วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

ออกกำลังกายเวลาไหนที่ใช่คุณ...เคล็ด (ไม่) ลับปรับนิสัยเพื่อสุขภาพที่ดี

คุณยุ่งแสนยุ่งจนไม่มีเวลาออกกำลังกายเลยใช่ไหม ก็มันช่างยากเย็นเหลือเกินกว่าจะหาเวลาออกกำลังกายได้สักที เฮ้อ! แค่คิดก็หมดกำลังใจแล้ว… การที่บอกว่า “ฉันไม่มีเวลา” นับเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ที่เราใช้เป็นข้ออ้างที่จะไม่ออกกำลังกายให้เป็นนิสัย บางครั้งการขาดแรงจูงใจหรือไม่สนุกกับการออกกำลังกายก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่ง เช่นกัน
แต่ว่าทำไมเราถึงมีเวลาว่าง หลายชั่วโมงสำหรับการเล่นเฟซบุ๊ค อัพเดทความเคลื่อนไหวของเพื่อนๆ ไลน์ส่งสติ๊กเกอร์อย่างสนุกสนาน หรือโพสต์รูปอาหารใหม่ๆ ลงอินสตาแกรมได้ล่ะ มันจะดีกว่าไหมถ้าคุณพักสิ่งเหล่านั้นเอาไว้สักประเดี๋ยว แล้วหันมาใส่ใจดูแลตัวเองให้มากขึ้นอีกสักนิด เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณในระยะยาว
ซาแมนธา เคลย์ตัน ผู้อำนวยอาวุโสการฝ่ายการศึกษาด้านฟิตเนสระดับโลกของเฮอร์บาไลฟ์ ได้เน้นย้ำความสำคัญของการหาเวลาออกกำลังกายแม้คุณจะมีตารางเวลาอันแสนยุ่ง ซึ่งแท้จริงแล้วมันไม่ใช่เรื่องยากเลย เพียงแค่คุณอาจต้องวางแผนสักเล็กน้อยและจัดสรรเวลาให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การ ใช้ชีวิตของคุณ
โดยซาแมนธากล่าวแนะนำว่า “โดยธรรมชาติแล้ว จังหวะร่างกายของคนเราจะปรับไปตามกิจกรรมและไลฟ์สไตล์การดำเนินชีวิตที่แตก ต่างกันในแต่ละวัน บางคนชอบตื่นเช้า ในขณะที่บางคนอาจเริ่มต้นวันใหม่สายกว่าโดยไม่เกี่ยวว่าเขาเป็นคนนอนดึกอยู่ แล้วหรือเปล่า อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงเรื่องสมรรถภาพทางกาย ฉันเชื่อว่าร่างกายของคุณจะมีช่วงเวลาหนึ่งที่สามารถออกกำลังกายได้อย่าง เต็มที่และมีประสิทธิภาพที่สุด และถ้าคุณอยากรู้ว่าช่วงเวลาไหนที่ดีที่สุดสำหรับการออกกำลังกายของคุณแล้ว ล่ะก็ ลองสังเกตร่างกายของคุณ และจดบันทึกเอาไว้ทุกครั้งหลังออกกำลังกายดูได้เลย!”
ซาแมนธายังอธิบายต่ออีกว่า หากคุณต้องการออกกำลังกายอย่างได้ผล กุญแจสำคัญอยู่ที่คุณต้องมี ‘พละกำลัง’ และ ‘ความรู้สึกที่ดี’ และถ้าคุณอยากรู้ว่าคุณควรออกกำลังกายช่วงไหนดีที่สุด ให้คุณลองประเมินตัวเองสัก 2-3 สัปดาห์โดยถามตัวเองดูว่า ช่วงเวลาใดเป็นช่วงเวลาที่คุณมีพละกำลังมากที่สุด นอกจากนี้ ซาแมนธายังได้แชร์เคล็ดลับดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณพบคำตอบของคำถามที่ว่า “ฉันควรจะออกกำลังกายเวลาไหนดี” ได้อย่างง่ายดาย


1. ชอบตื่นเช้าจนเป็นนิสัย
การออกกำลังกายตอนเช้านั้นค่อนข้างดีกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ เพราะช่วงเช้าเป็นช่วงที่ร่างกายคุณได้ผ่านการพักผ่อนอย่างเต็มที่ อีกทั้งเป็นช่วงเวลาที่ระบบประสาทและสมองปลอดโปร่งและพร้อมที่จะทำงาน นอกจากนี้ ช่วงเช้ายังเป็นช่วงที่กล้ามเนื้อมีพละกำลังมากที่สุดและช่วยให้คุณสามารถ ออกแรงฟิตได้มากขึ้นด้วย
การออกกำลังกายในตอนเช้าเหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณ เป็นคนชอบตื่นเช้า ลองจัดสรรเวลาออกกำลังกายไว้ในช่วงเช้าของแต่ละวัน ก่อนที่คุณจะรู้สึกเหนื่อยล้าจากกิจกรรมต่าง ๆ ระหว่างวัน แต่ถ้าคุณมีตารางเวลาที่ค่อนข้างแน่น การออกกำลังกายตอนเช้าก่อนเริ่มทำงานจะช่วยให้คุณไม่ต้องปวดหัวหรือกลัวว่า กิจกรรมระหว่างวันจะมาเป็นอุปสรรคต่อการออกกำลังกายของคุณ
การออกกำลังกายในตอนเช้าไม่เหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณ มักอารมณ์เสียและบูดบึ้งในตอนเช้า แถมรู้สึกไม่อยากลุกจากเตียง และยังงัวเงียในขณะที่เพิ่งตื่นนอน ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ล่ะก็ คุณควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในตอนเช้าเพราะมันจะทำให้คุณรู้สึกเครียดและ ไม่อยากออกกำลังกายอีก คุณควรเลือกช่วงเวลาอื่นที่คุณรู้สึกระปรี้กระเปร่าและกระฉับกระเฉง พร้อมที่จะออกกำลังกายมากกว่า

