สสส.เสนอลดขนาดซองน้ำตาล จาก8กรัมเหลือ3-4กรัม ช่วยกินหวานลดลง
ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์
ทันตแพทย์ทรงคุณวุฒิ(ด้านทันตสาธารณสุข) และเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน
กล่าวถึงกรณีที่ สสส.เสนอแนวคิดลดขนาดซองน้ำตาลมาตรฐานลงจาก 8 กรัมให้เหลือ
3-4 กรัมนั้น มาจากการทำวิจัยถึงพฤติกรรมของประชาชนในการรับประทานน้ำตาล
โดยน้ำตาลที่ได้รับในแต่ละวันนั้นมาจากหลายแหล่ง
แต่ในวัยทำงานส่วนใหญ่จะได้รับการอาหารว่างเวลาประชุม
ซึ่งพบว่าแต่ละมื้อสูงถึง 300 กิโลแคลอรี่ ซึ่งที่เหมาะสมไม่ควรเกิน 100
กิโลแคลอรี่ เมื่อทำงานวิจัยก็พบว่า น้ำตาลที่ใช้มักจะใช้เพียงครั้งละ 1
ซองและใช้จนหมดในแต่ละครั้ง
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนขนาดซองน้ำตาลก็พบว่ายังใช้ 1 ซองเท่าเดิม
ทพญ.จันทนา กล่าวว่า มีการทำวิจัย 2 ครั้งในปี 2552 และ ปี 2556
ซึ่งพบว่ามีการเปลี่ยนขนาดซองจาก 8 กรัม เป็น 6 กรัม
แต่พฤติกรรมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงคือใช้เพียง 1 ซอง
ในการเปลี่ยนขนาดซองน้ำตาลเป็น 3-4 กรัม
เพื่อเป็นการช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในมื้ออาหารว่างลง
ซึ่งถือเป็นผลดีกับผู้บริโภค
ซึ่งผู้ประกอบการได้เคยหารือกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
และยินดีที่จะปรับเปลี่ยนซองมาตรฐานลงเพื่อให้เป็นทางเลือก
และจะมีการทำงานกับส่วนราชการเพื่อเป็นองค์กรตัวอย่างที่จะปรับเปลี่ยนการ
ใช้ซองน้ำตาลลงให้เป็นขนาด 3-4 กรัมด้วย นอกจากนี้
ยังจะมีโครงการรณรงค์ในการใช้ผลไม้เพิ่มเข้าไปในมื้ออาหารว่างให้มากขึ้น
และลดขนาดของชิ้นขนมลงเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีมากขึ้น
ทพญ.จันทนา กล่าวว่า สำหรับในกลุ่มวัยเด็ก
โครงการรณรงค์เด็กไทยไม่กินหวาน
ได้ทำในโรงเรียนมาอย่างต่อเนื่องโดยสามารถเพิ่มจำนวนโรงเรียนปลอดน้ำอัดลม
ได้ถึงร้อยละ 83 ในปีก่อน ซึ่งพบว่านอกจากน้ำอัดลม
ยังต้องเร่งให้ความรู้ถึงเครื่องดื่มกลุ่มอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มน้ำชาขวด
นอกจากนี้ นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย
ยังทดลองให้ติดป้ายเตือนการใส่น้ำตาลในร้านขายเครื่องดื่มชา กาแฟ
ซึ่งพบว่าทำให้ผู้บริโภคตระหนักมากขึ้นและเปลี่ยนพฤติกรรมให้ใส่น้ำตาลน้อย
ลง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น