ยุคนี้บ้านไหนๆ ก็มี “ไมโครเวฟ”
กันแล้วทั้งนั้น เพราะช่วยให้ชีวิตที่เร่งรีบดูง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่การใช้ไมโครเวฟนั้นก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป
เพราะยังต้องคำนึงถึงภาชนะที่ใช้ใส่อาหารและข้อควรระมัดระวังด้วย
ซึ่งวิธีง่าย ๆ ก็เพียงสังเกตฉลาก สัญลักษณ์รูปไมโครเวฟ และการใช้คำ
Microwave Safe,
Oven Safe, Dishwasher Safe ที่อยู่ด้านข้าง
และไม่ควรใช้ภาชนะที่มีส่วนประกอบของโลหะ เพราะอาจทำให้เกิดประกายไฟได้
ซึ่งภาชนะที่ใช้กับไมโครเวฟได้มี ดังนี้
ภาชนะที่ทำด้วยแก้ว (Glass)
เป็นภาชนะที่นำเข้าไมโครเวฟได้ดีและปลอดภัยที่สุด
เพราะแก้วมีทรายเป็นองค์ประกอบหลัก
โดยผ่านกระบวนการหลอมในอุณหภูมิที่สูงมาก จะทำให้แก้วโปร่งใสและไม่มีรูพรุน
เมื่อนำมาใช้กับไมโครเวฟภาชนะแก้วจึงไม่ดูดซึมน้ำและสารอาหาร
หากภาชนะแก้วที่มีคุณภาพดี เนื้อหนา
ก็นำมาใส่อาหารแช่เย็นและนำเข้าไมโครเวฟได้ทันที
ทั้งนี้ภาชนะแก้วจะต้องไม่ตกแต่งขอบหรือลวดลายด้วยสีทองและสีเงิน
เซรามิก (Ceramic)
เป็นภาชนะที่เหมาะจะใช้กับไมโครเวฟได้เป็นอย่างดีและปลอดภัย
แต่ต้องเลือกใช้ภาชนะเซรามิกที่มีคุณภาพดี เพราะภาชนะเซรามิกมีอย่หู
ลายประเภทมีทั้งที่ทนความร้อนได้สูงจนถึงต่ำ ตามแต่กระบวนการผลิต
ทั้งนี้ไม่ควรเลือกใช้ภาชนะเซรามิกที่ตกแต่งลวดลายบนเครือบด้วยสีสันต่าง ๆ
เพราะจะทำให้สารตะกั่วและแคดเมียมละลายออกมาปนเปื้อนกับอาหาร
พลาสติกเมลามีน (Melamine)
เป็นภาชนะที่ใช้งานได้กับไมโครเวฟเพียงแค่อุ่นอาหารเท่านั้น
และอาหารจะต้องมีความชื้นสูง เช่น แกงส้มก๋วยเตี๋ยว
อุ่นในอุณหภูมิที่ไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส ประมาณ 2-3
นาทีหากใช้พลาสติกเมลามีนปรุงอาหาร
หรือใช้ในอุณหภูมิสูงและนานเกินอาจทำให้พลาสติกเมลามีนแตกและไหม้ได้
ซึ่งเป็นอันตรายต่ออาหารที่จะรับประทาน
ทั้งนี้ต้องดูคุณภาพของพลาสติกเมลามีน
ภาชนะที่ทำด้วยกระดาษ รวมทั้งกระดาษที่เคลือบด้วยแวกซ์
นำมาใช้กับไมโครเวฟได้
แต่ควรหลีกเลี่ยงภาชนะกระดาษที่มีลวดลายตัวอักษรต่างๆ
เพราะความร้อนจะทำให้สารที่อยู่ในตัวหมึกพิมพ์ปนเปื้อนกับอาหาร
และควรเลือกใช้ระดับอุณหภูมิให้เหมาะสม
ทดสอบภาชนะใส่อาหารก่อนเข้าไมโครเวฟ :
