มะเขือเทศ กับ ไลโคพีน
สำนักงานข้อมูลสมุนไพร
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ม้าอะไรเอ่ยสีแด๊งแดง? / ม้าทาสี
ม่ายช่าย... / ม้าโดนรถชน
ม่ายถูก... / ฮ่วย!! แล้วม้าอะไรสีแดง
ก็ม้าเขือเทศไงล่า.../ เงอะ...มุขห้าบาทสิบบาทก็ยังจะเล่นเนอะ
กับ
คำถามไร้สาระที่โดนถามทีไรก็ต้องปวดหัวทุกที เฮ้อ...จะม้าอะไรก็เอาเถอะ
แต่เจ้าม้า เอ้ย!! มะเขือเทศเนี่ย มันไม่ไร้สาระนะจ๊ะ
เพราะมะเขือเทศที่เรารับประทานกันอยู่ทุกวันน่ะ
เขาไม่ได้มีประโยชน์แค่ใช้เป็นอาหารหรอกนะ เพราะจากงานวิจัยต่างๆ
ทำให้ทราบว่ามะเขือเทศมีฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเพียบเลยละขอบอก
มามะ...มาทำความรู้จักกับมะเขือเทศให้มากขึ้นกันเถอะ
มะเขือเทศมี
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Lycopersicon esculentum Mill. อยู่ในวงศ์ SOLANACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์คือ เป็นไม้ล้มลุกฤดูเดียว สูงได้ถึง 2 ม.
ใบเดี่ยวเรียงสลับ รูปไข่ถึงรูปขอบขนาน
ขอบใบเว้าลึกดูคล้ายเป็นใบประกอบแบบขนนก ดอกช่อออกที่ซอกใบ
กลีบดอกสีเหลืองเชื่อมติดกันเป็นรูปกรวย ผลสดรูปทรงกลมหรือรูปทรงกระบอก
ผิวเรียบหรือเป็นร่องตามยาว เมื่อยังอ่อนอยู่มีสีเขียว และเปลี่ยนเป็นสีแดง
ชมพูส้มหรือเหลืองเมื่อสุก เมล็ดรูปไข่สีน้ำตาลอ่อนแบน มีได้ถึงผลละ 250
เมล็ด สรรพคุณตามตำรายาไทยระบุว่า ใบ ใช้รักษาหน้าเกรียมเนื่องจากถูกแดดเผา
ผล ใช้เป็นยาระบาย ช่วยให้เจริญอาหาร แก้กระหายน้ำ แก้ไฟไหม้น้ำร้อนลวก
ช่วยย่อยอาหาร และใช้ฟอกเลือด น้ำมะเขือเทศที่คั้นใหม่ๆ
สามารถใช้ทำความสะอาดผิว ทำให้ผิวนุ่มเนียน จึงนิยมนำมะเขือเทศมาพอกหน้า
และปัจจุบันก็มีการใช้น้ำมะเขือเทศเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอางด้วย
ในมะเขือเทศมีกรดอินทรีย์ น้ำตาล วิตามิน A, B, C
และสารสำคัญในกลุ่มแคโรทีนอยด์อย่างไลโคพีน (lycopene)
ที่ทำให้มะเขือเทศมีความโดดเด่นเหนือพืชผักอื่นๆ
การศึกษาฤทธิ์ทาง
เภสัชวิทยาระบุว่า มะเขือเทศและสารสำคัญต่างๆ โดยเฉพาะสารไลโคพีน
มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ต้านการอักเสบ
ช่วยลดไขมันและน้ำตาลในเลือด และมีฤทธิ์ต้านมะเร็งหลายชนิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งต่อมลูกหมาก การศึกษาทางคลินิกจำนวนมากพบว่า
การบริโภคมะเขือเทศสด ซอสมะเขือเทศ น้ำมะเขือเทศ สารสกัดมะเขือเทศ
และสารไลโคพีน สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้
อีกทั้งยังช่วยลดขนาดและยับยั้งการลุกลามของเซลล์มะเร็งดังกล่าวด้วย
นอกจากนี้มะเขือเทศยังมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง
และในขณะนี้ก็ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษของการบริโภคมะเขือเทศในรูปแบบของ
อาหารเลย หลายๆ
คนอาจคิดว่าการรับประทานผักสดเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ได้สารสำคัญใน
พืชผักเยอะๆ แต่ในกรณีของสารไลโคพีน ถือเป็นข้อยกเว้น
เพราะการศึกษาเปรียบเทียบปริมาณสารไลโคพีนในผลิตภัณฑ์ที่ทำจากมะเขือเทศ
(ที่น้ำหนักเท่ากัน) เช่น ซอสมะเขือเทศ (Tomato ketchup) น้ำมะเขือเทศ
ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น (Tomato paste) ซุปมะเขือเทศเข้มข้น
มะเขือเทศปรุงสุก มะเขือเทศผง และมะเขือเทศสด
ทำให้สามารถเรียงลำดับปริมาณของไลโคพีนจากน้อยไปมากได้ดังนี้
มะเขือเทศสด < มะเขือเทศปรุงสุก < ซุปมะเขือเทศเข้มข้น <
น้ำมะเขือเทศ < ซอสมะเขือเทศ < มะเขือเทศผง <
ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศเข้มข้น
จะเห็นได้ว่ามะเขือเทศที่ผ่านกระบวนการและความร้อน
จะมีปริมาณของสารไลโคพีนมากกว่ามะเขือเทศสด แต่อย่างไรก็ตาม
การบริโภคมะเขือเทศสดก็จะทำให้ได้วิตามินและสารอื่นๆ
ที่สลายไปในระหว่างกระบวนการผลิตแทน
ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกรับประทานมะเขือเทศในรูปแบบใด ก็ได้ประโยชน์ทั้งนั้น
เมื่อทราบแบบนี้แล้ว จะรับเป็นสปาเก็ตตี้โบโลเนส ซุปมะเขือเทศ
หรือพิซซ่าหน้าซอสมะเขือเทศชุ่มๆ ดีคะ ^^
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น