2. กระฉับกระเฉงในช่วงบ่าย
การออกกำลังกายในตอนบ่ายเหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณ รู้สึกมีพลังเพิ่มมากขึ้นในช่วงบ่ายของวัน มันเป็นความคิดที่ดีทีเดียวถ้าคุณจะใช้ช่วงเวลานี้ให้เกิดประโยชน์ด้วยการไป ออกกำลังกายหรือขยับแข้งขยับขาให้รู้สึกกระฉับกระเฉง อีกทั้งการออกกำลังกายตอนบ่ายยิ่งจะได้ผลมากถ้าคุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและ มีพลังเพิ่มขึ้นไปอีกหลังได้ออกกำลังกายในช่วงเวลานี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและสมองของคุณจะโลดแล่นมากขึ้นสำหรับ ช่วงเวลาที่เหลือของวันด้วย
และอย่าลืมที่จะลองทานของว่างเพื่อสุขภาพในช่วงสาย ๆ หากคุณอยากออกกำลังกายในช่วงพักกลางวันหรือช่วงบ่ายโมงถึงบ่ายสอง เพราะคุณต้องเพิ่มสารอาหารให้กับร่างกายอย่างเหมาะสมเพื่อจะได้มีพลังทำ กิจกรรมต่าง ๆ ตลอดวันได้อย่างเต็มที่
การออกกำลังกายในตอนบ่ายไม่เหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
... พอตกเย็นร่างกายของคุณเริ่มเหนื่อยล้าจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น คุณพ่อคุณแม่วัยทำงานหลายคนที่มาออกกำลังกายช่วงพักเที่ยงเพราะไม่อยากให้ การออกกำลังกายไปกระทบเวลาของครอบครัว แต่แล้วคนกลุ่มนี้ก็มักพบว่าตัวเองจะเริ่มอ่อนล้าตั้งแต่ 5 โมงเย็นถึง 1 ทุ่ม ถ้านี่ฟังดูเหมือนคุณแล้วล่ะก็ ให้ลองเปลี่ยนมาออกกำลังกายช่วงเช้าหรือกลางคืนแทนจะดีกว่า
แนะนำให้คุณลองใช้เวลาพักกลางวันมาอ่านนิตยสารหรือพูดคุยกับเพื่อนร่วม งานแทน การที่เราทำกิจกรรมโดยไม่หยุดพักติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดความเครียด ซึ่งจะนำไปสู่การทานจุบจิบกลางดึกและยังทำให้อ้วนได้ง่ายอีกด้วย
3. ตื่นตัวที่สุดในช่วงเย็นหรือกลางคืน
การออกกำลังกายตอนกลางคืนเหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณ มักรู้สึกกระฉับกระเฉงและตื่นตัวที่สุดในช่วงเย็นหรือเวลาที่คนอื่น ๆ ปิดไฟเข้านอนกันหมดแล้ว ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มนี้ คุณควรจัดสรรเวลาช่วงเย็นหรือกลางคืนเพื่อมาออกกำลังกาย การออกกำลังกายช่วงเวลานี้จะช่วยลดความเครียดจากการทำงานมาตลอดทั้งวัน ควบคู่ไปกับการดูแลร่างกายของคุณด้วย นอกจากนี้ การปิดท้ายวันด้วยการออกกำลังกายอย่างหนักนั้นจะช่วยให้คุณหลับสนิทมากขึ้น อีกด้วย
การออกกำลังกายตอนกลางคืนไม่เหมาะกับคุณ ถ้าหาก…
...คุณ รู้สึกเหนื่อยล้าหลังทำงานหรือกิจกรรมมาทั้งวัน ในกรณีนี้ คุณควรพักผ่อนมากกว่าพยายามที่จะออกกำลังกายอย่างหนัก เพราะการออกกำลังกายอย่างหนักในขณะที่คุณเหนื่อยล้าจะเพิ่มความเสี่ยงในการ บาดเจ็บจากการออกกำลังกายได้ และคุณจำเป็นต้องมีพละกำลังมาก ๆ สำหรับกิจกรรมที่เน้นการใช้กล้ามเนื้อ เช่น การยกน้ำหนัก เป็นต้น แต่ถ้าช่วงเวลานี้เป็นเพียงช่วงเวลาเดียวที่คุณพอจะว่างออกกำลังกายได้ แนะนำให้คุณออกกำลังกายเบา ๆ ที่ไม่หนักมาก เช่น การเดิน หรือ เล่นโยคะ แล้วค่อยมาออกกำลังกายอย่างหนักในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ หรือช่วงเวลาที่คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากกว่านี้แทน ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจทีเดียว
เคล็ดลับดีๆ ของซาแมนธาจะช่วยให้คุณหาเวลาออกกำลังกายที่ใช่คุณได้จริง อีกทั้งยังนำไปทำตามได้ง่าย ซาแมนธายังแนะนำทิ้งท้ายอีกว่า “โดยสรุปแล้ว ช่วงเวลาที่เหมาะสมของการออกกำลังกายจะขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์และตารางเวลาของ แต่ละคน ดังนั้นคุณควรเลือกช่วงเวลาให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายและวิถีการใช้ชีวิตของ ตัวคุณเอง ตลอดจนมั่นใจว่าคุณมีพลังงานมากพอสำหรับกิจกรรมการออกกำลังกายที่คุณเลือก จากนั้นก็พักผ่อนให้เพียงพอเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงและกระฉับกระเฉง พร้อมรับทุกสถานการณ์”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น