การทดสอบภาชนะที่นำมาใช้ให้มั่นใจอีกครั้งด้วยวีธีง่าย ๆ คือ
นำภาชนะเปล่าและแก้วน้ำที่มีน้ำอยู่ 250 มิลลิลิตร โดยวางใกล้ ๆ
กันในไมโครเวฟ ใช้ความร้อนสูงสุด ประมาณ 1 นาที
จากนั้นตรวจดูภาชนะและแก้วน้ำ หากภาชนะเปล่าร้อนแต่น้ำในแก้วอุ่น ๆ
แสดงว่าภาชนะดูดกลืนคลื่นไมโครเวฟ จึงไม่เหมาะที่จะนำไปใช้กับไมโครเวฟ
เพราะจะทำให้อาหารสุกช้า
และสิ้นเปลืองพลังงานทั้งนี้ควรเลือกภาชนะที่ทนความร้อน
ทนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิได้ดี
อาหารสุกไม่ทั่ว : การปรุงอาหารด้วยไมโครเวฟ
คือการทำอาหารให้สุกด้วยความร้อนในช่วงเวลาสั้น ๆ
จึงอาจทำให้อาหารสุกไม่ทั่ว
ดังนั้นในการปรุงอาหารเราไม่ควรเลือกใช้วัตถุดิบที่มีชิ้นหนา
หรือใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้ความร้อนเข้าไปไม่ถึงตรงกลางของอาหาร
นอกจากนี้การจัดอาหารก็ควรจัดให้กระจายห่างกัน ไม่ควรรวมเป็นกระจุกเดียว
บางครั้งอาจต้องปรุง 2 รอบเพื่อกลับด้านให้อาหารสุกทั่วกัน
แต่หากปริมาณอาหารมีน้อยจนเกินไปก็จะส่งผลเสียต่อไมโครเวฟ
เพราะเมื่ออาหารมีน้อย พื้นที่ในการดูดซับคลื่นไมโครเวฟก็มีน้อยด้วย
จึงทำให้คลื่นไมโครเวฟส่วนที่เหลือสะท้อนกลับ ทำให้ไมโครเวฟร้อน
และเสียหายได้
ระเบิดน้ำ : การต้มน้ำในไมโครเวฟ
อาจทำให้เกิดอันตรายกับผู้ใช้งานได้
เพราะการต้มน้ำในไมโครเวฟเมื่อถึงจุดเดือดจะไม่มีฟองอาการผุดขึ้นมาเพื่อ
ช่วยลดความดัน และช่วยลดอุณหภูมิให้อยู่ที่จุดเดือดปกติ
จึงทำให้น้ำที่ต้มในไมโครเวฟมีอุณหภูมิสูงกว่าปกติ และเมื่อถูกรบกวน เช่น
นำภาชนะออกมาจากเตา ใส่กาแฟ หรือถุงชาลงไป
อาการน้ำเดือดก็จะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน หรือที่เรียกว่า “ระเบิดน้ำ”
แต่หากต้องการต้มน้ำในไมโครเวฟควรใส่แท่งไม้สำหรับคนกาแฟหรือถุงชา
ลงไปด้วยเพื่อกระจายพลังงาน หรือต้มน้ำไม่เกิน 2 นาที
และหลังจากต้มเสร็จแล้วควรรอประมาณ 30 วินาที ก่อนนำออกจากไมโครเวฟ
หรือก่อนใส่อะไรลงไปในน้ำร้อน
ฟอยล์ห่ออาหาร :
ในปัจจุบันฟอยล์ห่ออาหารมักทำมาจากอะลูมิเนียมบาง ๆ
เมื่อนำเข้าไมโครเวฟจึงทำให้ลุกไหม้ได้ง่าย
ดังนั้นก่อนนำอาหารเข้าไมโครเวฟทุกครั้งควรนำฟอยล์ที่ห่อหุ้มอาหารอยู่ออก
ให้หมดเสียก่อน จึงนำเข้าไมโครเวฟ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น