป มีรสเปรี้ยวเผ็ดกลมกล่อม หอมกลิ่นสมุนไพรไทย จนเป็นเอกลักษณ์ บวกกับความมันของกุ้งแม่น้ำตัวโต และความหอมของน้ำพริกเผา รสชาติของต้มยำกุ้งจึงเป็นที่ถูกใจของคนทุกชาติที่ได้ลิ้มลอง


ผัดฉ่า
เมนู ผัดฉ่าทำง่ายๆ อร่อยแซบ เผ็ดร้อนแรงจากพริกและพริกไทยอ่อน ผสมผสานกับคุณค่าสมุนไพรไทยอีกหลายชนิดเป็นเมนูกับข้าวที่มีความเผ็ดร้อนแรง จากพริก และพริกไทยอ่อน ยิ่งถ้าใครอยากจะรู้สึกถึงความเผ็ดแสบทรวงแล้วล่ะก็ การกินผัดฉ่าโดยเคี้ยวเม็ดพริกไทยอ่อนๆ ไปพร้อมๆกันด้วยแล้ว ความเผ็ดร้อนแรงจะแสดงให้เห็นอย่างเต็มที่

ภาคเหนือ
ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเทือกเขาสูง ทำให้ช่วงฤดูหนาวในภาคนี้จะมีอากาศที่เย็นกว่าภูมิภาคอื่นๆในประเทศไทย อาหารของภาคเหนือจึงประกอบด้วยไขมันอยู่มากพอควร เพื่อรักษาอุณหภูมิของร่างกาย รวมทั้งจะใช้รสชาติเผ็ดเข้ามาเสริม

แคปหมูและน้ำพริกหนุ่ม
อาหารเพื่อนรักที่จะมาคู่กัน เสมอ แคบหมูกรอบ ๆ เพิ่มรสชาติเผ็ดด้วยการกินกับน้ำพริกหนุ่มกลิ่นหอม รสชาติอร่อย ทำใครหลายคนติดใจ ต้องซื้อกลับบ้านเมื่อมาถึงภาคเหนือทุกครั้ง
แกงฮังเล
เป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลมาจากพม่า ขาหมูติดมันเนื้อนุ่ม เคี้ยวจนเปื่อยกับเครื่องแกงที่ทำมาจากเครื่องเทศโขกละเอียด รสชาติเข้มข้นกลมกล่อม แค่กลิ่นก็ชวนให้น้ำลายสอ นอกจากจะได้ลิ้มรสหมูเนื้อนุ่ม ขิงซอยและถั่วลิสง กินคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยจนลืมไม่ลง
ภาคอีสาน
หากนึกถึงอาหารรสจัด แซ่บๆ เผ็ดเป็นเผ็ด เปรี้ยวเป็นเปรี้ยว หลาย ๆ คนคงจะนึกถึงอาหารอีสาน เพราะเอกลักษณ์เด่น ๆ ของอาหารอีสานคือรสชาติเผ็ดร้อนและมีรสจัดจ้าน โดยจะเน้นที่รสเปรี้ยว เผ็ดและเค็ม วัตถุดิบต่าง ๆ ของอาหารมาจากธรรมชาติรอบตัว

ส้มตำ
เป็นเมนูเลื่องชื่อ มะละกอดิบ เนื้อกรอบ ฝานเป็นเส้น ชุ่มน้ำปรุงครบรส หวาน เปรี้ยว เผ็ด โรยกุ้งแห้งและถั่วลิสงเพิ่มความอร่อย เห็นแล้วยิ่งเปรี้ยวปาก ยิ่งกินยิ่งได้สุขภาพ
ลาบหมู
หอมกลิ่นข้าวคั่วบดและสมุนไพรไทย หมูสับเนื้อนิ่มรวนจนสุกในน้ำซุป ปรุงครบรสด้วยพริกป่น น้ำปลาและน้ำมะนาวโรยด้วยใบสะระแหน่ ได้รสจัดจ้าน กินคู่กับข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ อร่อยเข้ากัน
ภาคใต้
หากนึกถึงอาหารใต้ ต้องนึกถึงความเผ็ดร้อนของเครื่องแกงที่มากกว่าอาหารภาคอื่น ๆ ของประเทศไทย อาหารใต้มีสีสันสวยงามออกเหลืองและส้ม ซึ่งได้มาจากสีของขมิ้นที่แก้ความคาวของอาหารทะเลและปลาได้ดี
แกงเหลือง
เป็นอีกหนึ่งเมนูดัง รสเด็ดของภาคใต้ มีรสชาติคล้ายกับแกงส้มของภาคกลาง คือ เน้นไปที่รสเปรี้ยวนำ แต่จะเผ็ดร้อนกว่าด้วยพริกแกงที่มีทั้งพริกขี้หนูสด พริกขี้หนูแห้ง กระเทียม หอมแดง เกลือ กะปิ และขมิ้น โดยแกงเหลือนิยมใส่เนื้อปลาและหน่อไม้ดองหรือหน่อไม้สด นำมาต้มจนเข้าเนื้อได้ที่ กินกับข้าวสวยร้อนๆ เสริมด้วยไข่เจียวเหลืองฟู แค่นี้ก็อร่อยจนใคร ๆ ต้องขอเพิ่มข้าว
แกงไตปลา
ทำมาจากไตปลาและเนื้อปลาย่างกับเครื่องแกง รสเผ็ดจัดจ้าน ให้สีเหลืองนวล รสชาติถูกปาก ถ้าหากกินกับข้าวสวยหรือขนมจีน ได้หมูทอดสักหน่อย ยิ่งกินแล้วยิ่งอร่อย กินแล้วน้ำหูน้ำตาไหลแต่ก็หยุดกินไม่ได้


เคล็ดลับเด็ดดับเผ็ดดับร้อน
"โอ๊ย...เผ็ดๆๆ น้ำตาจะไหลแล้ว ส้มตำจานนี้เผ็ดจังเลย ดื่มน้ำไปตั้งหลายแก้วก็ยังไม่หายเสียที"
ความเข้าใจผิดที่ว่าเมื่อทานอาหารเผ็ดแล้วต้องทานน้ำเปล่าตาม แต่ผลลัพธ์ที่เกิดกลับยังไม่หาย แถมยังรู้สึกเผ็ดมากขึ้นด้วยซ้ำ
เพราะ ความเผ็ด เกิดจากปฏิกิริยาทางเคมีในปากของเรา จากสารที่ชื่อว่า แคปไซซิน เมื่อเรากินอาหารที่มีพริกเข้าไป แคปไซซิน จะทำให้เกิดรสชาติเผ็ดร้อนในปาก จนทำให้น้ำมูกน้ำตาไหลได้ ดื่มน้ำเย็นเข้าไปก็จะยิ่งกระจายสาร แคปไซซิน ซึ่งเป็นตัวการความเผ็ดไปทั่วปาก
ร้อนๆ เผ็ดๆ สู้ด้วยเย็นเย็น เพราะ เย็นเย็นคือเครื่องดื่มสมุนไพรจับเลี้ยง สำหรับดื่มเพื่อดับร้อน ดื่มเมื่อเจออากาศร้อน และ สามารถช่วยดับความเผ็ดของอาหารรสจัดได้ เพราะอาหารไทยไม่ว่าจะเป็นภาคไหนก็จะมีความเผ็ดร้อนอยู่เสมอ